16 ตุลาคม 2553

ดูกันเต็มเต็มอีกครั้งกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่

ในงานมหกรรมยานยนต์ ออสเตรเลีย อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ฟอร์ด มอเตอร์ ได้เปิดตัว เรนเจอร์ ใหม่ เพื่อพลิกประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถกระบะให้ดีเยี่ยมกว่าเคย

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เปิดตัวพร้อมความมุ่งมั่นในการเป็นรถกระบะระดับแถวหน้าของตลาด ด้วยพละกำลังและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงความสามารถในการลากจูงอย่างเหนือชั้น นอกจากการคงความแข็งแกร่งซึ่งเป็นเอกลักษ์สำคัญของเรนเจอร์แล้ว กระบะคันใหม่ของฟอรดยังมีพื้นที่ใช้งานกว้างขวาง มอบความสะดวกสบาย มีอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารครบครัน และให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมแบบเดียวกับที่ผู้บริโภคเคยคาดหวังเฉพาะจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเท่านั้น

เรนเจอร์ใหม่ ยังเป็นรถที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดคันหนึ่งเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน นับเป็นความสำเร็จจากการพัฒนาโครงสร้างตัวถังรถกระบะขนาดคอมแพ็คระดับโลกใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทำงานภายใต้แนวคิดแบบ One Ford ของฟอร์ด และมาสด้า โครงสร้างตัวถังใหม่นี้จะนำมาแทนที่โครงสร้างตัวถัง 2 ชุดที่ใช้ผลิตอยู่ในปัจจุบัน เพื่อมอบโฉมหน้าใหม่ของกระบะสายพันธุ์แกร่งให้แก่ลูกค้าฟอร์ดทั่วโลก ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย เรนเจอร์ ใหม่ จึงเป็นรถกระบะที่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน อาทิ การติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลัง (Rearview Camera), Rear Park Assist, Trailer Sway Control และ Adaptive Load Control นอกจากนี้ ฟอร์ดยังวางแผนที่จะเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ในรถฟอร์ด เรนเจอร์ เพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เรนเจอร์ ใหม่ จะได้รับการผลิตเพื่อจำหน่ายใน 180 ประเทศใน 5 ทวีป และมีรายละเอียดให้เลือกหลากหลาย ทั้งตัวถัง 3 รูปแบบ ระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 และ 4 ล้อ ทั้งแบบไฮ-ไรเดอร์ และโลว์-ไรเดอร์ และแยกเป็นรุ่นต่างๆ ถึง 5 รุ่น ขึ้นอยู่กับประเทศที่วางจำหน่าย

รถรุ่นใหม่บนรากฐานแห่งความสำเร็จอันยาวนาน

เกือบ 20 ปีแล้วที่เรนเจอร์สามารถครองตำแหน่งรถกระบะของฟอร์ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก และมอบความทนทานในการใช้งานสมกับการเป็นรถกระบะสไตล์แกร่งของฟอร์ดให้แก่ผู้ขับขี่หลายล้านคน ด้วยความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักและลากจูง รวมทั้งยังสามารถรองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนนได้อย่างดีเยี่ยม เรนเจอร์ ใหม่ จึงได้รับการพัฒนาขึ้นจากรถรุ่นก่อนให้มีความสามารถมากขึ้น และยังได้รับการพลิกโฉมหน้าให้มีความโดดเด่น ทันสมัย และบึกบึนยิ่งขึ้น เพื่อสะท้อนความแข็งแรงและความแกร่งของเรนเจอร์

ด้วยเฟรมรถ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและหลัง และระบบบังคับเลี้ยวใหม่ทั้งหมด เรนเจอร์ ใหม่ จึงมีความสามารถในการรับน้ำหนักและลากจูงมากขึ้น เรนเจอร์ ใหม่ เปิดตัวพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันใหม่ 3 รุ่น ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ฟอร์ด ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ที่ทันสมัยอย่างมาก 2 รุ่น และระบบส่งกำลังแบบ 6 สปีดรุ่นใหม่ที่ช่วยประหยัดน้ำมัน เมื่อเพิ่มเทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังและระบบความปลอดภัยเข้าไปแล้ว ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จึงเป็นรถที่โดดเด่นทั้งด้านพละกำลัง การใช้งาน และเป็นรถระดับแถวหน้าของตลาด

ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดของเรนเจอร์ ใหม่ สังเกตได้อย่างชัดเจนจากตัวถังภายนอกที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ขับขี่ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้น เรนเจอร์ ใหม่ ยังมอบความสะดวกสบายและความเงียบภายในห้องโดยสาร รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์มากมายและเทคโนโลยีทันสมัยที่ไม่เป็นรองใคร

เรนเจอร์คันแรกที่ได้รับการเปิดตัวในนครซิดนีย์ คือฟอร์ด เรนเจอร์ XLT ดับเบิลแค็บ สีน้ำเงิน (Aurora Blue) ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลประหยัดน้ำมันฟอร์ด ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ รุ่นใหม่ ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลัง 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) และให้แรงบิดที่น่าประทับใจถึง 375 นิวตันเมตร

“เรนเจอร์ใหม่ที่เราเผยโฉมเป็นครั้งแรกของโลกในวันนี้ คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความสำเร็จที่เกิดจากพลังของการทำงานภายใต้แนวคิดแบบ One Ford” แกรี่ โบส์ ผู้อำนวยการฝ่ายสายการผลิตประจำโครงสร้างตัวถังรถกระบะขนาดคอมแพ็คใหม่ของฟอร์ด กล่าว
“เรนเจอร์ ใหม่ ตอบสนองต่อความต้องการของเจ้าของรถกระบะทั่วโลกได้อย่างรอบด้าน จากการออกแบบและผลิตด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์เหนือชั้น เรนเจอร์ ใหม่ ยังผ่านการทดสอบในสภาวะที่ต้องใช้ความทนทานสูงสุดมาแล้วภายใต้สภาพแวดล้อมของการทดสอบสุดโหดใน 5 ทวีปทั่วโลก เพื่อพิสูจน์ถึงการเป็นรถที่พร้อมใช้งานทั่วโลกอย่างแท้จริง เรนเจอร์เป็นรถที่มอบความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ และได้รับความไว้วางใจจากผู้ขับขี่ทั่วโลกเช่นกัน” โบส์ กล่าว

เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานที่แตกต่างกันในแต่ละมุมโลก ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จึงมาพร้อมตัวเลือกครบครัน ตั้งแต่รถกระบะเพื่อการใช้งานแบบเรียบง่าย ไปจนถึงรถรุ่นสูงๆ เช่น เรนเจอร์ ลิมิเต็ด และเรนเจอร์ ไวลด์แทรค ซึ่งยังไม่ได้รับการเปิดตัวในขณะนี้

การออกแบบที่เหนือชั้นของฟอร์ดยังได้รับการบรรจุเอาไว้ภายในห้องโดยสาร ด้วยการผสมผสานรูปลักษณ์ที่ตองสนองต่อสรีระของผู้ใช้งานแบบเดียวกับเครื่องมือก่อสร้างของ DEWALT®1 และการปกป้องอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ภายใต้เปลือกหุ้มที่ทันสมัยแบบเดียวกับนาฬิกา G-Shock®2 นักออกแบบขอบฟอร์ดจึงได้รับแรงบันดาลใจในการผสมผสานรูปทรงที่สวยงามเข้ากับการใช้ประโยชน์ของอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว และสร้างความมั่นใจว่า ผู้ขับขี่จะสามารถมองเห็นอุปกรณ์ทั้งหมดภายในรถได้อย่างชัดเจน

ภายในห้องโดยสาร แผงวัสดุต่างๆ ได้รับการออกแบบให้สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย ด้วยการใช้แผงหน้าปัดแบบธรรมดาที่ประกอบนอกสายการผลิต และติดตั้งในรถอย่างไม่ซับซ้อน ดังนั้น แม้ว่าแผงวัสดุต่างๆ จะได้รับการออกแบบให้มีความหลากหลาย ทว่า แต่ละชิ้นส่วนสามารถถอดเปลี่ยนกันได้อย่างง่ายดาย

รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของรถได้รับความใส่ใจเพื่อให้มีคุณภาพและมีความประณีตในทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นผิวสัมผัสของวัสดุภายในห้องโดยสารหรือการเลือกเฉดสีต่างๆ ทุกชิ้นส่วนของรถบ่งบอกได้ถึงความรู้สึกที่หรูหราภายในห้องโดยสารของเรนเจอร์ ใหม่

บนแผงหน้าปัดของเรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบให้รองรับการติดตั้งชิ้นส่วนต่างๆ ที่แยกย่อยออกจากกัน อาทิ วิทยุ ฮีทเตอร์ และระบบระบายอากาศ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารถจะได้รับการประกอบอย่างมีคุณภาพและไม่มีช่องว่างต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์

เดบบี ปาสโก ผู้จัดการฝ่ายสีและการตกแต่งของฟอร์ด เผยว่า วัสดุที่เลือกมาใช้ภายในห้องโดยสารทั้งหมดจะต้องมีความทนทานมากเป็นพิเศษ เบาะจะต้องนั่งสบายและในขณะเดียวกัน ยังต้องสามารถรองรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย

วัสดุภายในห้องโดยสารจะต้องทนทานต่อการใช้งานหนักและความรุนแรงต่างๆ ที่อาจจะไม่เกิดขึ้นกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอื่นๆ วัสดุสำหรับเบาะนั่งจะต้องทนทานต่อการวางหรือโยนเครื่องมือเข้ามาในห้องโดยสาร หรือบางครั้งผู้ขับขี่ก็ลืมอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ที่กระเป๋าด้านหลังเบาะ แผงประตูจะต้องไม่ครูดหรือถลอกได้ง่ายเมื่อถูกรองเท้าบู๊ตเปื้อนดินข่วน นอกจากนั้น ผู้ขับขี่รถกระบะยังมองหารถที่มีห้องโดยสารที่ดูสวยงามและมอบความสะดวกสบายสำหรับการใช้ในชีวิตส่วนตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับเรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ เบาะนั่งด้านหลังสามารถจุผู้โดยสารได้ 3 คนอย่างสบายๆ ระยะห่างของเข่าและเท้าระหว่างเสากลางไปจนถึงเบาะด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอ การเข้า-ออกจากรถจึงเป็นเรื่องสะดวกสบายอย่างมากสำหรับผู้โดยสารที่นั่งเบาะหลัง

พื้นที่เก็บของที่เหลือเฟือยังเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของเรนเจอร์ ใหม่ ด้วยช่องเก็บของต่างๆ สูงสุดถึง 20 ช่อง ช่องเก็บของด้านข้างประตูทั้ง 4 บานของรุ่นดับเบิลแค็บมีขนาดใหญ่พอที่จะใส่ขวดน้ำ และในบางรุ่น แผงคอนโซลกลางที่ลึกกลงไปยังช่วยเก็บความเย็นให้กับเครื่องดื่มของคุณได้อีกด้วย ช่องเก็บของด้านหน้ารถมีขนาดใหญ่พอสำหรับใส่คอมพิวเตอร์พกพาได้ และบนคอนโซลยังมีช่องเล็กๆ สำหรับวางโทรศัพท์เคลื่อนที่และของกระจุกกระจิกต่างๆ

ใต้ที่นั่งด้านหลังมีช่องเก็บของส่วนตัวซ่อนอยู่เพื่อใช้เก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และของชิ้นเล็กๆ ขณะที่เรนเจอร์ ดับเบิลแค็บบางรุ่นมีที่วางแก้วน้ำ 2 ใบ ติดตั้งอยู่ในที่เท้าแขนตรงกลางเบาะนั่งด้านหลัง

เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของเรนเจอร์ ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าน้ำมัน ชิ้นส่วนต่างๆ มากมายจึงได้รับการออกแบบให้ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้วยการทดสอบรถแบบเสมือนจริงซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบเดียวกับที่ใช้ในรถแข่งสูตร 1 (ฟอร์มูล่า วัน) เรนเจอร์ ใหม่ ทั้งคันจึงต้องผ่านการทดสอบลักษณะทางอากาศพลศาสตร์แบบเสมือนจริงมาแล้วกว่า 1,000 ครั้งระหว่างการออกแบบรูปทรงของรถ

ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว วิศวกรของฟอร์ดได้แสดงให้เห็นว่าเส้นตัดบริเวณเหนือบังโคลนช่วยแยกทิศทางลมออกจากกันและลดแรงเสียดทานลงได้ ไฟด้านหลังได้รับการติดตั้งแบบแนวตั้งมากขึ้น เสาหน้าได้รับการปรับให้มีขนาดที่เหมาะสม และได้เติมสปอยเลอร์เล็กๆ เข้าไปบริเวณท้ายรถ สปอยเลอร์ใต้กันชนด้านหน้านับว่ามีบทบาทสำคัญในการบังคับทิศทางลมใต้ตัวถังรถ ช่วยให้ลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานลงได้มาก

“การลดแรงต้านลมนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย จนกระทั่งเราสามารถเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันได้ตามเป้าหมาย” เมโทรส กล่าว
เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะได้รับการติดตั้งชุดเกียร์ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อเข้าสู่การขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้อย่างง่ายดายจากสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซล หากต้องการเพิ่มแรงบิดหรือแรงเบรกขณะขับลงทางลาด ผู้ขับขี่ยังสามารถเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำได้

เรนเจอร์ ใหม่ ที่ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อเฉพาะรุ่นยังสามารถติดตั้งระบบล็อคเฟืองท้ายอิเล็กทรอนิกส์หรือลิมิตเต็ดสลิปได้ด้วย

ในขณะที่อัตราการประหยัดน้ำมันที่แน่นอนจะได้รับการเปิดเผยในช่วงใกล้กับการเริ่มต้นผลิต ฟอร์ดคาดการณ์ว่า ระบบส่งกำลังของเรนเจอร์ ใหม่ จะช่วยให้รถรุ่นนี้มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีมาก

คุณภาพในการขับขี่และโครงสร้างตัวถังที่ดีขึ้นอีกขั้น
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สร้างความโดดเด่นสะดุดตาให้กับเรนเจอร์ ใหม่ โครงสร้างตัวถังยังนับเป็นจุดเด่นอีกประการหนึ่งที่จะมอบสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ควบคู่กับความสะดวกสบายแบบเดียวกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ลดความพยายามในการหมุนพวงมาลัย ให้การบังคับทิศทางที่แม่นยำ และมอบเสถียรภาพในการขับขี่บนถนนที่ดียิ่งขึ้นให้กับเรนเจอร์ ใหม่

ขณะที่ประสิทธิภาพในการขับบนถนนออฟโร้ดได้รับการยกระดับขึ้นด้วยเฟรมตัวถังที่แข็งแรงขึ้น ความสูงของรถจากพื้นอยู่ที่ 232 มิลลิเมตร และส่วนประกอบของระบบส่งกำลังที่ได้รับการยกสูงขึ้นจากเฟรมตัวถังให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

แม้ว่าความกว้างของฐานล้อจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,220 มิลลิเมตร และระยะห่างของล้อจากซ้ายไปขวาที่กว้างขึ้น โดยรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้ออยู่ที่ 1,560 มิลลิเมตร และรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้ออยู่ที่ 1,590 มิลลิเมตร ทั้งด้านหน้าและหลัง แต่เรนเจอร์ ใหม่ ยังมีวงเลี้ยวในระดับที่ช่วยให้สามารถจอดและขับบนถนนแคบๆ ได้สบาย ระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็คแอนด์พิเนียนได้รับการออกแบบให้มอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และช่วยให้ควบคุมทิศทางได้อย่างแม่นยำ

สำหรับด้านหน้า ระบบกันสะเทือนของเรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยคอยล์สปริงในระบบกันสะเทือนใหม่สำหรับรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 และ 4 ล้อมีความคล้ายคลึงกัน และมอบสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือชั้น นอกจากนี้ ยังได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับวาล์วแดมเปอร์และอัตราสปริงที่เหมาะสมในแต่ละรุ่นเพื่อชดเชยน้ำหนัก จุดศูนย์ถ่วง และการกระจายแรงขับที่แตกต่างกัน
ทางด้านหลัง ระบบกันสะเทือนได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและมั่นใจ ด้วยระบบกันสะเทือนหลังที่ได้รับการปรับจูนอย่างละเอียดให้ตอบสนองต่อการขับขี่ในสภาพถนนที่แตกต่างกัน โดยไม่ทำให้ความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักมากๆ ลดลงแต่อย่างใด

ในแถบอเมริกาใต้ที่ผู้ขับขี่นิยมการขับบนถนนดินด้วยความเร็วสูง ระบบกันสะเทือนหลังของเรนเจอร์ ใหม่ นับว่ามีประโยชน์อย่างมากในการมอบความมั่นคงและมั่นใจจากการแกว่งและการลื่นไหลของรถที่น้อยลงเมื่อขับขี่บนพื้นผิวที่ขรุขระ

ฟอร์ดตระหนักถึงความจำเป็นของลูกค้าที่อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่มักจะต้องเผชิญน้ำท่วมเมื่อฝนตกหนัก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นหลักๆ และท่ออากาศของเรนเจอร์ ใหม่ จึงได้รับการติดตั้งไว้ในตำแหน่งสูงภายในห้องเครื่อง เรนเจอร์ ใหม่ จึงสามารถตะลุยน้ำท่วมได้อย่างน่าประทับใจ

นอกจากนั้น ด้วยชุดเบรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ความสามารถในการหยุดรถของเรนเจอร์ ใหม่ จึงอยู่ในระดับที่เหนือชั้น เรนเจอร์ทุกรุ่นได้รับการติดตั้งจานเบรกขนาดใหญ่ถึง 302x32 มิลลิเมตร และคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ซึ่งผลิตขึ้นจาก วัสดุ phenolic เพื่อลดน้ำหนักและช่วยให้ทนความร้อนดียิ่งขึ้น

สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ใช้เบรกหลังแบบดรัมเบรกขนาด 270x55 มิลลิเมตร ขณะที่รุ่นไฮ-ไรเดอร์ และ 4x4 ใช้ดรัมเบรกหลังขนาด 295x55 มิลลิเมตร

ระบบเบรกของเรนเจอร์ได้รับการทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมสุดโหดมาแล้ว และพร้อมตอบสนองต่อทุกสภาพการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในประเทศสวีเดนที่อุณหภูมิติดลบ 30 องศา หรือการขับขี่ภายใต้สภาพอากาศร้อนจัดในแคลิฟอร์เนีย เดด วัลเลย์ ไปจนถึงการขับบนถนนที่มีการจราจรแออัด และบนทางด่วน ออโตบาห์น ของเยอรมนี ไปจนถึงถึงการขับในป่าทึบของออสเตรเลีย

ระบบเบรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันของเรนเจอร์ ใหม่ สามารถป้องกันอาการเบรกลื่น (Fade resistance) ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่บรรทุกน้ำหนักมาก ขณะที่เบรกของรถอื่นๆ เริ่มลื่นไหลและทำให้ระยะเบรกไกลขึ้น เรนเจอร์ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมให้สามารถยับยั้งการลื่นไหลได้เหนือขึ้นไปอีกระดับ
สำหรับประสิทธิภาพในการเบรก เรนเจอร์จะได้รับการติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program -ESP) ที่รวมถึงระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction control) สำหรับทั้ง 4 ล้อ รวมทั้งระบบป้องกันรถแฉลบ และลดโอกาสในการพลิกค่ำ

แม้ว่าผู้ขับขี่จะไม่รู้สึกถึงการทำงาน แต่เซ็นเซอร์ของระบบ ESP ที่ได้รับการติดตั้งในเรนเจอร์ ใหม่ จะคอยตรวจจับความเร็วของล้อทั้ง 4 ล้อและเมื่อมีการเร่งความเร็ว หรือในการเบรก หากล้อใดแฉลบออกนอกทิศทาง ระบบจะส่งแรงเบรกไปยังล้อดังกล่าว เพื่อช่วยควบคุมให้รถสามารถทรงตัวได้อย่างปลอดภัย

ภายใต้สภาพการขับขี่สุดโหด ระบบ Traction control จะทำหน้าที่ช่วยลดแรงบิดด้วยการควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ และการจ่ายน้ำมัน

การเบรกที่ปลอดภัยสูงสุดของเรนเจอร์ ใหม่ ยังรวมถึงการทำงานของระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-Lock Brake System -ABS) ให้อยู่ในระดับสูงสุด ซึ่งจะทำงานโดยอัตโนมัติทันทีที่มีการเบรกอย่างเฉียบพลัน ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution -EBD) ของฟอร์ดยังช่วยรักษาแรงเบรกที่แม่นยำในส่วนของเบรกหลัง เพื่อช่วยลดระยะในการเบรก นอกจากนี้ ไฟกระพริบเตือนการหยุดรถกระทันหันยังทำงานแบบอัตโนมัติ เพื่อเตือนรถคันหลังทันทีที่ระบบเบรกเอบีเอสเริ่มทำงาน

ประสิทธิภาพในการลากจูง ความเกาะถนน และเสถียรภาพในการขับขี่ของเรนเจอร์ ใหม่ นับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด ด้วยการติดตั้ง Trailer Sway Mitigation และ Adaptive Load Control หากส่วนของกระบะเริ่มที่จะแกว่ง ระบบจะส่งแรงเบรกไปเพื่อช่วยชะลอความเร็ว และทำให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมแม้ในขณะที่บรรทุกของมาเต็มท้ายรถ ระบบควบคุมการปรับตามน้ำหนักบรรทุกจึงสามารถปรับการทำงานตามน้ำหนักบรรทุกเพื่อควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถตลอดการขับขี่
เช่นเดียวกับรถรุ่นใหม่ของฟอร์ดทุกรุ่น เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบให้มอบความปลอดภัยที่เหนือชั้นแก่ผู้ขับขี่ อาทิ การใช้เหล็กที่มีความแข็งแรงสูงในโครงสร้างตัวถังเพื่อช่วยปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชน

วิศวกรของฟอร์ดยังใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการประเมินผลจากการชนอย่างรอบด้าน ซึ่งรวมถึงการทดสอบการชนทั้งคันแบบเสมือนจริงในคอมพิวเตอร์ถึง 9,000 ครั้ง ก่อนที่รถต้นแบบคันแรกจะเดินหน้าเข้าสู่การทดสอบการชนจริงๆ

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ติดตั้งเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันความปลอดภัยหลังการชนใหม่ ซึ่งรวมถึงการที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้างได้ในตัวถังทุกแบบเป็นครั้งแรก

เทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ในเรนเจอร์ ใหม่ ประกอบด้วย ระบบช่วยการถอยหลังจอด และกล้องมองภาพด้านหลัง ที่นอกจากจะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันแล้ว ยังช่วยปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนโดยรวมอีกด้วย

ความสามารถในการบรรทุกไม่ว่าคุณจะต้องการบรรทุกทีมงานสัก 5 คน หรือจะต้องขนอุปกรณ์ก่อสร้าง รวมทั้งทราย และก้อนกรวด หรือการขนสินค้าเกษตรไปจำหน่ายในต่างจังหวัด ไม่ว่าสัมภาระของคุณจะอยู่ในรูปแบบใด พื้นที่บรรทุกสัมภาระของเรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้คุณในทุกสถานที่ แม้ว่าคุณจะบรรทุกผู้โดยสารมาแบบเต็มคันรถ

มิติของกระบะท้ายของเรนเจอร์ ใหม่ มีความยาว 1,549 มิลลิเมตร สูง 511 มิลลิเมตร และกว้างสูงสุดสำหรับบรรทุกของได้ 1,560 มิลลิเมตร ขณะที่รุ่นดับเบิ้ลแค็บมีความกว้างเพิ่มขึ้นกว่า 100 มิลลิเมตร และความจุในการบรรทุกสูงสุดถึง 1.21 ลูกบาศก์เมตร
ความกว้างระหว่างฐานล้อของเรนเจอร์ ใหม่ อยู่ที่ 1,139 มิลลิเมตร สำหรับทุกรุ่น นอกจากนี้ บริเวณกระบะท้ายของรถยังได้รับการขยายให้มีความกว้างเพิ่มขึ้นบริเวณเหนือซุ้มล้อเพื่อรองรับการวางสิ่งของที่มีความยาวเช่นแผ่นไม้ หรือแผ่นยิปซัมให้สามารถวางราบไปได้โดยไม่ติดซุ้มล้อ ความกว้างของประตูท้ายรถที่ด้านบนสุดของกระบะอยู่ที่ 1,330 มิลลิเมตร
การออกแบบใหม่ยกแผง และอีกมากมายที่จะตามมาไม่บ่อยนักที่ทีมวิศวกรและนักออกแบบจะมีโอกาสสร้างสรรค์รถกระบะคันหนึ่งขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่แรก และเรนเจอร์ ใหม่ ก็นับเป็นบทพิสูจน์ความท้าทายที่ฟอร์ดได้เปิดโอกาสให้ทีมงานแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่

ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปีนับจากนี้ เรนเจอร์ ใหม่ จะเดินหน้าสู่สายการผลิต และจะเป็นรถที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกระบะในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่โดดเด่น ความประณีตและความสะดวกสบายในการขับขี่ โครงสร้างตัวถังรถที่รองรับการขับขี่แบบออฟโร้ดได้อย่างเต็มที่ และระบบส่งกำลังที่ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยึดมั่นต่อการเป็นรถกระบะพันธุ์แกร่งอย่างแท้จริง

เรนเจอร์ ใหม่ จะได้รับการผลิตในโรงงานหลัก 3 แห่งทั่วโลก ที่พร้อมผลิตรถในปริมาณมาก และตั้งอยู่ในจุดภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม โดยเฉพาะในภูมิภาคที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

การผลิตรถในปริมาณมากที่จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่องนี้ จะเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในช่วงกลางปีหน้าที่จังหวัดระยอง ในประเทศไทย ซึ่งจะผลิตเพื่อจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ฟอร์ดได้ปฏิรูปโรงงานในประเทศ อาร์เจนติน่า และแอฟริกาใต้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้สามารถตอบสนองความต้องการในภูมิภาคหลักอื่นๆ ได้ในช่วงถัดไปของการเปิดตัว กลยุทธ์การผลิตแบบใหม่ของฟอร์ดที่ใช้โครงสร้างตัวถังรถกระบะขนาดคอมแพ็คระดับโลกเพียงชุดเดียว จะส่งผลให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ผลิตขึ้นในแต่ละภูมิภาคมีความคล้ายคลึงกันมากที่สุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

แม้ว่าจะไม่มีแผนการวางจำหน่ายในสหรัฐและแคนาดา แต่เรนเจอร์ ใหม่ จะวางจำหน่ายใน 180 ประเทศทั่วโลก นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างไกลมากที่สุด เรนเจอร์ ใหม่ จึงสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า รถกระบะเป็นรถที่มีความสำคัญอย่างมากต่อผู้ขับขี่ในหลายๆ ภูมิภาคของโลก และฟอร์ด เรนเจอร์ ก็เป็นรถระดับโลกที่มีความสำคัญอย่างมากต่อฟอร์ดเช่นเดียวกัน

เรนเจอร์ยังเป็นตัวแทนที่ชี้ให้เห็นว่า ฟอร์ดสามารถใช้ทรัพยากรระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีมงานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำงานประจำอยู่ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่สำนักงานบรอดเมโดว์ คอมเพล็กซ์ ของฟอร์ด ซึ่งตั้งอยู่ที่เมลเบิร์น ถูกใช้เป็นห้องทำงานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์ และสนามทดสอบรถของฟอร์ดในเมืองจีลองที่อยู่ไม่ไกลออกไป ก็ได้กลายฐานการทำงานหลักให้กับทีมพัฒนารถกระบะเรนเจอร์ระดับโลกของฟอร์ด

“การทำงานภายใต้แนวคิดแบบ One Ford ช่วยให้เรานำเอาความแข็งแกร่งด้านต่างๆ มาใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์เรนเจอร์ ใหม่” คูแซค กล่าว “การที่รถกระบะขนาดคอมแพ็คมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้คนทั่วโลก เรนเจอร์ ใหม่ จึงถือเป็นรถที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลกชิ้นใหม่อันดับต่อไปของเรา”
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น