25 ตุลาคม 2553

Nissan Elgrand เพื่อครอบครัวสุดรัก

ฝุ่นตลบทีเดียวครับ สำหรับการขับเคี่ยวของบรรดาเกรย์มาร์เก็ต ซึ่งแต่ละค่ายพยายามทำตลาด โหมประชาสัมพันธ์กันอย่างหนัก โดยหวังขึ้นแท่นอันดับหนึ่งแทนการล่มสลายของเจ้าพ่อ เอส.อี.ซี. ไม่ว่าจะชูเรื่องโปรดักต์ใหม่ที่นำเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมยืนยันการส่งมอบรถอย่างถูกต้องและบริการหลังการขายที่จัดการได้แน่นอน ขณะเดียวกันในช่วงค่าเงินบาทแข็งเป้ก ยิ่งส่งผลให้การนำเข้าคึกคักเป็นทวีคูณ

อย่างเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเห็นการแย่งชิงพื้นที่ข่าวการเปิดตัว “นิสสัน เอลแกรนด์ โฉมใหม่” (All New Nissan Elgrand) เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งรถประเภทนี้ได้การตอบรับจากลูกค้า(ไฮโซ) พร้อมยอดขายเป็นกอบเป็นกำไม่แพ้พวกรถสปอร์ต (จริงๆน่าจะขายดีกว่าด้วยซ้ำในตลาดเกรย์มาร์เก็ต) จึงเป็นผลทางจิตวิทยาที่สามารถนำไปต่อยอดทางการตลาดได้ระดับหนึ่ง
แม้หลายค่ายเปิดตัวพร้อมๆกัน แต่บังเอิญทีมงานของ “โปรเฟสชันแนล มีเดีย บิสซิเนส” (PMB) บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ของเกรย์มาร์เก็ตไฟแรง TSLทำงานรวดเร็วทันใจ กริ๊งกร๊างหา “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ให้รีบนำรถมาลองขับ หลังเพิ่งลงเรือจากญี่ปุ่นมาถึงไทยแบบสดๆร้อน

สำหรับ “เอลแกรนด์ ใหม่” TSL นำเข้ารุ่น “ไฮเวย์ สตาร์” (Highway Star) ด้วยรูปลักษณ์ทันสมัย กระจังหน้ากว้างใหญ่ พร้อมเส้นสายคาดไฟหน้าแบ่งเป็นสองชั้น ด้านกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ฝังเบ้ารับไฟตัดหมอกดูโฉบเฉี่ยวสะดุดตา (น้อยกว่านี้ก็แพ้ โตโยต้า อัลพาร์ด/เวลไฟร์) ขณะที่การออกแบบด้านหลังยึดสไตล์“เอลแกรนด์ รุ่นเดิม” ด้วยการจัดวางแผงไฟคาดแนวขวาง และแยกส่วนไฟถอย-ไฟเลี้ยวไว้ต่างหาก หวังเอาใจลูกค้าเก่าเต็มที่

ตัวถังโดยรวมใหญ่ขึ้นทุกมิติ กับความยาว4,915 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,815มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 50 มิลลิเมตรเป็น 3,000 มิลลิเมตร นอกจากนี้นิสสันยังพยายามออกแบบรถให้เตี้ย หรือGround Clearance ต่ำแค่ 150 มิลลิเมตร เพื่อการทรงตัวที่ดีเยี่ยม และอำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลง สูงสุด
ภายในกว้างขวางพร้อมเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถวสองเป็นแบบ Captain Seat 2 ที่นั่ง ขณะที่เบาะแถวสามสามารถพับเก็บให้ราบไปกับพื้นห้องโดยสาร ช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการขนสำภาระได้เป็นอย่างดี ด้านระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองอากาศ Plasma Cluster โดยแยกช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง และปรับอุณหภูมิ รวมถึงแรงพัดลมได้ตามสะดวก

ด้านออปชันความปลอดภัยจัดให้ทั้ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกABSระบบกระจายแรงเบรกEBDระบบเสริมแรงเบรกBA และระบบความคุมการทรงตัวอัตโนมัติ

สำหรับ “เอลแกรนด์ โฉมใหม่” ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ยังคงเครื่องยนต์เบนซินรหัสVQ35DE ขนาด 3.5 ลิตรเอาไว้ ส่วนขนาด 2.5 ลิตร หันมาคบกับบล็อก QR25DE (เดิมเป็น VQ25DE ขับเคลื่อนล้อหลัง) เพื่อเปลี่ยนมาขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ซึ่งเป็นรุ่นที่ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้ลองขับ
...สมรรถนะการขับขี่ พร้อมผู้โดยสารอีก 1 คน ต้องบอกว่า “เอลแกรนด์ ใหม่” เป็นรถขับสบายครับ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 3,900 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT 6 สปีด ส่งกำลังสู่ล้อหน้านุ่มเรียบ แต่ละจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไม่รู้สึกถึงรอยกระตุก

ช่วงออกตัวหรือตีนต้นรถตอบสนองดี การบังคับพวงมาลัยแรคแอนพิเนี่ยนแบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าทำได้เชื่องมือ และน้ำหนักไม่เบาเหมือนพวงมาลัยไฟฟ้าที่ใช้ในเก๋งเล็กหลายๆรุ่น ส่งผลให้การขับในเมือง จราจรหนาแน่นควบคุมแม่นยำ พร้อมจังเหวาะเติมคันเร่ง สอดประสานให้รถคล่องตัวกระฉับกระเฉง

อย่างไรก็ตามถ้าอยู่ช่วงความเร็ว 40-60 กม./ชม. แล้วต้องการเรียกความเร็วไปถึง 100-120 กม./ชม. พละกำลังอาจมาช้าหรือต้องการจังหวะคิกดาว์ต้องเหยียบคันเร่งลงไปลึกหน่อย ซึ่งเป็นการเซ็ทของวิศวกรที่ต้องการให้เป็นรถครอบครัวบุคคลิกนุ่มนิ่งไม่พุ่งพล่านมากเกินจำเป็น เช่นเดียวกับลักษณะการเบรกที่เซ็ทมายอดเยี่ยม ไม่มีลูกหัวทิ่มหัวตำให้เวียนหัว
อย่างไรก็ตามถ้าอยู่ช่วงความเร็ว 40-60 กม./ชม. แล้วต้องการเรียกความเร็วไปถึง 100-120 กม./ชม. พละกำลังอาจมาช้าหรือต้องการจังหวะคิกดาว์ต้องเหยียบคันเร่งลงไปลึกหน่อย ซึ่งเป็นการเซ็ทของวิศวกรที่ต้องการให้เป็นรถครอบครัวบุคคลิกนุ่มนิ่งไม่พุ่งพล่านมากเกินจำเป็น เช่นเดียวกับลักษณะการเบรกที่เซ็ทมายอดเยี่ยม ไม่มีลูกหัวทิ่มหัวตำให้เวียนหัว

ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท ปีกนกสองชั้นพร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง เซ็ทไว้ค่อนข้างนุ่ม ขับความเร็วสูงรับรู้ถึงอาการคลอน ยิ่งช่วงเข้าโค้งความเร็วแค่ 80-90 กม./ชม. ก็รับรู้ถึงอาการโยกโยนแล้ว แต่อย่างที่บอกครับ การลองขับครั้งนี้ไปกันแค่ 2 คน ซึ่งถ้าเป็นตามเป้าประสงค์ของรถครอบครัว นั่งกันไปสัก 4-5 คนหรือเต็มคันรถ น้ำหนักกับช่วงล่างน่าจะลงตัวพอดี

ในส่วนของทัศนวิสัยการขับขี่ชัดเจน กระจกหน้า กระจกมองข้างบานโต ตำแหน่งคนขับสูงมองได้กว้างไกล แต่แปลกใจนิดเดียวที่ไม่มีกล้องส่องถอยหลังมาให้(อาจจะเป็นออปชันต้องเพิ่มเงิน) ด้านการเก็บเสียงในห้องโดยสารถือว่าสอบผ่าน ทั้งเสียงลมปะทะ เสียงเครื่องยนต์ เสียงยางโยโกฮามาขนาด225/55R18บดพื้นถนน เล็ดลอดเข้ามาน้อยมาก
หลังจากลองขับได้สักระยะ ผู้เขียนผันตัวเองมาเป็นผู้โดยสารด้านหลังบ้าง และแน่นอนว่าเล็งไปที่เบาะนั่งแถวสอง แบบCaptain Seat และแม้จะหุ้มวัสดุแบบผ้าแต่ก็บุดี คนตัวใหญ่ยังนั่งสบาย พร้อมรองรับแรงสะท้านจากพื้นถนนได้เยี่ยม อย่างไรก็ตามขอติตรงที่วางแขนเล็กสั้นไปนิด วางได้ไม่เต็มไม้เต็มมือ

ส่วนการปรับทิศทางเบาะนั่ง ใช้มือโยกหรืองัด (แล้วแต่ว่าจะจัดท่าอย่างไร) จัดการได้ง่ายไม่ต้องออกแรงเยอะ ขณะที่การขึ้นลงสะดวกคล่องแคล่วจากพื้นรถที่ต่ำ และประตูไฟฟ้าแบบ One-Touch เปิดได้ 2 ด้านซ้าย-ขวา แน่นอนว่า โดนใจ เด็ก สตรี คนชรา รวมทั้งตัวผู้เขียนเองด้วย

ส่วนเบาะนั่งแถวสามสามารถอัดได้ 3 คนจริงๆ โดยไม่อึดอัดมาก แต่กระนั้นถ้าไม่มีคนนั่ง สามารถพับให้ราบเรียบกับพื้นห้องโดยสารเพิ่มความอเนกประสงค์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตัด(สิน)ใจ ไม่ให้ยางอะไหล่ และเลือกใช้ชุดซ่อมยาง Tire Fit แทน

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย บริษัทผู้ผลิต เคลมไว้ 10-11 กม./ลิตร ส่วนการขับจริงวิ่งทางไกล และรถติดในเมือง หน้าจอดิจิตอลปรากฎตัวเลข 8.5-9.0 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...TSL ตั้งราคาขาย “นิสสัน เอลแกรนด์ โฉมใหม่” 3.39 ล้านบาท (ราคาเท่าอัลพาร์ดรุ่นล่างที่โตโยต้านำเข้ามาทำตลาดเอง) ซึ่งใครเคยประทับใจกับรถอเนกประสงค์ขวัญใจมหาชนญี่ปุ่นมาก่อนหน้าแล้ว เชื่อว่าถ้าได้ลองขับ สัมผัส นั่ง โมเดลเชนจ์รุ่นนี้ จะทำให้คุณควักเงิน เพื่อแลกกับความอบอุ่นในครอบครัวได้ไม่ยาก

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น