23 กันยายน 2553
ซูบารุส่ง "เอ็กซิกา" เสียบแทน โตโยต้าวิช
ซูบารุส่ง "เอ็กซิกา" เสียบแทน โตโยต้าวิช ซูบารุ เอ็กซิกา เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
หลังจาก “ซูบารุ” ทั่วโลก ปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ จากมุ่งเน้นรถสมรรถนะสูง ได้หันมาผลิตรถและกลยุทธ์การตลาด เพื่อหันจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้น ส่งผลให้ซูบารุในไทยได้ปรับตามบ้าง โดยเฉพาะจะเห็นจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงแนวทางการทำตลาด ส่วนจะเป็นอย่างไรมาฟังจากปากของ “อภิชัย ธรรมศิรารักษ์” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ(ประเทศไทย) จำกัด…
“เมื่อกลยุทธ์ระดับโลกเปลี่ยนไป และเพื่อให้สอดคล้องนโยบายขยายฐานลูกค้า จะเห็นว่าการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของซูบารุ จะตอบสนองการใช้งานของลูกค้าทั่วไป ให้ขับขี่รถทำได้ง่ายและสนุก แต่ขณะเดียวกันยังคงรักษาเรื่องของสมรรถนะเอาไว้ นี่จึงเป็นจุดเด่นของรถซูบารุที่เหนือกว่าคู่แข่ง”
ส่วนเมื่อมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสินค้าใหม่ ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าซูบารุในไทย มีวัยรุ่นและผู้หญิงมากขึ้น รวมถึงการเลือกซื้อรถซูบารุก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างเดิมซูบารุ อิมเพรซ่า ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์ ที่เป็นตัวแรงจะขายดี แต่ขณะนี้สัดส่วนของรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรกลับมีมากกว่า หรือประมาณ 80% เช่นเดียวกับรถเอสยูวี ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ รุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา 2.0 ลิตร จะมีสัดส่วนมากกว่ารุ่นเทอร์โบที่เหลือเพียง 30% หรือรุ่นเลกาซี่เครื่องยนต์เทอร์โบก็เหลือเพียง 10% เท่านั้น
อภิชัยยังอธิบายว่า ต่อไปรถรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาทำตลาด จะเน้นจับตลาดที่แมสมากกว่า และแน่นอนเมื่อทิศทางเปลี่ยนไปเช่นนี้ ต่อไปกิจกรรมการตลาดกับลูกค้า จะทำให้ตรงกับบุคลิกของรถ และยกระดับให้เป็น Luxury มากขึ้น โดยช่วงปลายปีนี้จะนำเข้ารถใหม่มาทำตลาด 3 รุ่น ได้แก่ รถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี(MPV) ซูบารุ เอ็กซิกา เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รถอเนกประสงค์ซูบารุ เอาต์แบ็ก เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และซูบารุ อิมเพรซ่า เอสทีไอ เกียร์อัตโนมัติ เข้ามาเสริมไลน์ปัจจุบันในไทย ที่มีเพียงรุ่นเกียร์ธรรมดาเท่านั้น
ซูบารุ เอาต์แบ็ก เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร
“เอ็กซิกาเป็นรถเอ็มพีวีที่จะเข้ามาเสียบแทน โตโยต้า วิช ที่กำลังจะเลิกทำตลาดไป ซึ่งจะทำให้ตลาดนี้เหลือเพียง มิตซูบิชิ สเปซแวกอนเท่านั้น ส่วนที่มีอยู่เป็น ฮอนด้า ฟรีด และโปรตอน เอ็กโซรา แต่นั่นเป็นเครื่องยนต์ 1.5 และ 1.6 ลิตรไม่ใช่คู่แข่ง ทำให้เป็นโอกาสของเอ็กซิกาจะเข้ามาทำตลาด โดยราคาอยู่ที่ประมาณล้านกลางๆ จึงเชื่อว่าจะสามารถแข่งขันได้ ส่วนรถรุ่นเอาต์แบ็กราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านกลางๆ แต่เอสทีไอเกียร์อัตโนมัติ ราคาไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเกียร์ธรรมดาในปัจจุบัน หรือมีราคาอยู่ที่ 3.95 ล้านบาท”
ทั้งนี้จะเห็นว่ารถรุ่นใหม่ๆ ของซูบารุที่เข้ามาทำตลาด จะเน้นจับตลาดที่แมสมากกว่า อย่างซูบารุ เอ็กซิกา จะจับกลุ่มครอบครัวทั่วไป หรือรถตัวแรงอิมเพรซ่า เอสทีไอ ก็จะมีรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามาทำตลาด ซึ่งจะทำให้สามารถขับขี่ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง อย่างเครื่องยนต์ดีเซลของซูบารุเราก็สนใจ แต่ที่ยังไม่นำเข้ามาทำตลาด เพราะทางญี่ปุ่นยังไม่ทำรุ่นเกียร์อัตโนมัติออกมา
ในส่วนของการทำตลาด เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปทิศทางเดียวกัน อภิชัยบอกว่าต้องมีการปรับเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของป้ายต่างๆ และโดยเฉพาะในส่วนของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จะมีการขยายไปยังสื่อใหม่ๆ มากขึ้น จากเดิมจะเป็นนิตยสารก็จะขยายไปยังสื่อออนไลน์ รวมถึงบรรดาโซเชียลมีเดีย (Social Media) ทั้งหลาย
สำหรับกิจกรรมการตลาดต่างๆ ได้เริ่มมาแล้ว อย่างกิจกรรม “แตะอึด” หรือ Subaru Impreza Challenge Thailand 2010 เพื่อค้นหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด 10 คน เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมแข่งขันระดับนานาชาติ ในรายการ The MediaCorp Subaru Impreza Challenge - The Asian Face-Off ที่ประเทศสิงคโปร์ ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ เพื่อชิงรางวัลใหญ่รถยนต์ซูบารุ อิมเพรซ่า อับเบิลยูอาร์เอ็กซ์ ใหม่ มูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท และเงินรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท โดยจากการเปิดรับสมัครวันแรกในไทย มีผู้สนใจร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมากกว่า 150 คน นับเป็นกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จอีกรายการ
ในส่วนกิจกรรมใหม่ๆ อภิชัยบอกว่า ปีนี้จะจัดกิจกรรมโชว์รูม “Kasha Day” ซึ่งน่าจะเริ่มได้ในช่วงตุลาคม หรือพฤศจิกายนนี้ และอีกงานเป็นกิจกรรมประจำ คือการเข้าร่วมงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น