10 อันดับรถในดวงใจ ปี 2552
โปรตอน แซฟวี่
รถเล็กเครื่องต่ำกว่า 1.5 ลิตร ปีนี้ยังไม่มีอะไรใหม่ ๆ เลยทำให้ขาเก่าอย่าง โปรตอน แซฟวี่ ยังคงเป็นรถรุ่นเล็กที่น่าใช้ที่สุดในสายตาผม ส่วนในปีหน้า ถ้าใครไม่รีบก็รอดู รถอีโคคาร์ ของค่ายนิสสันที่เตรียมเปิดตัวในปลายไตรมาส 1 หรือ ในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ได้ไม่ว่ากัน
โปรตอน แซฟวี่เป็นรถคอมแพคท์ 5 ประตูจากประเทศมาเลเซีย ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของรูปทรงที่กะทัดรัดน่ารัก มีสีสันฉูดฉาดบาดตา ภายในห้องโดยสารไม่ได้คับแคบ คือ ผู้หญิงนั่งสบาย ผู้ชายนั่งไม่อึดอัด ตัวเครื่องยนต์ขนาดเล็กแค่ 1.1 ลิตร 74 แรงม้า แรงพอตัว และกินน้ำมันน้อย ซึ่งเท่าที่ผมทำได้เฉลี่ยอยู่ประมาณ 20 กม./ลิตร (ความเร็ว 90-100 กม./ชม.) แต่ที่โดนใจ ก็เห็นจะเป็นเรื่องของราคา เพราะรุ่นเกียร์ธรรมดาตั้งราคาไว้แค่ 399,000 บาทเท่านั้น ส่วนใครที่ชอบความสบาย แซฟวี่ก็มีรุ่นเกียร์อัตโนมัติให้เลือกอีก 2 รุ่น คือ รุ่นมิดเดิลไลน์ และรุ่นท็อปสุดไฮไลน์ที่เพิ่มระบบความปลอดภัยให้สูงขึ้น
ฮอนด้า ซิตี้
ช่วงปลายปี มีรถขนาด 1.5 ลิตรเปิดตัวใหม่กันเยอะครับ ซึ่งหลาย ๆ คันก็ดูน่าสนใจไม่น้อย แต่ถ้าถามว่าตัวไหนเจ๋งสุดก็ต้องยกให้กับ ฮอนด้า ซิตี้ เขาล่ะ เพราะเฉพาะ 9 เดือนแรกของปี 2552 ก็กวาดยอดขายไปได้แล้วกว่าสองพันห้าร้อยคัน
ความรู้สึกแรกที่ผมได้เห็นซิตี้ใหม่ด้วยตาตัวเองก็คือ “สวย” การเข้าออกจากรถก็ทำได้ง่าย เพราะประตูเปิดได้มุมที่กว้างมาก พื้นที่ภายในกว้างขวางตัวเบาะคู่หน้านั่งสบาย เบาะหลังสามารถปรับเอนลงได้ด้วย การจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่หยิบจับได้ถนัด มุมมองโดยรอบก็เห็นได้ชัดเจนดี ในด้านของสมรรถนะผมว่าซิตี้ใหม่เป็นรถที่ขับง่ายดี เครื่องยนต์มีการตอบสนองการเร่งออกตัวได้อย่างว่องไว พวงมาลัยมีน้ำหนัก เบาและแม่นยำ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ราบเรียบ การเก็บเสียงก็ทำได้ดีมาก ๆ ช่วงล่างนิ่มนวลนั่งสบาย และยึดเกาะถนนได้มั่นคง สำหรับอัตราการกินน้ำมัน (แก๊สโซฮอล์ 91) ช่วงความเร็ว 80-100 กม./ชม. ทำได้ประมาณ 13-14 กม./ลิตรครับ
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์1.8 ไมเวค
ปีนี้นอกจากรูปทรงที่ดูสวยดุดันของแลนเซอร์ อีเอ็กซ์จนเอาชนะใจผมได้แล้ว ในส่วนของเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ก็ยังมีข้อดีตรงที่ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งน้ำมัน เบนซิน และแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดไปจนถึงแก๊สโซฮอล์ อี 85 อีกด้วย
แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 ไมเวคคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ใหม่รหัส 4B10 ขนาด 1.8 ลิตร เอฟ เอฟวี 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC MIVEC ให้กำลังสูงสุดที่ 139 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 172 นิว ตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่วนระบบส่งกำลังจะเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 6 จังหวะและมีฟังก์ชัน สปอร์ตโหมด ที่ผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา พร้อมทั้งติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ INVECS-III ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล และแม่นยำ
ฟอร์ด โฟกัส ทีดีซีไอ
ในบรรดารถขนาดเล็กราคาล้านต้น ๆ ที่ผม เคยได้ทดลองขับมา โดยส่วนตัวแล้วผมว่า ฟอร์ด โฟกัส ทีดีซีไอ (TDCi) เป็นรถที่มีจุดเด่นทั้งในด้านสมรรถนะ การยึดเกาะถนน และความประหยัด น่าใช้ที่สุดครับ แถมตอนนี้ โฟกัส ทีดีซีไอก็ยังขับได้สบายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเปลี่ยนมาใช้เกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ ชิฟท์ 6 สปีด รุ่นล่าสุดอีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยชุดส่งกำลังสองชุดที่ทำงานประสานกัน จึงทำให้มีการทำงานที่รวดเร็ว และนิ่มนวลกว่าระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์
ส่วนในด้านสมรรถนะรวม ๆ ของรถรุ่นนี้ ต้องบอกว่า “สนุกสุขใจที่ได้ขับ” ครับ เพราะมันมีช่วงล่างที่ยึดเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างสนุกและเร้าใจ แถมเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้ก็มีแรงบิดมากเกือบ 2 เท่าของตัวเบนซิน 2 ลิตร แถมยังสามารถเรียกพละกำลังมาใช้ได้ตั้งแต่รอบเครื่องต่ำ ๆ จึงทำให้ โฟกัส ทีดีซีไอมีอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจตลอดทุกช่วงความเร็ว สวนทางกับอัตราการกินน้ำมันเฉลี่ย ที่น้อยมากแค่ 16 กม./ลิตรเท่านั้นเอง
โตโยต้า คัมรี ไฮบริด
ถ้าคุณชอบรถคันใหญ่นั่งสบาย สมรรถนะดี แต่ก็ยังกังวลกับเรื่องราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีไฮบริดของ คัมรี ไฮบริด ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของคุณนะผมว่า
คัมรี ไฮบริดนั้น จะใช้เครื่องยนต์รหัส 2AZ-FXE มีขนาดความจุ 2.4 ลิตร ภายในเครื่องยนต์จะมีมอเตอร์อยู่ 2 ชุด เพื่อช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ และเป็นตัวชาร์จกระแสไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ ไว้ใช้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนมอเตอร์ด้วย เท่าที่ได้ทดลองขับคัมรี ไฮบริดแล้ว ผมว่ามันมีสมรรถนะที่ดีขึ้นมากทีเดียว อย่างตอนเริ่มต้นออกตัวและเคลื่อนตัวช้าด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. ช่วงนี้เครื่องยนต์จะยังไม่ทำงานภายในรถจึงเงียบมาก ๆ การที่รถเคลื่อนที่ได้ก็เพราะได้กำลังขับจากมอเตอร์เพียงอย่างเดียว ดังนั้นการขับขี่ขณะที่รถติด ๆ จึงให้ความประหยัดแบบสุด ๆ และเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นมากกว่า 40 กม./ชม. เครื่องยนต์จะสตาร์ตติดขึ้นเอง ตอนนี้ทั้งมอเตอร์และเครื่องยนต์จะช่วยกันขับเคลื่อนรถ
บีเอ็มดับเบิลยู 740 แอลไอ
เมื่อพูดถึงค่ายรถหรูใบพัดสีฟ้า ก็มีรุ่นที่สุดยอดไม่แพ้รถพรีเมี่ยมอื่นๆ นั่นก็คือ บีเอ็มดับเบิลยู 740 แอลไอ คันนี้ละถูกใจผมที่สุด นอกจากจะเป็นรถระดับซูเปอร์ซาลูนที่เหมาะสำหรับมหาเศรษฐีขายาว ด้วยขนาดพื้นที่ ของห้องโดยสารด้านหลังกว้างขวางอลังการงานสร้างที่สุดแล้ว ทางด้านสมรรถนะของรถนั้น ยังเป็นรถเก๋งคันโตที่สามารถควบคุมได้ง่ายมาก ๆ เนื่องจากรถรุ่นนี้ใช้ระบบบังคับ เลี้ยวทั้งสี่ล้อ
ส่วนในเรื่องของพละกำลัง ที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้กระโปรงหน้าของ 740 แอลไอ ถูกบรรจุไว้ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตรแบบ 6 สูบแถวเรียง ซึ่งมีเรี่ยวแรงเทียบเท่าฝูงม้าถึง 326 ตัว และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,500 รอบ/นาที และด้วยแรงบิดสูงสุดที่สามารถเรียกพลังขึ้นมาใช้ได้ทันใจตั้งแต่รอบต่ำ ๆ
จึงทำให้รถรุ่นนี้เป็นรถที่มีอัตราเร่งดีเยี่ยมในทุกย่านความเร็ว โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 6.0 วินาทีเท่านั้น ส่วนเรื่องอัตราการกินน้ำมัน ถ้าดูข้อมูลของโรงงานแล้วออกจะอยู่ที่ประมาณ 10 กม./ลิตร
ฮุนได เอช-1
ส่วนรถที่เข้าตาจากแดนกิมจิ ก็เห็นจะเป็น เจ้า เอช-1 ซึ่งเป็นรถตู้รุ่นใหญ่ที่ฮุนไดได้นำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราพร้อมกันถึง 3 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ เอช-1 มาเอสโต้ เดอลุกซ์ กับ เอช-1 มาเอสโต้ เอ็กเซ็กคูทีฟ และ เอช-1 ทัวริ่ง
ในเรื่องของสมรรถนะ หลังจากได้ลองขับ เอช-1 ทั้ง 3 รุ่นแล้ว เจ้าเอช-1 ทัวริ่ง ที่ใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีด กลับมีเฟืองท้ายลูกโตกว่า มีจุดเด่นที่สามารถออกตัวได้ไวกว่า อัตราเร่งแซงช่วงความเร็วไม่เกิน 120 กม./ ชม.ก็ทำได้น่าประทับใจกว่า ในขณะที่เอช-1 มาเอสโต้ เดอลุกซ์ กับ เอช-1 มาเอสโต้ เอ็กเซ็กคูทีฟ ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ และมีเฟืองท้ายลูกเล็กกว่า ออกตัวได้อืดกว่า และมีอัตราเร่งแซงในช่วงความเร็วเดียวกันที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับข้อดีของเอช-1 มาเอสโต้ซึ่งใช้เฟืองท้ายลูกเล็กกว่าก็คือ ความเร็วช่วงปลายไหลลื่นกว่า และยังส่งผลให้เอช-1 มาเอสโต้กินน้ำมันน้อยกว่าเวลาวิ่งในระยะทางไกลๆ ส่วนช่วงล่างของเอช-1 แม้จะออกแนวกระด้างอยู่บ้าง แต่มันก็ให้ความรู้สึกว่าสามารถยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคง เวลาเข้าโค้งเร็ว ๆ ก็ไม่มีอาการยวบยาบให้หวาดเสียว ส่วนการทำงานของระบบเบรกก็มีประสิทธิภาพดี จากสมรรถนะของรถแล้ว เชื่อได้ว่าเข้าไปนั่งอยู่กลางใจของใครหลายคนเข้าไปแล้ว
นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ 2.5 ลิตร
คาลิเบอร์ เป็นรถกระบะแบบขับ 2 ล้อยกสูง ที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจคนรักรถกระบะทรงออฟโร้ดแต่ไม่เน้นลุยมากนัก ซึ่งก็ดูเหมือน นิสสันจะมาถูกทาง เพราะหลังจากการเปิดตัวคาลิเบอร์ได้ไม่นาน ยอดขายของคาลิเบอร์ก็ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในตลาดรถกระบะขับ 2 ล้อยกสูงทันที
ในด้านของสมรรถนะนั้น ผมชอบการที่ นิสสันจับเอาเครื่องบล็อก YD25 ดีดีทีไอ มิดเพาเวอร์ มาใช้รวมกับเกียร์ 6 สปีด เพราะแม้ว่าจะมีแรงม้าแค่ 144 ตัว แต่แรงบิดสูงสุด 356 นิวตัน-เมตรของเครื่องยนต์รุ่นนี้ สามารถเรียกมาใช้ได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาทีไปจนถึง 3,200 รอบ/นาที ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องแรงตกในรอบต่ำจนต้องเปลี่ยนเกียร์ 2-3 ช่วยบ่อย ๆ เหมือนเครื่องรุ่น YD25 ดีดีทีไอ ไฮเพาเวอร์ 174 แรงม้า แถมยังไม่จำเป็นต้องลากเกียร์นาน ๆ เวลาเร่งความเร็ว และมีความเร็วรอบต่ำลงมากในช่วงความเร็วสูง ๆ ซึ่งส่งผลให้รถกินน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงอีกด้วย
อีซูซุ มิว-เซเว่นซูเปอร์ แพลททินั่ม
อีซูซุ มิว-เซเว่น ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่ เป็นรถกระบะดัดแปลง หรือ พีพีวี ที่มีความเป็นเลิศทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัด และยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ “ไอ-จินนี่”
อีซูซุ มิว-เซเว่น ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่ ได้รับการแต่งเติมรูปทรงให้สง่างามยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตามแนวคิด “เติมเต็มความสุข สนุกกับชีวิตมีสไตล์” ส่วนภายในห้องโดยสารก็จะเน้นให้มีความเงียบสุดและแสนสะดวกสบาย การตกแต่งเพิ่มความหรูหราด้วยลายไม้ใหม่กับชุดแต่งโครเมียมคมเข้มแบบสปอร์ต ส่วนระบบความบันเทิงก็จะประกอบไปด้วย ชุดเครื่องเสียงเวอร์ชั่นล่าสุดยี่ห้อเคนวูด ที่ประกอบด้วยเครื่องเล่นดีวีดี จอแอลซีดี ขนาด 7 นิ้วในรุ่นดีแมคซ์ และ 8 นิ้วในรุ่นมิว-เซเว่นเล่นได้ทั้ง DVD, VCD, MP3, WMA และ DivX พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย (Built-in Bluetooth) สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์บันเทิงได้ ทั้ง ไอโฟน, ไอพ็อด และ เครื่องเล่นเอ็มพี 3 พร้อมเมนูภาษาไทย
นอกจากนี้อีซูซุยังได้ติดตั้งเทคโนโลยีนำทางใหม่ “ไอ-จินนี่” ซึ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนาน สะดวกสบายในการวางแผนการเดินทาง แถมยังให้ความประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย ความทนทาน และความคุ้มค่าเงิน เสริมส่งความมั่นใจ “นำทางรวย” แก่ผู้ใช้รถอีซูซุโดยเฉพาะอีกด้วย
เมอร์เซเดส เบนซ์ เอสแอลเค 200 คอมเพรสเซอร์
เอสแอลเค เป็นรถสปอร์ตไซซ์เล็กแบบ 2 ที่นั่งและเปิดประทุนได้ หรือที่เรียกกันว่า โรส เตอร์ ของค่ายดาว 3 แฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ สำหรับรูปโฉมของเอสแอลเคนั้น ผมว่าตัวกระจังหน้าและกันชน ช่วยทำให้ด้านหน้าของเอสแอลเคดูได้อารมณ์แบบรถฟอร์มูล่าวันมากขึ้น
ส่วนด้านท้ายก็คมเข้มด้วยชุดไฟท้ายดำ และปลายท่อไอเสียคู่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่รับกันอย่างลงตัวกับกันชนหลัง ใหม่ การตกแต่งเน้นโทนสีดำตัดแดงดูร้อนแรงดี ความกว้างขวางของห้องโดยสารนั้น ไม่มีปัญหา หากคนตัวใหญ่ ๆ เข้าไปนั่ง ก็ไม่อึดอัด ระบบการเปิดประทุนเป็นแบบไฟฟ้าทำงานไวทันใจ
สมรรถนะของเครื่อง 1.8 ลิตรติดซูเปอร์ชาร์จ ให้ฝูงม้ามากถึง 184 ตัว จะขับสนุก สุด ๆ ที่ความเร็วกลางสัก 90 กม./ชม.ขึ้นไป หรือถ้าได้รอบเครื่องสัก 2,200 รอบ/นาทีขึ้น แรงบิดจะเริ่มมา กำลังเริ่มมี ตอนนี้ละขับกันมันเอาเรื่องเลย แถมยังกินน้ำมันน้อยมากแค่ 10-11 กม./ลิตรเท่านั้น การทำงานของระบบช่วงล่างออกแนวกระด้าง นั่งสะเทือนแต่ก็เกาะหนึบเป็นตุ๊กแก จะเข้าโค้งแรง ๆ ก็สนุกวางใจ ท้ายไม่โยน ระบบเบรกเยี่ยมสั่งหยุดฝูงม้าทั้ง 184 ตัวได้ตามเท้าสั่ง.
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น