15 เมษายน 2553

Lotus Evora 414E : เร้าใจบนพื้นฐานพลังไฮบริด


Lotus Evora 414E : เร้าใจบนพื้นฐานพลังไฮบริด
โลตัสมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงตามกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลิกแนวคิดให้รถสปอร์ตของตัวเองที่นอกจากจะต้องแรงแล้วยังจะต้องสามารถตอบสนองในด้านความประหยัดน้ำมันได้ด้วย กับการเปิดตัวต้นแบบที่ชื่อว่า 414E ซึ่งเป็นการนำระบบไฮบริดในแบบซีรีส์ หรือบางคนเรียกว่าเป็น E-REV (Extended Range Electric Vehicle) มาใช้กับสปอร์ตขนาดกลางรุ่นอีโวรา

สำหรับชื่อรุ่น 414E ก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน แต่เป็นตัวเลขของแรงม้าที่ระบบโดยรวมสามารถผลิตออกมาได้ ซึ่ง 414E เป็นโปรเจ็กต์ที่ได้รับการผลิตและพัฒนาโดยทีมงานของโลตัสเองโดยเน้นไปที่จุดหลักๆ คือ การแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการดัดแปลงของตัวถังหรือที่เรียกว่า VVA-Versatile Vehicle Architecture ซึ่งสามารถดัดแปลงให้ตัวรถสามารถรองรับกับการติดตั้งขุมพลังประเภทอื่นนอกเหนือจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน อีกทั้งตัวหลังคาเองยังสามารถดัดแปลงให้เป็นรูปแบบใหม่เพื่อรองรับกับการใช้งานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเจาะเป็นซันรูฟขนาดใหญ่โดยที่โครงสร้างตัวถังไม่สูญเสียความแข็งแกร่ง

ตัวรถได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของอีโวรา และมากับสีตัวถังที่เรียกว่า Copper หรือทองแดง ซึ่งทางโลตัสเผยว่าที่เลือกใช้โทนสีนี้ก็เพราะทองแดงมักจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของไฟฟ้า หรือกระแสไฟฟ้าอยู่เสมอ ดังนั้น โลตัสจึงนำโทนสีนี้มาใช้ในการพ่นทั้งภายนอกและภายในเพื่อบ่งบอกถึงบุคลิกที่แท้จริงของตัวรถ

โลตัสเลือกใช้ระบบไฮบริดแบบซีรีส์ในการขับเคลื่อน ซึ่งหน้าที่ของการหมุนล้อหลังเป็นงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวซึ่งจะติดติดตั้งในการขับเคลื่อนล้อหลังฝั่งละตัว มอเตอร์แต่ละตัวมีกำลังสูงสุด 207 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. โดยมีชุดเกียร์ที่เรียกว่า Single Speed Geartrain รับหน้าที่ในการปรับความเร็วในการหมุนของล้อหลังแต่ละข้างให้สัมพันธ์และเท่ากัน
ส่วนชุดแพ็คของแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไออนขนาด 17kWH ถูกติดตั้งอยู่ที่กลางลำเพื่อความปลอดภัยและเหตุผลในเรื่องของการกระจายน้ำหนักเพื่อไม่ให้ตัวรถเสียสมดุลระหว่างด้านหน้าและหลัง พร้อมกับส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ 7 จังหวะสำหรับการขับเคลื่อนในแบบล้อหลัง โดยตัวเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ 1,200 ซีซี ที่มีกำลัง 48 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาทีจะรับหน้าที่ในการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่เพื่อชดเชยที่ถูกนำไปใช้ในการขับเคลื่อน และตัวเครื่องยนต์มีน้ำหนักเพียง 85 กิโลกรัม จึงไม่ส่งผลต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของตัวรถมากนักเมื่อชดเชยกับการถอดเครื่องยนต์วี6 ที่อยู่กลางลำออกไป
เหมือนกับรถยนต์แบบ E-REV ทั่วไป 414E สามารถแล่นโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ที่ถูกชาร์จมาจนเต็มรวมระยะทาง 35 ไมล์ หรือ 56 กิโลเมตร เรียกว่าถ้าใน 1 ครั้งของการสตาร์ทใช้รถยนต์ไม่เกินระยะทางจากนี้ก็แทบไม่ต้องปลุกให้เครื่องยนต์สันดาปภายในตื่นขึ้มมาทำงานเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาชดเชยเลย เพราะเมื่อขับถึงที่หมาย ก็จัดการเสียบปลั๊กกับระบบไฟฟ้าในครัวเรือนเพื่อชาร์จไฟได้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป
นอกจากนั้นเพื่อความปลอดภัยสำหรับคนที่กลัวว่ารถยนต์พลังไฟฟ้าไม่มีเสียงดัง ทางโลตัสได้ร่วมมือกับ Harmann International ในการพัฒนาระบบเสียงที่เรียกว่า HALOsonic สร้างคลื่นเสียงที่เหมือนกับการคำรามของเครื่องยนต์ซึ่งจะดังตามการกดคันเร่ง ซึ่งระบบเสียงนี้สามารถให้สัมผัสได้ทั้งภายนอกเพื่อให้คนเดินถนนได้ระวังตัวว่ามีรถยนต์ (พลังไฟฟ้า) กำลังแล่นมา และสร้างอารมณ์ของการขับเคลื่อนในสไตล์สปอร์ตให้กับผู้ขับขี่ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารด้วย
จริงอยู่ที่ยังเป็นผลงานต้นแบบ แต่สำหรับอนาคตข้างหน้าไม่แน่เหมือนกันว่าโลตัสจะผลิตออกมาสร้างความฮือฮาในตลาดรถสปอร์ตหรือไม่ แต่เมื่อดูจากอะไรหลายๆ อย่างแล้ว เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะกลายมาเป็นของจริงในเร็วๆ นี้

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น