ตลาดบูม!เก๋งราคา4-5แสนแห่จ่อคิวเปิดตัวยาวข้ามปี
ตลาดเก๋งเล็กราคา 4-5 แสนบาทร้อนแรง! มีรถใหม่จ่อคิวเปิดตัวตามหลัง “นิสสัน มาร์ช” ที่กำลังมาแรงทุกไตรมาส เริ่มตั้งแต่พฤศภาคมนี้ แบรนด์ดังจากจีน “เฌอรี่” นำเข้าแฮ็ตช์แบ็ก 5 ประตู รุ่น “เอ1” เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ราคา 4 แสนบาทต้นๆ มาเกาะกระแสตีกินนิ่มๆ แต่ที่น่าจับตาเห็นจะเป็น “ฟอร์ด เฟียสต้า 1.4 ลิตร” ที่เดือนสิงหาคมมีกำหนดวางจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งหมากนี้ฟอร์ดส่งมาเสริมรุ่น 1.6 ลิตร เพื่อกินรวบตลาดกลุ่มระดับราคาประมาณปลาย 4-5 แสนบาท ก่อนที่ช่วงส่งท้ายปีจะมีคู่แข่งเพิ่มอีกรุ่น “ฮุนได ไอ10” ที่นำเข้าจากโรงงานในมาเลเซีย ภายใต้สิทธิ์ประโยชน์ตามกรอบอาฟต้า ทำให้ราคาเคาะออกมาปลาย 4-5 แสนบาทต้นๆ และยังต้องมาลุ้นกับ “โปรตอน” แบรนด์รถยนต์มาเลเซียของแท้ ซึ่งมีแนวโน้มสูงจะนำเข้ารุ่น “เซก้า” หรือเวอร์ชั่น 4 ประตูของ “โปรตอน เซฟวี่” มาเสริมทัพ เท่านั้นไม่พอยังแรงข้ามไปถึงต้นปีหน้า อันถือเป็นจุดตลาดระอุแบบสุดๆ เมื่อยักษ์ใหญ่ “ฮอนด้า” จะเปิดเก๋งโมเดลใหม่ภายใต้โครงการอีโคคาร์มาฟัดกับนิสสันแบบหมัดต่อหมัดกันเลย
เฌอรี่ เอ1
ร้อนแรงสมกับที่คาดหวังไว้ สำหรับ “นิสสัน มาร์ช” อีโคคาร์คันแรกที่ถูกส่งมาบุกตลาดไทย ในราคา 3.75-5.37 แสนบาท โดยสามารถทำยอดจองพุ่งทะลุ 5,000 คันไปแล้ว ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น นับตั้งแต่วันเปิดจอง เฉพาะในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ที่ไบเทคบางนา มียอดจองร่วม 2,000 คัน นับเป็นการโหมโรงปลุกตลาดซิติ้คาร์ในไทยได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ก่อนหน้าแม้จะมีรถลักษณะนี้ทำตลาดมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ความร้อนแรงของนิสสัน มาร์ช จึงเป็นการปูทางให้กับรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามา สามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้นระดับหนึ่ง โดยเฉพาะปีนี้ที่มีทยอยนำเข้ามาทำตลาดต่อเนื่องหลายรุ่น
ทั้งนี้ใครที่ไปเดินงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ที่เพิ่งปิดฉาก คงจะได้ชมและสัมผัสไปบ้างแล้ว เพราะได้มีการนำรถมาเผยโฉมหยั่งกระแสเสียงตอบรับ จากผู้มาชมภายในงาน 2-3 รุ่น ก่อนที่จะนำเข้ามาทำตลาดภายในปีนี้
โดยที่ไม่ต้องรอนานเห็นจะเป็นรถยนต์จากประเทศจีน “เฌอรี่ เอ1” ซึ่งพร้อมนำเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการเดือนพฤศภาคมนี้ ในรูปแบบรถยนต์แฮ็ตช์แบ็ก 5 ประตู วางเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC ขนาด 1300 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 114 นิวตันเมตร ที่ 3,800-4,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วได้สูงสุด 156 กม/ชม. โดยเบื้องต้นจะมาเฉพาะรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ จากนั้นช่วงปลายปีจึงจะนำเข้ารุ่นเกียร์อัตโนมัติมาทำตลาด
อุปกรณ์ที่ติดตั้งมากับ เฌอรี่ เอ1 ทั้งภายนอกและภายใน ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งจากค่ายรถญี่ปุ่น หรือเกาหลีเลย อาทิ ล้ออัลลอย สปอยเลอร์หลัง แร็คหลังคา ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง และที่ปัดน้ำฝนกระจกบังลมหลัง เบาะนั่งหนังอย่างดี กระจกไฟฟ้า 4 บาน กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้า ระบบเซ็นทรัลล็อกแบบ 2 ชั้น กุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 4 ตัว ส่วนระบบความปลอดภัย ถุงลมนิรภัยทั้งสำหรับผู้ขับกับผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก เป็นต้น
สำหรับสนนราคาของเฌอรี่ เอ1 ยังไม่เคาะเป็นทางการ แต่จากการเปิดเผยคร่าวๆ ของผู้บริหารบริษัท ไทยเฌอรี่ ยานยนตร์ จำกัด น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาทต้นๆ โดยตั้งเป้าเดือนละประมาณ 50 คัน
ฟอร์ด เฟียสต้า ซีดาน
ส่วนอีกรุ่นที่เผยโฉมภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 “ฟอร์ด เฟียสต้า” ที่ทางฟอร์ด ประเทศไทยประกาศออกมาแล้วว่า จะทำตลาด 2 เครื่องยนต์ด้วยกัน คือ ขนาด 1600 ให้กำลังสูงสุด 118 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และ 1400 ซีซี 94 แรงม้าที่ 5,750 รอบต่อนาที ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮ็ตช์แบ็ก 5 ประตู เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการ โดยจะวางจำหน่ายตามโชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
จากคำบอกเล่าของ “สาโรช เกียรติเฟื่องฟู” รองประธานอาวุโสของฟอร์ด ประเทศไทย ราคาเฟียสต้าจะไม่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดซับคอมแพ็กต์ แต่โดดเด่นกว่าในเรื่องนวัตกรรมระบบเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ที่ติดตั้งในรุ่นเครื่องยนต์ 1600 ซีซี จึงให้ประสิทธิภาพทั้งด้านสมรรถนะ การตอบสนองการขับขี่ที่รวดเร็ว และความประหยัดน้ำมันสูง
หากพิจารณาจากตรงนี้ ฟอร์ด เฟียสต้า เครื่องยนต์เบนซิน 1400 ซีซี ราคาน่าจะอยู่ประมาณปลาย 4-5 แสนบาท ซึ่งงานนี้คงทำเอา “นิสสัน มาร์ช” รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ ที่มีระดับราคาดังกล่าว สะเทือนไปตามๆ กันแน่
เฟียสต้า แฮทซ์แบ็ก
เรียกว่าหมากเกมนี้ “ฟอร์ด เฟียสต้า” คงหวังกินรวบตลาดเก๋งเล็ก ตั้งแต่ซิตี้คาร์ อีโคคาร์ ไปจนถึงซับคอมแพ็กต์ หรือรถกลุ่มระดับราคาปลาย 3-7 แสนบาทต้นๆ และทีนี้ล่ะคงได้รู้กัน “นิสสัน มาร์ช” จะยังคงร้อนแรงอีกต่อไปหรือไม่?
แต่ที่แน่ๆ ค่ายรถจากแดนกิมจิ “ฮุนได” ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใดๆ ประกาศชัดเจนแล้วว่า ปลายปีนี้จะนำเข้าซิตี้คาร์มาบุกตลาดไทย ให้ทันช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 หลังจากประสบความสำเร็จกับรถเอ็มพีวีรุ่นเอช1 เป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยรถที่ทำตลาดมีชื่อเรียกว่า “ฮุนได ไอ10” เป็นซิตี้คาร์ที่นำเข้ามาจากโรงงานประกอบในมาเลเซีย ภายใต้กรอบข้อตกลงอาฟต้า(AFTA) อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ภายในอาเซียนอยู่ที่0%
ฮุนได ไอ10
ฮุนได ไอ10 เป็นรถราคาประหยัดกลุ่มเอ-เซกเม้นท์ หรือซิตี้คาร์ ในแบบของรถแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วโลกเป็นอย่างดี มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งขนาด 1100 ซีซี 66 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และรุ่น 1200 ซีซี 78 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที โดยในไทยจะเลือกรุ่น 1200 ซีซีมาทำตลาด
ราคาจำหน่ายของฮุนได ไอ10 ในมาเลเซียประมาณ 4.1-5.1 หมื่นริงกิตมาเลเซีย หรือคิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ 4-5 แสนบาท ฉะนั้นราคาขายในไทยคงจะไม่หนีไปจากนี้ เพียงแต่รุ่นที่ทำตลาดในไทยจะใส่อุปกรณ์มาให้อย่างเต็มที่ จากการประเมินคร่าวๆ เบื้องต้นของทางฮุนไดในประเทศไทย จึงคาดว่าน่าจะทำราคาอยู่ที่ประมาณปลาย 4-5 แสนบาทต้นๆ
นอกจากนี้ในช่วงปลายปีเช่นเดียวกัน ยังมี “โปรตอน” รถยนต์จากมาเลเซียที่น่าจับตามองอีกยี่ห้อ ที่อาจจะนำเข้ารถยนต์ขนาดเล็กมาทำตลาดในไทย หลังจากประสบความสำเร็จพอสมควรกับ โปรตอน เซฟวี่ แม้จะยังไม่เปิดเผยชัดเจน แต่หากพิจารณาโปรดักซ์ที่น่าสนใจแล้ว คงจะไม่พ้น “โปรตอน ซาก้า” (Saga) เก๋งซีดานขนาดเล็ก หรือจะเรียกว่าเวอร์ชั่น 4 ประตูของรุ่นเซฟวี่ก็ได้ โดยวางเครื่องยนต์ขนาด 1300 ซีซี 95 แรงม้า และหากนำเข้ามาราคาน่าจะใกล้เคียงกับรุ่นเซฟวี่
โปรตอน ซาก้า
อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงของตลาดเก๋งเล็กระดับราคา 4-5 แสนบาท ได้ถูกมองยาวข้ามไปถึงต้นปี 2554 โน้น เพราะ“ฮอนด้า”ค่ายยักษ์ใหญ่ตลาดเก๋ง ได้ประกาศชัดเจนว่าจะเปิดตัวรถยนต์ภายใต้โครงการอีโคคาร์สู่ตลาดไทย ในช่วงต้นปีหน้านี้แน่นอน และจะเป็นอีโคคาร์คันที่สองต่อจากนิสสัน มาร์ช จากทั้งหมด 6 ยี่ห้อ (ฮอนด้า, นิสสัน, ซูซูกิ, มิตซูบิชิ,โตโยต้า และทาทา) ที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ
เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับสาวกฮอนด้ามากมายในไทย และเป็นการเบรกกระแสความร้อนแรงของคู่แข่ง “นิสสัน มาร์ช” ไปด้วย ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทยจึงได้นำรถต้นแบบที่เรียกว่า “Honda New Small Concept” มาแสดงในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 และระบุว่าจะเป็นรถที่พัฒนาเป็นอีโคคาร์ ที่มีกำหนดการผลิตและเปิดตัวในไทยต้นปี 2554 ที่จะถึงนี้
เห็นมั๊ยล่ะว่า…ตลาดเก๋งขนาดเล็กระดับราคาประมาณ 4-5 แสนบาท มีรถใหม่แห่จ่อคิวเปิดตัวทุกไตรมาสเลยทีเดียว แม้แต่ซับคอมแพ็กต์ หรือเก๋งตลาดอื่นๆ ที่เคยว่าแน่ยังสู้ไม่ได้ แถมยังมีคิวเปิดตัวลากยาวข้ามไปจนถึงปีหน้าอีก อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าร้อนแรง! ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว?!
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น