เก๋งเล็กเดือด อีโคคาร์-เฟียสต้าเครื่อง1.5-นาโนซุ่มขาย
ตลาดเก๋งเล็กแข่งเดือด! ค่ายรถเปิดศึกรับเวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ไม่ว่าจะเป็นเก๋งซับคอมแพ็กต์ที่ได้มีการโหมโรงแต่งหน้าทาปาก และเพิ่มรุ่นย่อยทำตลาด เห็นได้จากค่ายโตโยต้าที่ปรับโฉม "ยาริส" เวอร์ชั่นปีมังกรทองให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้น
เช่นเดียวกับฟอร์ดเพิ่มรุ่นท็อปตัวใหม่ให้กับ "เฟียสต้า" เป็นอีกทางเลือก ท่ามกลางกระแสข่าว ฟอร์ด ประเทศไทยกำลังพิจารณาวางเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ให้กับเฟียสต้าเพื่อรับสิทธิ์ร่วมโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรกสูงสุด 1 แสนบาท หลังจากตัวธงรุ่น 1.6 ลิตร ไม่เข้ากรอบเงื่อนไขของรัฐบาล ทำให้เสียเปรียบคู่แข่งเยอะทีเดียว ด้านค่ายรถภารตะที่โดนผลกระทบเช่นกัน จนตัองพับแผนทำตลาดซิตี้คาร์ "ทาทา นาโน" ล่าสุดกลับใจแอบนำเข้ามาให้ดีลเลอร์ทดลองทำตลาด เปิดราคา 2.75 แสนบาท แม้จะเสียเปรียบอีโคคาร์ทุกประตู แถมยังต้องมาโดนถล่มจาก 2 อีโคคาร์โมเดลใหม่ "มิตซูบิชิ มิราจ" และ "ซูซูกิ สวิฟท์" ที่กำหนดเปิดตัวปลายเดือนนี้
เสียงปี่กลองดังเร้าใจขึ้นทันที เมื่องานแสดงรถยนต์รายการบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ใกล้จะเปิดม่านเวทีในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเมษายนนี้ จากการเริ่มขยับของบรรดาค่ายรถต่างๆ โดยเฉพาะสังเวียนนี้ชัดเจนแล้วว่า จะเป็นการฟาดฟันกันของกลุ่มรถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็ก หลังจากปล่อยให้เหล่าบรรดาปิกอัพโฉมใหม่เป็นพระเอก ในเวทีมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสัญญาณที่แสดงให้เห็นมาจากความเคลื่อนไหว ในการแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ หรือเพิ่มรุ่นสู้ศึกให้กับเก๋งซับคอมแพ็กต์ และเก๋งขนาดเล็กนำเข้า รวมถึงการประกาศความพร้อมรุกตลาด 2 อีโคคาร์โมเดลใหม่ในเร็วๆ นี้
โดยในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟอร์ด ประเทศไทย ได้มีการเปิดตัวรถฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ 5 ประตู รุ่น 1.6 ลิตร สปอร์ต อัลทิเมต ซึ่งเป็นรถรุ่นท็อปคันใหม่ในตระกูลเฟียสต้าที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัย ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 จุดเป็นครั้งแรกในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ประกอบด้วยถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมกันกระแทกเข้าด้านคนขับ พร้อมกับอุปกรณ์เพิ่มเติมอื่นๆ ในเฟียสต้า สปอร์ต อัลทิเมต ประกอบด้วย กรอบหน้าต่างโครเมี่ยมที่ทันสมัยสะดุดตา ชุดแต่งสเกิร์ตด้านหน้าและด้านหลังแบบสปอร์ต ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ และเบาะหนัง
"เฟียสต้า สปอร์ต อัลทิเมต จะยกระดับความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการนำเสนออุปกรณ์ปกป้องความปลอดภัยและเทคโนโลยีอันชาญฉลาดอันล้ำสมัยมากมายเป็นครั้งแรกในตลาดเก๋งขนาดเล็ก ที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง โดยจำหน่ายในราคา 7.59 แสนบาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี " สาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทยกล่าว
นั่นเป็นการขยับของฟอร์ด ซึ่งไม่เพียงสร้างจุดเด่นในตลาดเดียวกัน ยังเป็นการฉีกหนีให้เห็นความแตกต่างชัดเจนกับบรรดาอีโคคาร์ ซึ่งนับจากนี้จะมีรถให้เลือกมากถึง 5 โมเดล แต่ที่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับฟอร์ดมากที่สุด เห็นจะเป็นโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรกของรัฐบาล ที่จะดำเนินการไปจนถึงสิ้นปี 2555 ซึ่งฟอร์ดสูญเสียโอกาสดังกล่าวอย่างมาก เพราะตามเงื่อนไขเก๋งที่จะเข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นรถเครื่องยนต์ไม่เกิน 1500 ซีซี หรือขนาด 1.5 ลิตร ขณะที่ฟอร์ดแม้จะมีรุ่นเฟียสต้า 1.4 ลิตรได้สิทธิ์ร่วมโครงการ แต่ไม่ใช่ตัวหลักในการทำตลาด ที่จะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร
เหตุนี้จึงมีกระแสข่าวออกมาจากฟอร์ด ประเทศไทยว่า ทางผู้บริหารกำลังพิจารณาศึกษานำเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร มาวางในรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า เพื่อที่จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ซึ่งลูกค้าจะสามารถขอคืนเงินภาษีมากถึง 1 แสนบาท และคาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆนี้
ขณะที่อีกค่าย "ทาทา" ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการรถคันแรกเช่นกัน จนทำให้แผนนำเข้าเก๋งเล็ก "ทาทา นาโน" มาทำตลาดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ต้องเบรกแผนการทำตลาดทันที เพราะเป็นรถนำเข้าสำเร็จรูปไม่อยู่ในเงื่อนไข ต้องเป็นรถประกอบในประเทศ ทั้งที่ได้มีการนำรถรุ่นนี้มาทดสอบและได้สั่งโรงงานในประเทศอินเดียผลิตเวอร์ชั่นสำหรับประเทศไทยไว้แล้ว เพราะราคาของรถรุ่นนาโนแทบจะไม่แตกต่างจากอีโคคาร์ ซึ่งเมื่อได้รับเงินคืนภาษีจะทำให้เบ็ดเสร็จลูกค้าซื้ออีโคคาร์รุ่นสเปกใกล้เคียงกันกับนาโน ในระดับราคาเพียง 3.1-3.2 แสนบาท แต่ทาทา นาโน เคาะราคาได้ต่ำสุดเพียง 2.75 แสนบาท ที่สำคัญตัวถังและเครื่องยนต์ (600 ซีซี) มีขนาดเล็กกว่าอีโคคาร์ชัดเจน
แต่ล่าสุดทาทา มอเตอร์ส ในประเทศไทย ได้ตัดสินใจกลับมาสู้อีกครั้ง แม้จะเสียเปรียบแทบทุกประตู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา(ภายใต้เงื่อนไขรถคันแรก) แบรนด์ หรือตัวผลิตภัณฑ์ โดยได้มีการแอบนำเข้ามาทดลองทำตลาดอย่างเงียบๆ ด้วยการมอบรถให้กับดีลเลอร์รายละประมาณ 10 คัน เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายชัดเจน ว่าจะให้การตอบรับหรือไม่ ซึ่งรถที่นำเข้ามามีเพียงรุ่นเดียวเป็นเกียร์ธรรมดาราคา 2.75 แสนบาท
ส่วนค่ายยักษ์ใหญ่ "โตโยต้า" ที่ได้รับอานิสงส์ของโครงการรถคันแรกเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า ยาริส หรือรุ่นวีออส ไม่นิ่งนอนใจให้คู่แข่งปรับตัวแย่งยอดขายไปเช่นกัน เพราะได้ชิงเปิดเกมรุกส่งเก๋งซับคอมแพ็คแบบแฮทช์แบ็ค "โตโยต้า ยาริส" รุ่นใหม่ หรือเวอร์ชั่นปี 2012 ที่ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ ด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวทั้งภายในและภายนอก พร้อมแนะนำรถรุ่น RS เกียร์อัตโนมัติใหม่ ที่เพิ่มความสปอร์ต ล้ำสมัย และปราดเปรียวในทุกสภาวะการขับขี่ ซึ่งยาริสใหม่เปิดราคาเริ่มต้น 5.44-7.34 แสนบาท
แต่ที่กำลังร้อนแรงสุดของตลาดเก๋งขนาดเล็ก คงไม่พ้นอีโคคาร์ที่กำลังจะมี 2 โมเดลใหม่สู่ตลาด "ซูซูกิ สวิฟท์" และ "มิตซูบิชิ มิราจ" จากปัจจุบันที่มีอยู่ 3 โมเดล นั่นคือนิสสัน มาร์ช ที่เป็นแบบแฮ็ทช์แบ็ก และรุ่นซีดาน นิสสัน อัลเมร่า ส่วนอีกโมเดลเป็น ฮอนด้า บริโอ้ ซึ่งน่าจะกลับมารุกตลาดอีโคคาร์ได้ในเดือนเมษายนนี้ หลังจากโดนพิษเหตุการณ์สึนามิและน้ำท่วม จนแทบไม่ได้ทำตลาดนับตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ค่าย "ซูซูกิ" ชิงเปิดฉากสร้างกระแสก่อน ด้วยการเชิญสื่อมวลชนทดสอบอีโคคาร์ "ซูซูกิ สวิฟท์" เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กำหนดวางตลาดอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นพร้อมกันทั่วทุกโชว์รูม ในวันที่ 22 มีนาคมนี้(เปิดตัวรอบสื่อมวลชน 21 มี.ค.)
โดยสวิฟท์เวอร์ชั่นอีโคคาร์จะเป็นโมเดลใหม่ ไม่ใช่โฉมเดียวกับรุ่นสวิฟท์ที่ทำตลาดอยู่ปัจจุบัน และวางเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลง หรือ 1.2 ลิตร 91 แรงม้า ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด วางตลาดกับ 3 ทางเลือกย่อย คือ เกรด GA และ GL ที่มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา พร้อมกับรุ่นท็อป GLX ที่ประกบเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น ราคาจำหน่ายยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่น่าจะใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาดระดับ 3 แสนปลายๆ ไปจบที่รุ่นท็อปกว่า 5 แสนบาท
ด้าน "มิตซูบิชิ มิราจ" ตอนนี้มีความพร้อมที่จะเขย่าตลาดอีโคคาร์เช่นกัน โดย "โนบุยูกิ มูราฮาชิ" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเริ่มการผลิตอีโคคาร์ในชื่อรุ่น "มิตซูบิชิ มิราจ" ณ โรงงานใหม่แห่งที่ 3 ของมิตซูบิชิในประเทศไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท
โดยมิตซูบิชิมิราจ จะเป็นชื่อที่ใช้ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ที่มีจุดเด่นเรื่องของ "ความกะทัดรัด" "ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย" และ "ให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม" ซึ่งตั้งเป้าสูงสุดไว้ที่ 22 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งกำหนดเปิดตัวรอบสื่อมวลชนจะมีขึ้นในวันที่ 20 มีนาคมที่จะถึงนี้ ก่อนจะเปิดตัวจำหน่ายอย่างเป็นทางการในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 เป็นต้นไป ด้วยราคาระหว่าง 3.8 แสนบาท และสูงสุดไม่เกิน 5.5 แสนบาทพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับในช่วงเปิดตัว และมีแผนส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกในลำดับต่อไป
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น