น้ำปีนี้มามาก มากเสียจนตั้งหลักรับไม่ไหว วิกฤตจากอุทกภัย-วาตะภัยครั้งใหญ่ ทิ้งร่องรอยความเสียหายทั้งจิตใจ ร่างกาย และทรัพย์สิน ขณะที่พืชผลทางการเกษตรเป็นหมัน พี่น้องผู้ประสบภัยจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ดังนั้นการจะพูดถึงรถยนต์คันใหม่หรือซื้อเพิ่มคันที่สอง ช่วงนี้อาจคุยกันลำบาก เรียกว่าถ้าไม่พังทั้งคันจนขับไม่ไหว คงต้องดื้อซ่อมกันต่อไป
แน่นอนว่ายอดขาย"ปิกอัพ"ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย โดยเฉพาะประเภทเกิดมาใช้งานจริงๆแบบตอนเดียว-ตอนครึ่ง ซึ่งตลาดส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด และนับเป็นปัจจัยลบที่ทุกค่าย(ขายปิกอัพ) ตระหนักคิดและเตรียมวัดฝีมือกันนับจากนี้
...เกือบ 3 ปี หลังการเปิดตัว "นิสสัน ฟอร์นเทียร์ นาวารา" (มกราคมปี 2551) ล่าสุดถึงคิวกระตุ้นความสดใหม่ด้วยการปรับออปชัน แต่ไม่ถึงกับไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งผิดกับการคาดการณ์ของผู้เขียนว่าปลายปีนี้ นาวาราจะต้องปรับโฉมเล็กน้อยตามตลาดโลก
สำหรับ "นาวารา ใหม่" จะตัดคำว่า"ฟรอนเทียร์"ออกไป และใช้คำว่า "นาวารา" ล้วนๆในการทำตลาด (แต่ยังมีรุ่น ฟรอนเทียร์ ซึ่งเป็นปิกอัพโฉมเก่าทำตลาดล่างควบคู่กันไปด้วย) แบ่งเป็น 17 รุ่นย่อย โดยทุกรุ่นฝังไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ส่วนไฟเดิมที่เคยแปะใกล้ๆกับโป่งล้อด้านข้างก็ถอดออกแล้วแทนด้วย ตัวอักษร(Emblem) NAVARA ขณะเดียวกันในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ และขับสองยกสูง "คาลิเบอร์" เสริมราวหลังคาบรรทุกของด้านบนมาให้
ภายในเพิ่มทางเลือกสำหรับสีภายในห้องโดยสาร (เบาะ,คอนโซล) เป็นสีเทาเข้ม นอกเหนือไปจากเดิมคือสีเบจ ส่วนออปชันอำนวยความสะดวกที่นำมาคุยคือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ครูส คอนโทรล) ติดตั้งมาในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด รวมถึงระบบเครื่องเสียงใหม่รองรับ MP 3 พร้อมช่องเสียบอุปกรณ์ต่อพ่วง (AUX-in) และเครื่องเล่นดีวีดี ระบบสัมผัสหน้าจอ ของ Kenwood (เฉพาะรุ่น)ทั้งยังอุ่นใจกับกุญแจอิมโมบิไลเซอร์พร้อมสัญญาณกันขโมย
ทั้งนี้ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดทริปให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ "นาวารา ใหม่" ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซปต์ "Cruising for smoother and economical ride"
ทริปนี้เราใช้เส้นทาง อุดรธานี-เชียงคาน ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร โดยขับออกจากสนามบินอุดรธานี มุ่งขึ้นเหนือเข้าหนองคาย และเลาะริมโขงผ่านอำเภอศรีเชียงใหม่-สังคม-ปากชม ก่อนเข้าที่พักในตลาดเชียงคาน ซึ่งตอนนี้กำลังฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวหัวใจคลาสสิก
ผู้เขียนได้รุ่น "คาลิเบอร์ เกียร์อัตโนมัติ ตัวถังดับเบิลแค็บ" เป็นพาหนะ แต่ก็เริ่มจากการนั่งเป็นผู้โดยสารกับ คุณ"รณชิต เฉลิมชาติ" มือเก๋าในวงการจากนิตยาสาร 4x4 Special โดยถนนช่วงแรกเป็นทางตรงโล่งๆ ซึ่ง "รณชิต" ได้ลองระบบ ครูสคอนโทรล และยืนยันถึงความง่ายในการใช้ผ่าน3 ปุ่มควบคุมบริเวณพวงมาลัย
"รณชิต" บอก ครูสคอนโทรล หรือออปชันต่างๆที่นิสสัน นาวารา ใหม่ ให้มานั้นถือเป็นเรื่องดี เพราะอย่างไรเสียคนไทยก็ชอบออปชันเยอะๆ แต่จะได้ใช่หรือไม่เป็นอีกเรื่อง?
นั่งฟัง"รณชิต" เล่านู้นเล่านี่ไปเพลินๆกว่า 100กิโลเมตร ก็ถึงคิวผู้เขียนเป็นสารถีบ้าง ซึ่งในใจจะลองระบบครูสคอนโทรลเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าถนนข้างหน้ากลับเป็นทางคดเคี้ยว ลงเนินไต่เขาเสียแล้ว สรุปว่าได้แค่จิ้มๆเขี่ยๆพอเป็นพิธีเท่านั้น
การใช้ครูสคอนโทรลกับเกียร์อัตโนมัติ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในวงการรถยนต์ แต่การที่นำมาใช้ในรถปิกอัพแถมเป็นเกียร์ธรรมดาอีกด้วยจึงน่าสนใจเป็นทวีคูณ ซึ่งนิสสันมีความกล้าสูง หรืออาจจะอยู่ระดับเดียวกับปิกอัพที่มีกล้องมองภาพด้านหน้านั่นแหละ
นิสสันคุยว่าเป็นเจ้าแรกในตลาดปิกอัพที่มีครูสคอนโทรลกับเกียร์ธรรมดา (ก่อนหน้านั้น โตโยต้า วีโก้ ใส่มาในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ตัวท็อป) หวังโดนใจลูกค้าที่ต้องขับรถทางไกล ขณะเดียวกันถ้าใช้เกียร์ 6 ซึ่งเป็นเกียร์สูงสุด แล้วแช่ความเร็วนิ่งๆจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น (ระบบครูสคอนโทรลจะรีเซ็ทความเร็วใหม่ เมื่อเราเหยียบคลัทซ์เปลี่ยนเกียร์)
นอกเหนือไปจากครูสคอนโทรล "นิสสัน นาวารา" ยังถือเป็นปิกอัพที่ครบเครื่องเหมือนเดิม อย่างพาหนะของผู้เขียน รุ่น "คาลิเบอร์ ตัวถังดับเบิลแค็บ" วางเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ 144 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด บุคคลิกอาจจะไม่ร้อนแรงมากมาย แต่ก็ถือว่าเพียงพอในการขับขี่ ด้านช่วงล่างเซ็ทมาแข็งเป้กให้การทรงตัวดี วิ่งทางไกลสบาย ส่วนการควบคุมในโค้งทำได้เชื่องมือมั่นใจ
ขณะที่ตัวรถยกสูงสไตล์ปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ วิสัยทัศน์การขับยอดเยี่ยม กระจกมองข้างบานใหญ่เห็นเพื่อนร่วมทางชัด ตัวถังดับเบิลแค็บนั่งสบายๆในฐานนะผู้ขับ แต่ถ้าเป็นผู้โดยสารด้านหลังอาจจะอึดอัด จากเบาะพิงหลังชัน แถมระยะช่วงขาเหลือน้อยไปนิด
รวบรัดตัดความ...การเปิดตัวรถใหม่ ต้องหาของเล่นมาเป็นประเด็นชูในการทำตลาด ส่วน "นิสสัน นาวารา ใหม่" เพิ่มออปชัน ครูสคอนโทรล ราวหลังคา เน้นไปที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อนสองล้อยกสูง "คาลิเบอร์" เป็นหลัก โดยทุกรุ่นปรับราคาตั้งแต่ 1,500-34,000 บาท ฉะนั้นเลือกรุ่นย่อยที่มีออปชันตรงกับความต้องการแล้วกัน...จ่ายเงินแล้วไม่ได้ใช้ของ เสียดายตังค์!
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น