ทะลวงช่วงว่างซูเปอร์คาร์ RUFงัดความแตกต่างสร้างแบรนด์ ซูเปอร์คาร์กลิ่นหอม รอยัล มอเตอร์เล็งสร้างแบรด์ RUF เทียบชั่น ปอร์เช่ เฟอร์รารี่ และลัมบอกินี่ ชูสมรรถนะเหนือกว่า แถมมีฐานลูกค้าระดับเศรษฐีเล่นหุ้น และทองคำในมือเพียบ เพราะเดิมอยู่ในธุรกิจซื้อขายทองคำมาก่อน ด้านผลิตภัณฑ์ชูความแตกต่างจากปอร์เช่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตตัวถังร่วมกัน ด้วยการสั่งรุ่นพิเศษเจาะกระเป๋าเสี่ยเงินหนาเมืองไทยเฉพาะ และการเลือกแต่งรถได้ตามความต้องการจากโรงงานก่อนเข้ามาบุกตลาดรถยนต์ซูเปอร์ คาร์ ของแบรนด์ RUF อิสริยะ คูหาเปรมกิจ ประธานกรรมการบริหาร รอยัล มอเตอร์ส จำกัด เผยว่า ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าทองคำมากก่อน ขณะเดียวกันก็ดำเนินธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ ในชื่อ หลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ทำให้มีฐานลูกค้าที่มีฐานะ รวมถึงทราบถึงความต้องการรถยนต์ระดับซูเปอร์คาร์ ที่แตกต่างจากตลาดทั่วไป
“ในส่วนของตัวสินค้า แม้ว่าปัจจุบันจะมีผู้นำเข้ารถยนต์มาทำตลาดหลายราย แต่เรายังมองเห็นช่องว่างที่จะเจาะตลาด นั่นคือ จุดย่อยต่างๆ เช่นรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ติดมากับรถ ซึ่งลูกค้าอยากได้ แต่ไม่มีใครขาย แต่เราสามารถสั่งมาให้ได้ อาทิ ระบบประตูดูด คอนโซลหุ้มหนัง กล้องมองข้าง หรือว่าหนังจระเข้” อิสริยะ กล่าวอย่างมั่นใจ
ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ รอยัลมอเตอร์ มอว่า เป็นประตูสู่การสร้างแบรนด์ซูเปอร์คาร์ RUF ในเมืองไทย แม้รถยนต์รุ่นนี้จะผลิตจากพื้นฐานบางส่วนจากโรงงานเดียวกับปอร์เช่ แต่ก็มีบุคลิกที่แตกต่าง ที่สำคัญคือความแรงที่มีมากว่า ยกตัวอย่างเช่น รุ่น RUF Rt12S ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ แต่ RUF มีการพัฒนาเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร 6 สูบต่อ จนได้แรงม้าสูงถึง 685 แรงม้า แม้ราคาที่วางไว้จะสูงถึงคันละ 25 ล้านบาท แต่ความต้องการซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูงขนาดนี้ และฐานลูกค้าที่มีอยู่น่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 2 คันในปีนี้
ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็นรุ่นที่สั่งผลิตสำหรับเมืองไทยโดยเฉพาะ คือ RUF 987 เครื่องยนต์ 2.9 ลิตร กำลังสูงสุด 218 แรงม้า ราคา 7.9 ล้านบาท รุ่นนี้มาจากพื้นฐานเดียวกับปอร์เช่ เคย์แมน และคาดว่าจะเป็นรถธงของ RUF ในเมืองไทย เพราะวางเป้าไว้ถึง 18 คัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการทำตลาดรถยนต์ซูเปอร์คาร์ในปีแรกของ RUF เมืองไทย
อิสริยะ เผยว่า ปัจจุบันมียอดจองเข้ามาแล้ว หลังการเปิดตัวเมื่อปลายปี 2552 จำนวนหนึ่ง รวมถึงการสั่งสินค้าและขั้นตอนประกอบเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 5 คัน ทั้งหมดเป็นการผลิตในแบบแฮนด์เมด ลูกค้าสามารถกำหนดรายละเอียดของรดได้ไม่ว่าจะเป็นสี อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ การตกแต่ง วัสดุอุปกรณ์ ระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ โดยรอยัล มอเตอร์ส จะส่งคำสั่งซื้อให้กับโรงงาน RUF ในเยอรมัน เพื่อทำการผลิต และใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 8 สัปดาห์ แต่ต้องใช้เวลาขนส่งอีกราวๆ 4 สัปดาห์ รวมระยะเวลาที่ลูกค้าสั่งจนถึงส่งมอบประมาณ 13 สัปดาห์ หรือ 3เดือน
นอกจากรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นแล้ว รอยัลมอเตอร์ยังมองตลาดเซ็กเมนท์อื่นๆ เช่นตลาดรถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่เป็นรถยนต์เอสยูวี จึงมีแผนจะนำรถยนต์ RUF รุ่น R-Roadster พัฒนาจากบอดี้ของ 997 โดยมีรูปทรงใกล้เคียงกับปอร์เช่ ทาร์กา ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็นการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และอาจอยู่ในช่วงปลายปีนี้
รอยัล มอเตอร์ส เตรียมกลยุทธ์ต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งการจัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะกับกลุ่มเป้าหมาย การทำ CRM กับฐานลูกค้าที่มีอยู่ ขระที่การสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า มีทั้งการลงทุนสร้างโชว์รูมใหม่ด้วยงบประมาณราวๆ 500 ล้านบาท แต่เป็นโชว์รูมที่จำหน่ายรถยนต์นำเข้าทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันเป็นตลาดหลักของรอยัล มอเตอร์
จุดขายสำคัญของ RUF ที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับรถยนต์รุ่นนี้ เป็นซูเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน โดยเฉพาะ RUF 987 ซึ่งเป็นซูเปอร์คาร์ที่กลุ่มลุกค้าประเป๋าหนักสามารถเข้าถึงได้ และสามารถพัฒนาแบรนด์รอมัล มอเตอร์ ให้สามารถแข่งขันกับซูเปอร์คาร์ ที่มีอยู่ในตลาดทั้ง เฟอร์รารี่ ปอร์เช่ และลัมบอร์กินี่
ที่มา โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น