08 ตุลาคม 2553

มิตซูบิชิลุยผลิต“ไอมีฟ”ส่งยุโรป

มิตซูบิชิ คอร์ป เดินหน้าผลิตรถไฟฟ้า “ไอมีฟ” สเปคยุโรป ตั้งเป้าส่งออก 5,000 คัน ในปีงบประมาณ 2553รายงานจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (MMC) ประกาศการเริ่มต้นผลิตรถยนต์ไอมีฟ (i-MiEV) หรือรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ซึ่งเป็นสเปคสำหรับยุโรปในวันนี้ พร้อมกับการผลิตรถรุ่นไอออน (iOn) ของพีเอสเอเปอร์โยต์ ซีตรอง และรถยนต์ซีตรองรุ่น ซี-ซีโร่ (C-Zero) ณ โรงงานมิซูชิมา ในเมืองโอกายาม่า ประเทศญี่ปุ่น

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้เริ่มการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไอมีฟที่เป็นสเปคสำหรับประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว ในปีที่ผ่านมา สำหรับการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ในสเปคสำหรับยุโรปนั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งออกอย่างจริงจังของทางบริษัทฯ คาดว่าในปีงบประมาณ 2553 (เมษายน 2553 - มีนาคม 2554) นี้ บริษัทฯ มีแผนจะจำหน่ายรถยนต์รุ่นไอมีฟจำนวนถึง 5,000 คัน ไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงรุ่นที่ถูกผลิตเพื่อกลุ่ม พีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตรองด้วย

โอซามุ มาสุโกะ ประธาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าวในพิธีเปิดสายการผลิต ณ โรงงานมิตซูชิมา ว่า เป็นเวลากว่าศตวรรษมาแล้วที่การผลิตรถยนต์แบบเครื่องสันดาปภายในได้ถือกำเนิดขึ้น ที่ผ่านมา เราได้เริ่มก้าวย่างแรกเข้าสู่ศตวรรษใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว ด้วยรถยนต์รุ่นไอมีฟ และในวันนี้ถือว่าเราได้สานต่อก้าวที่สองด้วยการผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าวในสเปคสำหรับตลาดยุโรป ซึ่งจะนำเราไปสู่เส้นทางการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าของเราในตลาดโลกต่อไป จึงนับว่านี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และในขณะเดียวกันก็เป็นการบุกเบิกที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าในภาคพื้นยุโรปนี้ด้วยเช่นกัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น วางแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์ไอมีฟในกลุ่มประเทศยุโรปรวม 14 ประเทศ รวมถึงฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมันนี ในเดือนธันวาคมนี้ จากนั้นจึงจะเริ่มขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไปในปีงบประมาณ 2554 นี้

สำหรับไอมีฟรุ่นที่จะจำหน่ายในยุโรปนั้น ได้ถูกออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ เช่น รูปแบบของกันชนหน้าและหลัง เพิ่มระบบความปลอดภัย Active Stability Control (ASC) ระบบเกียร์ใหม่ แผงหน้าปัดสำหรับระบบพวงมาลัยด้านซ้าย ฯลฯ รถยนต์ไอมีฟรุ่นยุโรปนี้ยังสามารถขับเคลื่อนได้ในระยะทาง 150 กิโลเมตร จากการชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียว ทั้งนี้เป็นไปตามรูปแบบการทดสอบของ European NEDC

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น