GT-R ตัวขายปกติ
หลังเผยโฉมให้เห็นแบบไม่มีรายละเอียดอะไร(มากมาย)บนเวที "ปารีส มอเตอร์โชว์ 2010" เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในตอนนี้นิสสันพร้อมสำหรับการส่งเวอร์ชันไมเนอร์เชนจ์ของสปอร์ตตัวแรงในรหัส GT-R แล้ว โดยเริ่มรุกตลาดญี่ปุ่นกับเวอร์ชัน JDM ทั้งรุ่นปกติ, ความเร้าใจในรหัส Spec V และทางเลือกใหม่ที่เน้นการตกแต่งแบบหรูหราในชื่อ EGOIST และเวอร์ชันสำหรับลงแข่งในชื่อ Club Track ขณะที่ตลาดโลกจะเริ่มทยอยปรับโฉมตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไปNew Nissan GT-R
การกระตุ้นตลาดครั้งนี้เป็นการปรับโฉมจากรุ่นดั้งเดิมที่นิสสันปัดฝุ่นนำชื่อ GT-R กลับสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อปี 2007 โดยก่อนหน้านี้ ชื่อ GT-R เป็นรหัสพ่วงท้ายที่อยู่กับรถยนต์รุ่นสกายไลน์ตัวถังคูเป้ และเลิกทำตลาดไปเมื่อสิ้นสุดยุครหัสตัวถัง R ของสกายไลน์ เพราะรุ่นใหม่ๆ หันมาใช้รหัสตัวถัง V แทนที่
ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก อาจทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพลิกโฉมชนิดที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน เพราะด้านหน้าเปลี่ยนไปแค่การติดตั้งแถบสปอตไลท์แบบ LED และลวดลายของช่องดักอากาศบนกันชนหน้า
ด้านท้ายมีการออกแบบชายล่างของช่อง Diffuser ของกันชนท้ายใหม่ และย้ายไฟเบรกแบบ LED ไปวางไว้ตรงกลางเหมือนกับรถแข่ง F1 และที่ชัดเจนที่สุด เห็นจะเป็นการเปลี่ยนลายล้อแม็กมาเป็นแบบ 10 ก้านแบบ Forged ขนาด 18 นิ้วและผลิตโดย Rays Engineering เจ้าเก่า
New Nissan GT-R
ภายในรุ่น Club Track
สำหรับในห้องโดยสารเน้นไปที่การเปลี่ยนวัสดุในการตกแต่ง เช่น แผงคอนโซลกลางหุ้มด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนลวดลายบนพวงมาลัย ซึ่งยังเป็นแบบ 3 ก้านเหมือนเดิม ส่วนในรุ่น Club Track เน้นความดิบตามสไตล์รถแข่ง เพราะอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานบนถนนถูกถอดออกจนเกือบหมด ขณะที่เบาะนั่งแบบบักเก็ตซีทก็เป็นแบบของรถแข่ง
ส่วนรุ่น EGOIST เน้นตกแต่งภายในด้วยโทนสีอ่อน และเพิ่มความหรูหรา โดยที่รูปลักษณ์ภายนอกมีการติดตั้งสปอยเลอร์หลังที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ท่อไอเสียแบบปลาย Titanium และเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมจาก Bose โดยที่รุ่น Spec V ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากของดั้งเดิมนอกจากการปรับโฉมตามรุ่นปกติ
แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไม่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้แฟนๆ ของ GT-R ได้ชื่นใจคือ การการนตีว่า GT-R ไมเนอร์เชนจ์จะมีความเพรียวลมและสปอร์ตขึ้นจากรุ่นเดิม เพราะจากการทดสอบในอุโมงค์ลมพบว่าค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทาน หรือ Cd ของตัวรถลดลงจาก 0.27 ในรุ่นเดิมมาเป็น 0.26 ขณะที่เครื่องยนต์รหัส VR38DETT ก็แรงและเร้าใจขึ้นจากเดิมด้วยการพกม้าในคอกมามากกว่าเดิมร่วมๆ 50 ตัวเลยทีเดียว
New Nissan GT-R
New Nissan GT-R รุ่น Spec V
New Nissan GT-R แต่เดิมเรี่ยวแรงที่ได้รับจากเครื่องยนต์วี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,800 ซีซี เทอร์โบคู่บล็อกนี้อยู่ที่ 485 แรงม้า แต่ในรุ่นใหม่นี้มีการปรับเรี่ยวแรงขยับความกระฉับกระเฉงขึ้นเป็น 530 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดขยับขึ้นจาก 59.9 กก.-ม. เป็น 62.5 กก.-ม. ที่ 3,200-6,000 รอบ/นาที สำหรับรุ่น Spec V เพิ่มแค่แรงบิดเป็น 64.5 กก.-ม. ที่ 3,600-5,600 รอบ/นาทีพร้อมกับน้ำหนักตัวที่เบากว่ารุ่นปกติประมาณ 60 กิโลกรัม โดยที่ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์แบบดับเบิลคลัตช์ 6 จังหวะสู่การขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
นอกจากการปรับปรุงเรี่ยวแรงและสมรรถนะของตัวรถแล้ว ในเรื่องของระบบช่วงล่างก็มีการปรับเซ็ตใหม่ด้วยเช่นกัน โดยอิงพื้นฐานเดิม ซึ่งด้านหน้าเป็นแบบปีกนก 2 ชั้น และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ โดยมีการปรับมุมแคสเตอร์ ขยายดิสก์เบรกเป็นแบบ 390 มิลลิเมตรทั้ง 4 ล้อขนาดเท่ากับรุ่น Spec V แต่ยังเป็นแบบดิสก์ธรรมดา ไม่ใช่คาร์บอนเซรามิกเหมือนกับ Spec V
ในญี่ปุ่นวางขายแล้ว โดยตั้งราคาเอาไว้ 8.697-9.45 ล้านเยน หรือ 2.5-3.3 ล้านบาทสำหรับรุ่นธรรมดา และรุ่น Spec V ราคา 15.75 ล้านเยน หรือ 5.51 ล้านบาท และรุ่น EGOIST ราคา 15,000,300 เยน หรือ 5.25 ล้านบาท ส่วนสเปกอเมริกาจะเปิดตัวในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2010 ที่จะเริ่มขึ้นในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้
New Nissan GT-R รุ่น EGOIST
New Nissan GT-R รุ่น EGOIST
New Nissan GT-R รุ่น EGOIST
New Nissan GT-R รุ่น EGOIST
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น