14 กันยายน 2554

เปิดโชว์รูมรถคืนภาษีตามสเปกครม.

และแล้วมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกก็ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน หลังครม.ไฟเขียวนโยบายคืนเงินภาษีตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีเงื่อนไขสำคัญที่ประชาชนผู้สนใจซื้อรถยนต์คันแรกต้องทราบ คือ

ต้องเป็นรถยนต์คันแรกที่ทำสัญญาซื้อขายระหว่างวันที่ 16 ก.ย.54-31 ธ.ค.55 มีราคาขายไม่เกินคันละ 1 ล้านบาท เป็นรถยนต์นั่งขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร, รถยนต์กระบะ หรือปิกอัพ และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุกหรือดับเบิลแค็บ ต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศหรือรถยนต์จดประกอบ การคืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี

สำหรับวิธีการคืนภาษีนั้น กรมสรรพสามิตจะคืนเงินในรูปแบบของเช็คเงินสดครั้งเดียวเต็มจำนวน เริ่มคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 55 โดยผู้ใช้สิทธิขอคืนภาษีรถคันแรกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือโอนเปลี่ยนมือภายใน 5 ปีแรก กรณีไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อ หรือมีเหตุอย่างอื่น จำเป็นต้องคืนเงินภาษี หากไม่ดำเนินการตามอาจต้องใช้วิธีการทางศาลเพื่อสั่งให้คืนทะเบียนรถยนต์

อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตและกรมขนส่งทางบก มีวิธีตรวจสอบความถูกต้องของผู้ที่ยื่นขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีว่าเคยเป็นเจ้าของรถยนต์มาก่อนหรือไม่ โดยเตรียมเชื่อมโยงฐานข้อมูลรายชื่อการยื่นขอจดทะเบียนการครอบครองรถยนต์ไปยังกรมสรรพสามิต หากตรวจพบว่ามีรายชื่อเคยยื่นขอจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกมาก่อนก็จะถูกตัดสิทธิ

จำนวนเงินภาษีที่จะคืนให้กับเจ้าของรถยนต์นั้น หากเป็นรถยนต์ที่มีขนาด 1,500 ซีซี จะได้รับการคืนภาษีสูงสุดหรือประมาณ 1 แสนบาท ส่วนรถประหยัดพลังงานจะได้รับเงินคืนประมาณ 60,000 บาท ขณะที่รถปิกอัพและรถดับเบิ้ลแค็บจะได้เงินภาษีคืนคันละ 10,000-20,000 บาท

สำหรับผู้ที่เคยซื้อรถยนต์ใหม่เป็นคันแรกก่อนปี พ.ศ.2549 อาจจะได้สิทธิซื้อรถคันแรกใหม่ก็ได้ เพราะข้อมูลรายชื่อของผู้ขอจดทะเบียนนั้น ทางกรมการขนส่งทางบกได้เชื่อมโยงข้อมูลทั่วประเทศเสร็จอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม 2549 ซึ่งอาจจะมีรายชื่อตกหล่นไปบ้าง โดยเฉพาะรายชื่อของผู้ที่ขอจดทะเบียนครอบครองรถในต่างจังหวัด เนื่องจากก่อนหน้านั้นยังไม่มีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าในคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ทางกรมขนส่งทางบกได้แจ้งให้ทางกรมสรรพสามิตได้รับทราบแล้ว คาดว่ากรมสรรพสามิตอาจยกประโยชน์ให้แก่รายชื่อที่ตกหล่นไปก่อนปี พ.ศ.2549 สามารถใช้สิทธิซื้อรถเป็นคันแรกอีกในการขอลดหย่อนภาษี

สำหรับรถยนต์ที่ตรงตามเงื่อนไขของ ครม. 'ทีมเดลินิวส์ออนไลน์' รวบรวมมาได้ ดังนี้

รถยนต์ประหยัดพลังงาน

นิสสัน มาร์ช รถยนต์ประหยัดพลังงานจากค่ายนิสสัน เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 120 กรัม/กิโลเมตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์ออโตแปรผันอัจฉริยะ XTRONIC CVT รุ่นใหม่ ให้ความคล่องตัวสูง รัศมีวงเลี้ยวแคบ 4.5 เมตร ราคา 375,000-537,000 บาท

บริโอ้ จากค่ายฮอนด้า รถยนต์ขนาดกะทัดรัด แต่ภายในให้ความรู้สึกกว้างโปร่งสบาย มีให้เลือกสองรุ่น S กับ V โดยทั้งคู่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 4 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร ที่ให้พลัง 90 แรงม้า สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20 และประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งปล่อยไอเสียสะอาดตามเกณฑ์มาตรฐานยูโร-4 ราคา 399,900-508,500 บาท

รถยนต์ที่มีขนาด 1,500 ซีซี

มาสด้า 2 รถยนต์นั่งสปอร์ต แฮ็ชแบ็ค 5 ประตู ภายในกว้างขวางพร้อมอุปกรณ์หรูหราแบบรถใหญ่ เครื่องยนต์ MZR ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOCH) 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1500 ซีซี 103 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ S-VT (Sequential Valve Timing) และระบบวาล์วควบคุมการไหลเวียนของไอดี TSCV (Tumble Swirl Control Value) ตอบสนองการขับขี่ทุกจังหวะ รัศมีวงเลี้ยวแคบ 4.9 เมตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงออกเทน 91 ขึ้นไป หรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 ราคา 535,000-690,000 บาท

ฮอนด้า ซิตี้ ดีไซน์เฉียบคม มาพร้อมเครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ ให้กำลัง 120 แรงม้า สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E-20 และผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 เป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดควบคุมด้วยระบบ Grade Logic Control และ Shift Hold System ระบบควบคุมการเปิด-ปิดลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ Drive-By-Wire ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัทและระบบกันสะเทือนหลังทอร์ชั่นบีมแบบ H-shape ราคา 534,000-694,000 บาท

ฮอนด้า ซิตี้ โซไซตี้ สีขาวใหม่ บริลเลียนท์ ไวท์ เพิร์ล ให้ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร 120 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน มีแผงคอนโซล LED เพิ่มความสวยงามให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วดีไซน์ใหม่ที่ถูกใช้อยู่ในคอนเซปต์คาร์รุ่น Brio ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบช่วยเบรก (BA) พร้อมทั้งสามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20 มี 2 รุ่น ราคา City รุ่น V AT (SRS) ราคา 661,800 บาท และ City รุ่น V AT ราคา 636,800 บาท

ฮอนด้า แจ๊ซ เครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 120 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด มาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ราคา 590,000-715,000 บาท

โตโยต้า วีออส ดีไซน์โดดเด่น สปอร์ตหรูหราทั้งภายนอกและภายใน ประกอบกับเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลก เครื่องยนต์ให้อัตราเร่งโดดเด่นและประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ 1NZ-FE DOHC 16 วาล์ว VVT-I ความจุกระบอกสูบ 1,497 ซีซี แรงม้าสูงสุด 80 กิโลวัตต์ (109ps) / 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร / 4,200 รอบต่อนาที ทุกการเดินทางราบรื่นด้วยระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม ราคา 514,000- 714,000 บาท

โตโยต้า ยาริส เครื่องยนต์ 1NZ-FE VVT-i 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูดงสุดที่ 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที รัศมีลงเลี้ยวแคบ 4.7 เมตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ราคา 539,000-714,000 บาท

ฟอร์ด เฟียสต้า เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง 1.4 Duratec กำลังสูงสุด 95 PS, แรงบิดสูงสุด 126 Nm เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แบบ Sequential Sports Shift ราคา 594,000 บาท

เชฟโรเลต อาวีโอ เครื่องยนต์ 1.4 แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว (VGIS) ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด รองรับน้ำมันเบนซิน E20 ราคา 550,000 บาท

รถกระบะ รถปิกอัพและรถดับเบิ้ลแค็บ

โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มาพร้อมระบบไดมอนด์เทค ทำให้ประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและตอบสนองการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กับ 4 รุ่นที่เหมาะกับการใช้งานแต่ละด้าน ทั้งกระบะหนึ่งตอนรุ่นมาตรฐาน รุ่นเอ็กซ์ตร้าแค็บ กระบะตอนครึ่ง 2 ประตู ในรุ่นสมาร์ทแค็บและ กระบะสองตอน 4 ประตูรุ่นดับเบิลแค็บ ระบบขับเคลื่อนเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีดในรุ่นดับเบิลแค็บบางตัว เครื่องยนต์ดีเซล 3,400, 3,600 และ 5,200 ซีซี 75-120 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 487,000 บาท ในรุ่น Standard Cap 2.5J และสูงสุดที่ 981,000 บาท ในรุ่น ดับเบิล แค็บ 4x4 3.0G Auto

อีซูซุ ดีแม็กซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม ปิกอัพยอดประหยัดน้ำมันจากอีซูซุ ที่มี 5 รุ่น ทั้ง โรดีโอ ปิกอัพออฟโรด แค็บ 4 ปิกอัพ 4 ประตู, ไฮ-แลนเดอร์ 4 ประตู,สเปซแค็บ และกระบะตอนเดียวรุ่นสปาร์ค ระบบ 5 เกียร์เดินหน้า ซิงโครเมช พร้อมโอเวอร์ไดรฟ์ กำลังสูงสุด 120 แรงม้า 3600 ซีซี พร้อมระบบดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว แถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมเมนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น พร้อมเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กล้องมองภาพด้านหน้ารถไททาเนียม วิชั่น ครั้งแรกในวงการปิกอัพเมืองไทย ที่มีในดีแม็กซ์ทุกรุ่น ยกเว้นสปาร์ค ราคาเริ่มต้นที่ 491,500 บาทในรุ่นสปาร์คและสูงสุดที่ 974,500 ในรุ่นแค็บ 4

นิสสัน นาวารา กับ 4 รุ่นใหญ่ ทั้งคาลิเบอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และซิงเกิลแค็บ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัสYD-174 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิลโอเวอร์เฮด แคมชาร์พ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคอมมอนเรล ดีเซล ไดเร็คท์ อินเจคชั่น พร้อมระบบ VN เทอร์โบ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติครูส คอนโทรลทั้งในระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ราวหลังคาแบบสปอร์ตใหม่ และไฟเลี้ยวข้าง ราคาเริ่มต้นที่ 500,500 ในรุ่นซิงเกิล แค็บ 2.5 XE 5MT และสูงสุดที่ 918,500 ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบดับเบิลแค็บ 2.5 LE 5AT

ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะที่มาพร้อมสมรรถภาพของเครื่องยนต์ เกาะถนนเป็นเยี่ยม เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความประหยัดน้ำมัน ขึ้นเหนือลงใต้ได้ไกลถึง 669 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว มาพร้อมเครื่องยนต์ Duratorq TDCi (เทอร์โบ ดีเซล คอมมอนเรล อินเจ็คชั่น) ระบบส่งกำลังธรรมดา 5 จังหวะและอัตโนมัติ 5 จังหวะ ราคาเริ่มต้นที่ 512,000 บาท ในรุ่น เรนเจอร์ สแตนดาร์ด แค็บ 2.5 XL และสูงสุดที่ ราคา 950,000 บาท ในรุ่น ไวด์แทร็ค ดับเบิล-แค็บ 4WD 3.0 XLT

การคืนภาษีลดคันแรกให้แก่ประชาชนที่ซื้อรถชนิดต่าง ๆ ตามที่ ครม.ได้กำหนดสเป๊กไว้นั้น ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ไปประมาณ 30,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้ซื้อรถยนต์คันแรกเพื่อขอคืนภาษีประมาณ 5 แสนคัน จะทำให้รัฐมีรายได้จากภาษีการขายรถยนต์ของบริษัทต่าง ๆ รวมแล้วประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐถือว่าจะได้รายได้คืนมาภายหลังมากกว่าที่ต้องสูญเสียไป

ปัญหาการเพิ่มรถยนต์อีก 5 แสนคันนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นห่วงความหนาแน่นของการจราจรจะเพิ่มมากขึ้น และจะมีผลกระทบต่อระบบการจราจรในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล มากกว่าจังหวัดอื่น ๆ จึงได้เสนอรัฐให้เร่งเชื่อมต่อระบบคมนาคมขนส่งโดยเร็ว ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเตรียมรับมือปัญหาความหนาแน่นการจราจรเอาไว้ให้ดี.
ที่มาทีมเดลินิวส์ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น