25 มกราคม 2553

เฌอรี่เล็งปักธงไทยบุกตลาดอาเซียน

เฌอรี่เล็งปักธงไทยบุกตลาดอาเซียน
“เฌอรี่” ค่ายรถแดนมังกรเล็ง จ่อคิวตั้งโรงงาน ในไทย หวังขยายส่งออกผ่านช่องทางอาฟตา

นายโจว ไบเรน รองประธาน เฌอรี่ ออโตโมบิล ประเทศจีน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยืนยันว่ามีแผนการร่วมกับพันธมิตรตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการบุกตลาดรถยนต์อาเซียน ขณะนี้อยู่ระหว่างการปูฐานการทำตลาดและสร้างเครือข่ายธุรกิจ ด้วยการส่งรถเข้าไปจำหน่ายและจ้างประกอบรถยนต์ในมาเลเซียและอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเฌอรี่จะมีการจ้างประกอบรถยนต์บางโมเดลในบางประเทศ แต่ในกรณีประเทศไทยนั้นเฌอรี่ถือว่าเป็นตลาดที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการ ขยายธุรกิจรถยนต์ในตลาดโลก

นายไบเรน กล่าวว่า หากในอาเซียนมีดีมานด์ในตัวรถยนต์เฌอรี่ถึงระดับ 30,000 คันต่อปี ก็สามารถลงทุนตั้งโรงงานในไทยได้ และจะเป็นการผลิตที่ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (local content) มากกว่า 40% เพื่อให้เข้าเกณฑ์ของการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งในเรื่องการส่งเสริมการลงทุนหรือจุดกำเนิดสินค้า เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามช่องทางเขตการค้าเสรีที่ประเทศไทยทำไว้กับ ประเทศต่างๆ

ทั้งนี้ หากเฌอรี่ตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองไทย ก็จะเป็นการลงทุนในแบบ 3 พันธมิตร คือ เฌอรี่ ออโตโมบิล, ไทยยานยนต์กรุ๊ป และเครือเจริญโภคภัณฑ์ คาดว่าจะใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,500 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานที่มีกำลังการผลิตประมาณ 50,000 คันต่อปี และเป็นไปได้สูงที่จะผลิตทั้งรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถปิกอัพที่กำลังพัฒนา อยู่ในขณะนี้

นายนพดล เจียรวนนท์ รองประธาน เครืออุตสาหกรรมยานยนต์และกิจการการเงิน เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการตัดสินใจลงทุน ในความเป็นจริงเฌอรี่ศึกษาตลาดรถยนต์ไทยมานาน แต่ในช่วงที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจภาพรวมจะดีแต่การเมืองไทยไม่นิ่ง เพราะหากพิจารณาในแง่โนว์ฮาวการประกอบรถยนต์และเงินทุน เฌอรี่มีความพร้อมมากและพร้อมมานานแล้ว
“การที่ เฌอรี่ ต้องการลงทุนในไทย นอกจากจะใช้เป็นฐานในการบุกตลาดอาเซียนผ่านช่องทางเขตการค้าเสรีอาเซียนหรือ อาฟตาแล้ว เฌอรี่ยังมองถึงโอกาสในการส่งรถไปทำตลาดออสเตรเลีย ผ่านช่องทางเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลียอีกด้วย” นายนพดล กล่าว

นายดำรง ดำรงกุลวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเฌอรี่ยานยนต์ จำกัด ผู้ทำตลาดรถยนต์เฌอรี่ในไทย กล่าวเสริมว่า หลังจากที่ได้เปิดตัวแบรนด์รถยนต์เฌอรี่ ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 3 รุ่น คือ คิวคิว ทิกโก้และครอส มียอดจองรถในงานจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นคิวคิว กว่า 95% หลังจากจบงานบริษัทได้ชะลอกิจกรรมตลาดไปสักระยะหนึ่ง เนื่องจากยังไม่มีรถจอดในโชว์รูมและยังไม่มีสต็อกมากพอที่จะรุกธุรกิจ แต่หลังจากที่บริษัทฯ ได้ส่งมอบรถยนต์ล็อตแรกไปแล้ว ช่วงนี้อยู่ระหว่างการประเมินผลและฟีดแบ็คจากผู้บริโภค แม้ว่าบริษัทจะมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าตามมาตรฐานอย่างดีแล้ว แต่ก็ต้องการทราบความคิดเห็นและความพึงพอใจจากผู้ใช้งานจริงเพื่อปรับปรุง การให้บริการก่อนที่จะทำการรุกตลาดอย่างจริงจัง

นายดำรง กล่าวว่า กลยุทธ์ในการทำตลาดเฌอรี่ จะเน้นไปที่การตลาดเชิงประสบการณ์ (Experience Marketing) ด้วยการโรดโชว์และจัดกิจกรรมตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในกลุ่มพนักงานบริษัทและกลุ่มครอบครัว อาทิเช่น การไปออกบูธในอาคารซีพี ทาวเวอร์ ย่านสีลม หรือการจัดกิจกรรมในห้างค้าปลีกเทสโก้ โดยจะมีพนักงานขายให้ข้อมูลสินค้าและนำเสนอแคมเปญทางการเงินที่ได้รับการ สนับสนุนจากพันธมิตรอย่างทิสโก้และธนชาต และบริษัทได้เตรียมรถไว้ให้ทดลองขับด้วย

นายดำรง กล่าวต่อว่า เดิมกลุ่มเป้าหมายเฌอรี่คือคนที่ต้องการมีรถคันแรกของชีวิตหรือครอบครัว แต่หลังจากขายจริงพบว่าลูกค้าเฌอรี่หลากหลายมาก อาทิเช่น ใช้คิวคิวเป็นรถคันเล็กสำหรับขับไปทำงานแล้วจอดคันใหญ่ไว้ใช้วันหยุด และกลุ่มคนที่จำเป็นต้องใช้รถ แต่คำนวณค่าใช้จ่ายออกมาอย่างละเอียดแล้วพบว่าคิวคิวมีค่าใช้จ่ายต่อ กิโลเมตรต่ำที่สุด จากแคมเปญฟรีค่าบำรุงรักษาและค่าแรงตลอด 3 ปีแรก

สำหรับรถยนต์เฌอรี่ ปัจจุบันทำตลาดอยู่ 3 รุ่น ได้แก่ รถเก๋ง รุ่นคิวคิว ราคา 3.59-4.22 แสนบาท รถเอสยูวี รุ่นทิกโก้ ราคา 7.89-8.25 แสนบาท และรุ่นครอส ราคา 8.88-9.15 แสนบาท

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ/http://men.mthai.com/car/content/1739

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น