21 กันยายน 2553

อีกไฮไลต์ เซี่ยงไฮ้ เวิล์ด เอ็กซ์โปร

อีกไฮไลต์ เซี่ยงไฮ้ เวิล์ด เอ็กซ์โปร โชว์นวัตกรรม 'รถยนต์แห่งอนาคต'

หญิงสาวตาบอดเพียงกดรีโมต รถกระ ป๋องต้นแบบจะเคลื่อนเข้ามาจอดรอ พอนั่งรถเพียงกดปุ่มป้อนข้อมูลปลายทางรถจะขับเคลื่อนเองตามระบบคอมพิวเตอร์ เธอนั่งทอดอารมณ์ถึงพ่อที่กำลังจะแสดงคอนเสิร์ต แล้วภาพ ความฝันของคนที่กำลังจะเป็นพ่อคนตัดเข้ามาพร้อมกับคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังเกี่ยงงอน ทุก อย่างถูกสั่งการเพียงปลายนิ้ว นี่คือภาพยนตร์แสดงถึงรถยนต์อนาคตที่สะดวกสบายอีก 20 ปีข้างหน้า ภาพอนาคตเหล่านี้ถูกแสดงใน พาวิเลียน ค่ายรถยนต์ “เครือจีเอ็ม” ในงาน เซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป 2010
ด้วยแนวคิด “เมืองที่ดีกว่า ชีวิตที่ดีกว่า” เป็นอีก ครั้งที่ค่ายจีเอ็ม มีพาวิเลียนเป็นของตัวเองในการแสดงนวัตกรรม ปีนี้ได้แสดงผลงานรถในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้าให้ผู้เข้าชมได้คิดตาม

“ยานยนต์อนาคตไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผลิตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่เรามองว่าอีก 20 ปี ข้างหน้า ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ จะมีขึ้นมาเพื่อรองรับรถยนต์อนาคต เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับภาครัฐทั่วโลก ที่จะกล้าลงทุนหรือไม่ เช่น ที่จอดรถซึ่งเป็นทรงกลมพอจอดแล้วจะหมุนไป พอรถคันใหม่มาก็จะมีลานจอดรถทรงกลมอื่นมาแทน ซึ่งเป็นการประหยัดพื้นที่ในการจอด” ฌ็อง ลุย บาร์น็อกกี้ ผู้จัดการโครงการ เอสเอไอซี-จีเอ็ม พาวิเลียน เล่าถึงอนาคต

ด้าน ฉัตรชัย ฉัตรพุทธ รักษา ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า ตอนนี้บริษัทพยายามทำการวิจัยเพื่อพัฒนารถต้นแบบอนาคต ให้มีความทันสมัย และเป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม โดยโจทย์ที่เป็น ปัญหาหลังที่ต้องแก้คือ 1.วิกฤติการณ์เมื่อขาดแคลนน้ำมัน 2.ปัญหาด้านการจราจร 3.ปัญหาที่จอดรถ 4.อุบัติเหตุบนท้องถนน 5.อุปสรรคในการขับขี่

หากมองในภาพความเป็นจริงตอนนี้ มีรถไฮบริด (ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนเวลา รถชะลอ) เข้ามาในไทย แต่ในยุโรปมีมากว่า 5 ปี แล้ว ส่วนใหญ่รถประเภทนี้ภาครัฐจะใช้มากเนื่องจากหลายงานต้องชะลอรถเรื่อย ๆ เช่น รถเก็บขยะ ประเภทงานเหล่านี้จะทำให้ประหยัดพลังงาน แต่ในไทยยังมีราคาสูง

ขณะที่ 20 ปี ข้างหน้า รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ากำลังเป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด และหาแหล่งผลิตพลังงานได้มาก เช่น จากแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ แต่การใช้รถไฟฟ้าภาครัฐต้องมีนโยบายส่งเสริมเนื่องจาก ถ้ามีการเดินทางไกล ๆ ไม่มีสถานที่ในการชาร์จไฟก็จะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีพลัง งานในการทำงานต่อ

รถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงวิจัยเพื่อสร้างแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็กและใช้ได้นาน ซึ่งบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ซื้อกิจการโรงผลิตแบตเตอรี่มือถือ เพื่อพัฒนาให้แบตเตอรี่ของรถยนต์มีขนาดเล็กเท่าแบตเตอรี่ มือถือซึ่งง่ายในการเดินทาง

รถต้นแบบอนาคตที่เป็น ไฮไลต์อีก 20 ปีข้างหน้าที่แสดงในงาน เซี่ยงไฮ้ เวิลด์เอ็กซ์โป 2010 คือ อีเอ็น-วี เป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เพื่อลดข้อ จำกัดในการเดินทาง เป็นรถยนต์ขนาดสองที่นั่ง เป็นเทคโนโลยี รวมเอาความก้าวหน้าด้านวิศวกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัดมาพลิกโฉม ทำให้การขับขี่ยานพาหนะในโลก อนาคต ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง และจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และยัง สามารถช่วยลดปัญหาด้านการจราจรและการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

ระบบเครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังขับในช่วงของการเร่งความเร็ว และยังช่วยในการควบคุม การชะลอความเร็ว และการหยุดรถอีกด้วย นับว่าแตกต่างไปจากรถยนต์ในยุคปัจจุบันอย่างสิ้นเชิงที่ใช้ระบบเบรกเพียงอย่างเดียวในการชะลอและหยุดรถ ทั้งนี้ระบบเทคโน โลยีอีเอ็น-วี จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้แบตเตอรี่ลิเทียมอิออน สามารถขับได้ระยะไกลถึง 40 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบต เตอรี่ 1 ครั้ง พร้อมติดตั้ง อุปกรณ์เพื่อให้รถยนต์แต่ละคันสามารถสื่อสารระหว่างกัน และระบบเซ็นเซอร์ กล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่ช่วย บอกระยะห่างระหว่างรถยนต์ เพื่อการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อสิ่งกีดขวาง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพการ ขับขี่ อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยทั้งหมดนี้จะเป็นการเชื่อมต่อกันผ่านระบบจีพีเอส เป็นผลทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เองอย่างอัตโนมัติ ปราศจากการควบคุมจากผู้ขับขี่

เทคโนโลยีนี้จะสามารถค้นหาข้อมูลการจราจรในเวลาปัจจุบันได้ทันที ทำให้สามารถเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว เทคโน โลยีใหม่นี้ยังรวมถึงระบบเครือข่ายไร้สายที่ผู้ขับขี่สามารถติดต่อกับผู้ขับขี่รายอื่น ตลอดจนการคิดค้นเทคโนโลยีระบบการเตือนก่อนการออกตัวของรถยนต์ ระบบการค้นหามุมอับของสายตาขณะขับขี่ หรือ แม้แต่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

รถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี อีเอ็น-วี ออกแบบให้มีน้ำหนักเบากว่าเพียง 500 กิโลกรัม และมีความยาวประมาณ 1.5 เมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับรถยนต์ในปัจจุบันที่มีน้ำหนักมากถึง 1,500 กิโลกรัม และยาวกว่าถึง 3 เท่า อีกทั้งยัง ต้องการพื้นที่ในการจอดรถมากกว่า 10 ตารางเมตร ซึ่งหมายความว่า ที่จอดรถยนต์ ทั่วไปสามารถรองรับรถยนต์เอ็นอี-วี ได้มากถึง 5 คัน ส่วนวัสดุ ตัวถังรถยนต์รุ่นนี้ ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ วัสดุพลาสติกสังเคราะห์ โพลีคาร์บอเนต และสารอะคริลิก ปัจจุบันนิยมใช้ในการผลิตรถยนต์เพื่อการแข่งขัน เครื่องบินรบ ยานอวกาศ เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทาน และมีน้ำหนักเบา ซึ่งรถ อีเอ็น-วี ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกพอสมควรเพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้

ขณะที่ วันชนะ อูนากูล ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอง เทรนด์รถอนาคตว่า ยานยนต์แห่งอนาคต น่าจะตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยมีอัตรา การสร้างมลพิษในระดับต่ำ และมีความประหยัดพลังงาน อีก ทั้งยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับต่ำทั้งจาก กระบวนการผลิตและทุกชิ้นส่วนของรถยนต์สามารถนำไปรีไซเคิลได้

ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะหัน มาให้ความสำคัญต่อเรื่องความประหยัดพลังงาน โดยมุ่งเน้นไปที่การพยายามสร้างรถยนต์ ที่น้ำหนักเบาขึ้นและใช้เทคโน โลยีที่ทันสมัยเพื่อสร้างให้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ๆ สามารถ ตอบสนองกับการขับขี่ได้อย่างทรงพลังมากที่สุด เช่นการใช้เทอร์โบ หรือระบบอัดอากาศ ระบบวาล์วแปรผัน หัวฉีด เชื้อเพลิงแบบไดเร็คอินเจ็คชั่น หรือจะเป็นการใช้พลังงานทางเลือกเช่น เอทานอล ไบโอดีเซล และ ซีเอ็นจี จะเป็น ตัวกำหนดคุณลักษณะต่าง ๆ ของรถที่จะแตกต่างไปตามสภาพตลาด และกฎระเบียบในแต่ละประเทศ

นวัตกรรมรถยนต์อนาคต อีก 20 ปีข้างหน้ายังเป็นมโนภาพที่ต้องหาคำตอบ เพื่อสนองชีวิตที่นับวันยุ่งเหยิงเหมือนเงื่อนปมที่พันกัน.
ที่มา เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น