Chevrolet Captiva : ปรับโฉม -เพิ่มเครื่องใหม่ เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2006 โน่น แต่ภาพที่เห็นอยู่นี้ยังไม่ใช่การเปลี่ยนโฉม หรือโมเดลเชนจ์ของเชฟโรเลต แค็ปติวา เอสยูวีขนาดคอมแพ็กต์คู่ปรับของฮอนด้า ซีอาร์-วี โดยทางแบรนด์ดังของสหรัฐอเมริกาเตรียมสร้างสีสันใหม่ให้กับตลาดเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย ด้วยการปรับโฉมครั้งใหญ่ เพิ่มความสดใหม่รอบคัน และเสริมทัพด้วยเครื่องยนต์รุ่นใหม่ทั้งเบนซิน และเทอร์โบดีเซล
แค็ปติวาใหม่มีคิวเปิดตัวครั้งแรกในปารีส มอเตอร์โชว์ 2010 ต้นเดือนตุลาคมนี้ และสิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นดั้งเดิม สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน เพราะรายละเอียดของชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าถูกออกแบบใหม่หมด โดยเฉพาะกระจังหน้าและกันชนหน้าขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้ดูเหมือนรวมกันเป็นชุดเดียว แต่มีแถบคาดกลาง ไฟหน้าและฝากระโปรงหน้า รวมถึงแก้มตัวถังด้านข้างได้รับการออกแบบใหม่หมด ส่วนด้านท้ายอาจจะสดใหม่น้อยหน่อย เพราะสิ่งที่ปรับแบบชัดเจนมีแค่ไฟท้าย
อย่างไรก็ตาม ทางเชฟโรเลตยังไม่เผยภาพที่แสดงรายละเอียดของภายในห้องโดยสารว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน แต่จากบอกแค่ว่าคงสไตล์เบาะนั่งที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 และ 3 แถวเหมือนเดิม
ทางเลือกของเครื่องยนต์สำหรับสเปกยุโรป มี 4 แบบแบ่งเป็นเบนซินและเทอร์โบดีเซลอย่างละ 2 รุ่น ซึ่งเบนซินเริ่มต้นกับเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,400 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i 171 แรงม้า และวี6 3,000 ซีซีที่มาครบทั้งระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ Di และระบบวาล์วแปรผัน VVT-i มีกำลังสูงสุด 258 แรงม้า
ส่วนขุมพลังเทอร์โบดีเซลเป็นแบบ 4 สูบ 2,200 ซีซี มีให้เลือก 2 ความเร้าใจในระดับ 163 และ 184 แรงม้า และระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบล้อหน้า หรือ 4 ล้อตลอดเวลาขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย โดยที่ระบบส่งกำลังมีทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์ใหม่แบบอัตโนมัติที่มีจำนวนจังหวะเดินหน้าเท่ากัน
นอกจากนั้น เพื่อให้ตัวรถสามารถตอบสนองกับการขับเคลื่อนได้อย่างลงตัว ทางทีมวิศวกรของเชฟโรเลตมีการปรับแต่งระบบช่วงล่างใหม่ ขณะที่ระบบความปลอดภัยก็ยังติดตั้งมาให้ครบครันเช่นเดิม ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบเสริมแรงเบรก และระบบควบคุมการเร็วขณะลงจากทางลาดชัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเปิดตัวในปารีสให้เห็นหน้าตากันแล้ว แต่กว่าจะเริ่มทำตลาดในยุโรปก็ต้องรอสักพัก เพราะเชฟโรเลตเผยว่าจะเริ่มส่งรถให้กับลูกค้าได้ในเดือนมีนาคมนี้ สำหรับบ้านเราต้องรอดูต่อไปว่าจะเริ่มทำตลาดเมื่อไร
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น