07 พฤษภาคม 2553
‘เชฟโรเลต’พร้อมรบ จ่อเปิดตัวรถใหม่ 4รุ่น
‘เชฟโรเลต’พร้อมรบ จ่อเปิดตัวรถใหม่ 4รุ่น
ภาพสปายช็อต เชฟโรเลต แคปติวา เผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.caradvice.com.au
ข่าวในประเทศ “จีเอ็ม” เตรียมกลับมาเขย่าตลาดไทยชุดใหญ่ หลังสถานการณ์วิกฤตคลี่คลาย ทั้งภาระหนี้สินและเงินลงทุน โดยเฉพาะไทยเดินหน้าลุยเต็มที่ หลังจากได้รับเงินกู้ลงทุนกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท ประกาศเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับรถยนต์ “เชฟโรเลต” ด้วยการงัดกลยุทธ์ฟื้นแบรนด์ อัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ ที่จ่อคิวรุกตลาด 4 รุ่นรวด เริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้กับเก๋งคอมแพ็กต์ “เชฟโรเลต ครูซ” ที่จะมาทำตลาดแทนรุ่น “ออพตร้า” แต่ยังคงรุ่น เอสเตท หรือเวอร์ชั่น 5 ประตูของออพตร้าไว้ จากนั้นประมาณกลางปี 2554 ส่งเอสยูวี “แคปติวา” ที่กำลังซุ่มปรับโฉมอยู่โดยจีเอ็มแดวูฯ ตามมาติดๆ ในช่วงครึ่งหลังเปิดตัวโฉมใหม่ของปิกอัพ “เชฟโรเลต โคโลราโด” ก่อนที่จะถึงเวลาของรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี ที่ใช้พัฒนาจากโครงสร้างของปิกอัพใหม่ ลงทำตลาดในเวลาไล่เลี่ยกัน
หลังเมฆฝนฟ้าเริ่มสดใส เช่นเดียวกับค่ายรถยักษ์ใหญ่ของโลก “เจนเนอรัล มอเตอร์ส” หรือ“จีเอ็ม” เมื่อสถานการณ์วิกฤตของบริษัทได้คลี่คลายลง และปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขคืบหน้าไปมาก ไม่ว่าจะเป็นการสามารถชำระหนี้ได้ก่อนกำหนด หรือการกลับมาเดินหน้าขับเคลื่อนแผนงานในประเทศไทย ภายหลังได้รับเงินกู้จากสถาบันการเงินของไทยมูลค่ากว่า 1.35 หมื่นล้านบาท พร้อมๆ กับการฟื้นความเชื่อมั่นแบรนด์รถยนต์ “เชฟโรเลต” ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ภายใต้การขับเคลื่อนของบอสใหญ่ภูมิภาคอาเซียนคนใหม่ “มาร์ติน แอพเฟล” และยังควบตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด
เชฟโรเลต แคปติวา โฉมทำตลาดในไทยปัจจุบัน และกำลังมีการปรับโฉมใหม่ตามภาพสปายช็อตที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์
“ขณะนี้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน 3 โครงการในไทย คือ ตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล โครงการผลิตปิกอัพ และรถยนต์เอสยูวี ตลอดจนการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือการสร้างความเข้าใจถึงจุดแข็งของผลิตภัณฑ์เชฟโรเลตต่อผู้บริโภค รวมถึงการสรรค์หาผลิตภัณฑ์ที่ดีสู่ตลาดรถยนต์ไทย”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “มาร์ติน แอพเฟล” จากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ที่ผ่านมา และยังได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ว่า ต้องการจะขยับส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นเป็นมากกว่า 3% จากประมาณการตลาดรถยนต์รวมไม่ต่ำกว่า 6 แสนคัน ขณะที่ปีที่ผ่านมาทำได้ 2.9% จากตลาดรวม 5.5 แสนคัน
การตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่ำกว่า 3% ถือเป็นการปรับฐานกลับมาอยู่ในระดับเมื่อปี 2551 หรือมากกว่า 2 หมื่นคันต่อปี แน่นอนหากเป็นค่ายรถอื่นๆ อาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่กับค่ายจีเอ็มที่ประสบวิกฤตสถานะทางการเงิน จนถึงขั้นยอมเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ?
หากดูแผนสู่การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของจีเอ็ม ส่วนหนึ่งย่อมมาจากเร่งสร้างความมั่นใจต่อลูกค้า ประกอบกับการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างหนัก และโดยเฉพาะสิ่งที่จีเอ็มจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค คือการลงทุนโครงการใหม่ที่กล่าวมา และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาดนับจากนี้ไป...
จีเอ็มได้ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่า จะมีการแนะนำปิกอัพโคโลราโดโฉมใหม่ และรถยนต์เอสยูวีใหม่สู่ตลาด จากการลงทุนมูลค่ากว่า 1.35 หมื่นล้านบาท แม้จะสะดุดไปบ้างจากวิกฤตทางการเงินในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ทันทีที่ได้รับอนุมัติเงินกู้จากสถาบันการเงินในไทย ทำให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไป แต่นั่นยังเป็นเรื่องในปี 2554 สำหรับปีนี้เชฟโรเลตใช่ว่าจะไม่มีสินค้าใหม่ทำตลาดเลย
โดยที่ได้มีการเปิดตัวเรียกความสนใจจากลูกค้าไปแล้ว คงจะเป็น “เชฟโรเลต อาวีโอ” ที่ได้เพิ่มขุมกำลังเป็น 1.6 ลิตร เพื่อจะหาที่ยืนในตลาดซับคอมแพ็กต์ให้ได้ต่อไป เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันรุนแรงมาก และเป็นตลาดที่เติบโตมาก ที่สำคัญมีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่จะว่าไปไฮไลต์สำคัญของจีเอ็มในปีนี้ เห็นจะเป็นการเปิดตัว “เชฟโรเลต ครูซ” (Chevrolet Cruze) เก๋งคอมแพ็กต์สู่ตลาดไทย ในช่วงไตรมาสุดท้ายของปีนี้
สำหรับข่าวคราวการแนะนำ เชฟโรเลต ครูซ สู่ตลาดไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นโมเดลใหม่ที่เข้ามาทำตลาดแทน “เชฟโรเลต ออพตร้า” และได้มีการเปิดตัวสู่ตลาดต่างประเทศระยะหนึ่งแล้ว ในส่วนประเทศไทยตามรายงานข่าวเดิม จะเปิดตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่จากวิกฤตของจีเอ็มทำให้ต้องเลื่อนแผนออกมาเป็นปลายปีนี้แทน
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจีเอ็มจะถอด เชฟโรเลต ออพตร้า ออกจากไลน์สินค้าทั้งหมด เพราะแม้จะเปิดตัวรุ่นครูซออกมาทำตลาดแทน แต่จะเป็นเวอร์ชั่นซีดาน ทำให้จีเอ็มยังคงรุ่น 5 ประตู หรือเชฟโรเลต ออพตร้า เอสเตท ทำตลาดต่อไป โดยเฉพาะเครื่องยนต์รองรับพลังงานก๊าซธรรมชาติ(CNG)
นี่จะเป็นดาบแรกสำหรับก้าวใหม่ของจีเอ็มในไทย ก่อนที่จะมีชุดใหญ่ตามออกมาในปี 2554 ซึ่งถือเป็นปีของจีเอ็มอย่างแท้จริง เพราะนอกจากเชฟโรเลต ครูซ จะเป็นโมเดลหลักทำยอดขายช่วงต้นปีแล้ว(เปิดตัวปลายปี 2553) เข้าสู่ช่วงกลางปีหน้าจีเอ็มจะเปิดเกมรบ ในตลาดรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี(SUV) ด้วยการแนะนำ “เชฟโรเลต แคปติวา” โฉมใหม่สู่ตลาดทันที
เชฟโรเลต ครูซ เตรียมเปิดตัวปลายปีนี้
ปัจจุบันเชฟโรเลต แคปติวา กำลังทำการพัฒนาอยู่ โดยจีเอ็มแดวูฯ ในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของจีเอ็มในปัจจุบันที่พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ สำหรับทำตลาดในภูมิภาคยุโรป และเอเชียแปซิฟิก ด้วยการผลิตรถออกมาหนึ่งโมเดล เพื่อทำตลาดภายใต้แบรนด์ เชฟโรเลต, โอเปิล,โฮลเดน และแดวู
อย่างเชฟโรเลต แคปติวา ในประเทศไทย จะมีชื่อรุ่นตามแบรนด์ที่ทำตลาดในต่างประเทศ คือ โอเปิล แอนทารา (Opel Antara) และแดวู วินสตรอม (Daewoo Winstorm) ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้มีการเผยแพร่ภาพสปายช็อต เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ ทางเว็บไซต์ www.caradvic.com.au โดยระบุว่าเป็น โอเปิล แอนทารา, โฮลเดน(เชฟโรเลต) แคปติวา และแดวู วินสตรอม ที่กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาปรับโฉม เพื่อแนะนำสู่ตลาดในช่วงกลางปี 2553 นี้ หรือเรียกว่าโมเดลปี 2554
แน่นอนว่าเมืองไทยคงจะตามมาหลังจากนั้น หรือไม่เกินกลางปีหน้า และไม่ใช่เป็นโมเดลในความหมายของจีเอ็ม ที่กล่าวถึงโครงการผลิตรถยนต์เอสยูวี 1 ใน 3 ภายใต้โครงการลงทุนรวมมูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท โดยโครงการแรกผลิตเครื่องยนต์ดีเซลน่าจะผลิตออกมาทดลองได้ช่วงปลายปี และใช้เวลาพัฒนาปรับปรุงอีก 3-4 เดือน เพื่อนำใช้กับปิกอัพโคโลราโดโฉมใหม่ในอีกโครงการ ที่มีกำหนดเปิดตัวประมาณช่วงไตรมาส 3 ของปีหน้า และตามมาด้วยรถเอสยูวีโมเดลใหม่ในเวลาห่างกันไม่นานนัก
เอสเตท หรือเวอร์ชั่น 5 ประตูของออพตร้ายังมีขายอยู่
โดยเอสยูวีโมเดลใหม่ดังกล่าว หมายถึง รถยนต์อเนกประสงค์ที่พัฒนามาจากโครงสร้างพื้นฐานของปิกอัพโฉมใหม่ หรือเรียกว่ารถพีพีวี(PPV : Pick up Passenger Vehicle) ในนิยามการแบ่งประเภทรถของกระทรวงการคลัง สำหรับเสียภาษีสรรพสามิต ซึ่งเป็นรถแบบเดียวกับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต, อีซูซุ มิว-7 และฟอร์ด เอเวอเรสต์
สำหรับพีพีวีของจีเอ็ม นอกจากพัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพโคโลราโดโฉมใหม่แล้ว ตามรายงานข่าวยังอิงกับเอสยูวีรุ่นแคปติวาใหม่ในการพัฒนาด้วย เพื่อให้สามารถใช้ชิ้นส่วนบางอย่างร่วมกัน ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนได้ โดยตามแผนจะเปิดตัวในช่วงปลายปีหน้า หรืออาจจะเป็นไม่เกินต้นปี 2555
จะเห็นว่าการกลับมาของจีเอ็มครั้งนี้ เรียกว่าเขย่าตลาดชุดใหญ่จริงๆ เพราะครอบคลุมตลาดหลักในไทย ไม่ว่าจะเป็นคอมแพ็กต์คาร์ เอสยูวี ปิกอัพ และรถอเนกประสงค์พีพีวี นี่ยังไม่รวมซับคอมแพ็กต์ “เชฟโรเลต อาวีโอ” โฉมใหม่ ที่บางกระแสก็ว่าปีหน้า แต่หากดูตารางเวลาแล้ว ค่อนข้างแน่นเอี๊ยด จนน่าจะเป็นช่วงปี 2555 มากกว่า?
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น