31 กรกฎาคม 2553

มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ราคาโดน-สมรรถนะไม่แพ้

มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ราคาโดน-สมรรถนะไม่แพ้ แม้สภาวะราคาน้ำมันปัจจุบันจะไม่สูงมากนัก ทั้งดีเซลและเบนซิน(แก๊สโซฮอล์) ยังพอรับไหว แต่ในแง่ของผู้ที่ใช้รถเพื่อธุรกิจหรือขนส่งแล้ว หากลดต้นทุนตรงนี้ได้ย่อมเป็นการดีกว่า จึงไม่แปลกที่จะเห็นปิกอัพที่นำไปติดตั้งซีเอ็นจี(CNG หรือ NGV) หรือแอลพีจี (LPG) กันเต็มบ้านเต็มเมือง หรือแม้แต่แบรนด์ใหม่ ที่บุกตลาดปิกอัพพื้นเรียบซีเอ็นจีเพียวๆ ยังเห็นวิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

การเปิดตัวของ “มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงเป็นการโดดลงจับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ และได้รับการตอบรับมากทีเดียว ซึ่งจากทิศทางดังกล่าวจึงแว่วว่า… ปลายปีนี้ปิกอัพยักษ์ใหญ่จะโดดลงบุกตลาดนี้บ้าง? แต่ก่อนที่ตลาดจะร้อนแรงดุเดือดมากขึ้น ในเมื่อช่วงนี้มีปิกอัพติดตั้งซีเอ็นจีจากโรงงานแท้ๆ (หรือโรงงานรับรอง)มีเพียงแค่ 3 ยี่ห้อ เชฟโรเลต โคโลราโด, ทาทา ซีนอน และล่าสุดมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี คงต้องมาชั่งน้ำหนักกัน

หากดูแล้วจะเห็นว่า เชฟโรเลต โคโลราโด แม้จะเป็นรายแรกที่บุกตลาดปิกอัพติดตั้งซีเอ็นจี(+เครื่องยนต์ดีเซล) แต่เนื่องจากมุ่งจับตลาดบน และราคาที่ปรับขึ้นร่วมแสนบาท ทำให้ไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ แตกต่างจากน้องใหม่ ทาทา ซีนอน ซีเอ็นจี ที่จับกลุ่มปิกอัพพื้นเรียบที่ใช้งานเพื่อการพาณิชย์ ราคาเริ่มต้นเพียง 4 แสนปลายๆ แม้จะเป็นปิกอัพระบบเดี่ยวใช้ได้เฉพาะเชื้อเพลิงซีเอ็นจี ยังได้รับการตอบรับมากกว่า ดันยอดขายพุ่งขึ้นเป็นเดือนละ 400-500 คัน

อย่างไรก็ตาม ปิกอัพระบบเชื้อเพลิงซีเอ็นจีอย่างเดียว ทำให้มีปัญหาเรื่องสถานีบริการไม่ค่อยครอบคลุมทั่วประเทศ ความนิยมจึงอยู่เพียงพื้นที่หรือเส้นทางที่มีสถานีก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี กลายเป็นข้อจำกัดของปิกอัพทาทา ซีนอน ซีเอ็นจี ในปัจจุบันไป

มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด จึงเป็นการเข้ามาปิดช่องว่างเหล่านี้ เพราะเป็นปิกอัพ 2 ระบบเชื้อเพลิง(Bi-Fiel System) ที่รองรับทั้งการใช้น้ำมันเบนซิน และก๊าซซีเอ็นจี ให้สามารถเลือกใช้ระบบเชื้อเพลิงอย่างใดอย่างหนึ่งตามความต้องการ ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องสถานีบริการรองรับ
ขณะเดียวกันกลุ่มเป้าหมายชัด เพราะรถที่ทำตลาดเป็นรุ่นซิงเกิลแค็บ 2.4GL และเมกะแค็บ 2.4GLX จึงมุ่งจับกลุ่มผู้ใช้งานบรรทุก หรือขนส่งเป็นหลัก ซึ่งต้องการพลังงานที่ช่วยลดต้นทุนที่สุด ที่สำคัญราคาจึงตอบโจทย์ตรงนี้ เพราะรุ่นซิงเกิลแค็บเปิดมาที่ 4.69-4.79 แสนบาท และรุ่นเมกะแค็บราคา 6.11 แสนบาท

หากดูราคาน่าสนใจทีเดียว เพราะเป็นปิกอัพที่ติดตั้งซีเอ็นจีจากโรงงานมาให้เรียบร้อย ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.69 แสนบาท แต่หากเป็นรุ่นซิงเกิลแค็บยี่ห้ออื่นๆ นำไปติดตั้งแอลพีจี หรือซีเอ็นจีภายหลัง เมื่อรวมราคารถแล้วต้องมี 5 แสนบาทขึ้นไป หรือต้องจ่ายเพิ่มกว่า 2-7 หมื่นบาท
หากไม่ยึดติดยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง “มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี” จึงมีราคาที่โดนทีเดียว! เพราะไม่เพียงติดตั้งซีเอ็นจีภายใต้มาตรฐานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังพร้อมให้การรับประกันนาน 3 ปี

ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ ทางมิตซูบิชิยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมผัสด้วยตัวเอง โดยใช้เส้นทางทดลองขับกรุงเทพฯ-หนองหญ้าปล้อง-แก่งกระจาน-หัวหิน ระยะทางรวมกว่า 260 กิโลเมตร

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดปิกอัพไทรทันซีเอ็นจี 2 คัน คือ แบบซิงเกิลแค็บ หรือรุ่นตอนเดียว กับรุ่นมีแค็บ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ แต่จำนวนสื่อมวลชนทดสอบมี 10 คน จึงต้องแยกไปขับรถรุ่นอื่นๆ ของมิตซูบิชิแทน แล้วค่อยหมุนเวียนกันมาลองขับไทรทันซีเอ็นจี
ดังนั้นจากจุดสตาร์ทปั๊มปตท. ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ไม่ได้ลองปิกอัพไทรทันซีเอ็นจี แต่เป็นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี แต่ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะคืนก่อนเดินทางโดนพิษ “ปลาหมึกพอล” ทำนายแม่น จนทีมโปรดเยอรมนีเล่นไม่ออกโดนสเปนถล่มเละ ทำให้แค้นปลาหมึกพอลสุดๆ กว่าจะงีบได้ก็เกือบเช้า งานนี้เลยปล่อยให้เพื่อนจากเดลินิวส์รับหน้าที่ไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของการเดินทาง

กว่าจะได้สัมผัสมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เมื่อหลังจากพักรับประทานอาหารกลางวันที่แก่งกระจาน และมุ่งหน้าสู่อำเภอหัวหิน โดยไทรทัน ซีเอ็นจี ทั้งแบบซิงเกิลแค็บและเมกะแค็บ วางเครื่องยนต์เบนซิน 2.4MPI ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ที่สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบ ทั้งก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี และน้ำมันเบนซินแก็สโซฮอล์ อี20

สำหรับปิกอัพไทรทัน ซีเอ็นจี ที่ได้ลองขับเป็นรุ่นซิงเกิลแค็บ 2.4GL สีขาว ตัวถังก๊าซขนาด 120 ลิตรน้ำ (รุ่นเมกะแค็บ 100 ลิตรน้ำ)วางอยู่บนกระบะด้านท้าย ติดตั้งได้เนียนสวยงาม ด้วยการทำพื้นปูกระบะ หรือเบดไลเนอร์ ดีไซน์พิเศษแบบชิ้นเดียวคลุมทั้งพื้นกระบะ และตัวถังก๊าซมิดชิด สมกับเป็นการพัฒนาออกแบบมาจากโรงงาน เพิ่มความปลอดภัยจากแรงกระแทก ของสินค้าที่บรรทุกได้เป็นอย่างดี ไม่ได้เปิดให้เห็นตัวถังก๊าซ จนเกิดความรู้สึกหวาดเสียวได้ แถมยังสะดวกในการใช้งานและบำรุงรักษาอีกด้วย
ทันทีล้อหมุนเสียงตี๊ดด.... ดังขึ้นเป็นสัญญาณก๊าซซีเอ็นจีหมด เลยต้องปรับโหมดไปใช้น้ำมันแทน ซึ่งดูระยะทางที่เซ็ตมาจากจุดพักที่ 2 อยู่ที่ประมาณ 112 กิโลเมตร และยังมีระยะทางช่วงแรกจากจุดสตาร์ทอีก 76 กิโลเมตร แต่ไม่รู้ว่าก๊าซซีเอ็นจีหมดตรงจุดไหน ซึ่งทางทางทีมงานจะเป็นผู้ตรวจสอบ จากสื่อมวลชนที่ขับสองช่วงแรก จึงจะทราบชัดถึงอัตราสิ้นเปลือง เมื่อถึงจุดเติมก๊าซอีก 70 กิโลเมตรข้างหน้า

ระยะทางจากแก่งกระจานถึงหัวหินประมาณกว่า 90 กิโลเมตร ช่วงแรกขับตามขบวน เพื่อเป็นการปรับตัวให้เข้ากับรถเสียก่อน โดยเฉพาะชีวิตส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับรถเก๋ง พอเจอปิกอัพที่มีช่วงตัวยาวและกว้างกว่า แถมยังเป็นรุ่นตอนเดียวเสียอีก ทำให้การกะระยะหรือควบคุมยากกว่า แต่สักพักก็เริ่มคุ้นชิน จึงเริ่มลองเร่งแซงและเพิ่มความเร็ว
เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ด้านหลังไม่ได้บรรทุกอะไร นอกจากถังก๊าซแบบ Type II หรือถังเป็นไฟเบอร์เท่านั้น เครื่องยนต์เรียกกำลังมาได้ทันใจดี การเร่งแซงและปรับเปลี่ยนเลนคล่องตัว ระยะเบรกทำได้ดีทีเดียว ด้านหลังแม้ไม่ได้บรรทุกอะไรนอกจากถังก๊าซไฟเบอร์น้ำหนักเบา ไม่เกิดอาการท้ายร่อนให้ได้รู้สึก เช่นเดียวกับการเข้าโค้งที่ทำได้อย่างมั่นใจ จนบางครั้งเผลอสาดเข้าไปหนักๆ พอสมควร

เมื่อถึงปั๊มปตท.บริเวณเส้นบายพาสไปแยกปรานบุรี จัดการเติมก๊าซเข้าไปได้ประมาณ 19.5 กิโลกรัมน้ำ เมื่อตรวจสอบระยะทางกับทางทีมงาน สรุปมีอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 117 สตางค์ต่อกิโลเมตร หรือบาทเศษๆ แต่เมื่อดูกลุ่มแรกที่ทดสอบทริปก่อน กลับทำได้ประหยัดต่างกันเกือบเท่าตัว
งานนี้เลยต้องสอบถามลักษณะการขับของผู้ขับสองช่วงแรก ปรากฏว่าขับแบบฟรีไม่ตามขบวน อัดกันมาแบบเต็มที่ระดับ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางทีโล่งยาวๆ เค้นขึ้นไปถึงเกือบ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ผู้ขับกลุ่มแรกใช้ความเร็วแบบเกาะขบวน อยู่ที่ความเร็วประมาณ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หลังจากเติมก๊าซเอ็นจีวีเต็มถัง ในช่วงประมาณ 20 กิโลเมตรที่เหลือ ปรับสวิทซ์เลือกโหมดใช้เชื้อเพลิงก๊าซด้านข้างพวงมาลัยขวามือ ซึ่งมีไฟบอกระดับก๊าซที่เหลือเต็ม 4 เม็ดอยู่ติดกัน โดยช่วงนี้ขอขับแบบฟรีไม่เกาะขบวน การออกตัวและเร่งแซงในโหมดเชื้อเพลิงซีเอ็นจีจี๊ดจ๊าดทีเดียว ไม่ได้ให้ความรู้สึกแตกต่างกับน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน หรือปิกอัพมิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ที่ได้ลองขับในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
ทั้งนี้เมื่อลองเปลี่ยนมาเป็นโหมดน้ำมันขณะรถวิ่ง มีอาการกระตุกนิดเดียว ให้พอรู้สึกว่าเปลี่ยนโหมดเชื้อเพลิง หากเทียบกับรถติดตั้งก๊าซซีเอ็นจีทีหลัง หรือเก๋งซีเอ็นจียี่ห้ออื่นๆ ยังรู้สึกมากกว่า นั่นน่าจะมาจากการติดตั้งกล่องควบคุมการจ่ายไฟให้กับหัวฉีด ของระบบก๊าซและน้ำมัน ซึ่งทราบมาว่ามีมูลค่ากว่า 4,000 บาท มาให้แบบฟรีๆ จึงทำให้มีความเสถียรนั่นเอง

จากความรู้สึกของการลองขับช่วงสั้นๆ และสมรรถนะโดยรวมของรถ ไม่ว่าจะเป็นโหมดเชื้อเพลิงไหน “มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี” ไม่ได้แตกต่างกับปิกอัพตอนเดียวปกติแต่อย่างใด และยิ่งดูราคาที่เริ่มต้นเพียง 4.69 แสนบาท นับว่าโดนทีเดียว!

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ใหม่ Nissan Rogue ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 Compact SUV

ใหม่ Nissan Rogue ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 Compact SUV อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปลายปี 2007 แล้ว สำหรับ Nissan Rogue รถ Compact Crossover/SUV ที่ล่าสุดวันนี้ทาง Nissan ได้เผยภาพรุ่น Facelift หรือไมเนอร์เชนจ์ที่จะออกมากระตุ้นตลาดในเร็ววัน โดยมีกำหนดการเปิดตัวในวันนี้เช่นกันที่งาน Annual International Z Car Convention ครั้งที่ 23 ที่สหรัฐอเมริกา โดย Rogue รุ่นใหม่มีการปรับรูปลักษณ์และอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆ แต่ไม่มีการแตะต้องในเรื่องสมรรถนะหรือเครื่องยนต์แต่อย่างใด
จากมุมมองภายนอก จะพบว่า Nissan Rogue รุ่นนี้ใช้แผงกระจังหน้าสไตล์ใหม่ ในขณะที่กันชนหน้าดูหนาขึ้นมาก นอกจากนั้นยังใช้สปอยเลอร์หน้าและหลังที่ทำให้รถดูแตกต่างไปจากเดิม ด้านข้างติดคิ้วกันชนโครเมี่ยม ที่จับประตูหลังเหนือป้ายทะเบียนสีโครเมี่ยมด้วยเช่นกัน และมีล้ออัลลอยชุดใหม่ให้เลือก
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในเรื่องเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตร 170 แรงม้าแบบเดิมๆ ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ Xtronic CVT แต่ด้วยการที่มีการใช้ยางแรงต้านการหมุนต่ำแบบใหม่และแผ่นครอบใต้ท้องรถทำ ให้ Rogue รุ่นนี้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น 1 ไมล์/แกลลอนสำหรับการขับนอกเมือง(รุ่นระบบ FWD) และการขับในเมือง(รุ่นระบบ AWD) ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน EPA ของอเมริกาอยู่ที่ 22/28 ไมล์/แกลลอน สำหรับการขับในเมือง/นอกเมือง (สำหรับรุ่นขับเคลื่อนแบบ FWD) และ 22/26 ไมล์/แกลลอน สำหรับการขับในเมือง/นอกเมือง (สำหรับรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD)
Nissan Rogue รุ่นปี 2011 จะมี 2 รุ่นย่อยให้เลือกคือ รุ่น S และ SV โดยมีรุ่นพิเศษคือ S Krom ที่จะมาพร้อมกับกระจังหน้าและบั้นท้ายสไตล์ใหม่ ระบบไอเสียสไตล์สปอร์ท และล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ส่วนเรื่องราคาจะมีการเปิดเผยประมาณกลางเดือนสิงหาคมนี้ครับ
ที่มา: Nissan, www.autospinn.con

30 กรกฎาคม 2553

New Mazda เตรียมเปิดตัว CX-5 Compact SUV ปลายปีหน้า ใช้พื้นฐานรถแนวคิด Kazamai

New Mazda เตรียมเปิดตัว CX-5 Compact SUV ปลายปีหน้า ใช้พื้นฐานรถแนวคิด Kazamai แหล่งข่าวภายในที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Mazda ได้เผยเปิดเผยต่อ autocar.co.uk อย่างไม่เป็นทางการว่า บริษัทฯเตรียมเปิดตัว CX-5 รถ Compact SUV ในปลายปีหน้า โดยรถรุ่นนี้จะใช้พื้นฐานของ Mazda Kazamai รถแนวคิดทรงล้ำยุคที่เคยเปิดตัวไปแล้วในงาน Moscow Motor Show ในปี 2008 ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาตามภาพประกอบ และจะเป็นรถรุ่นแรกที่มีการขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ Sky เจนเนอเรชั่นใหม่ที่ประหยัดน้ำมันสุด

แหล่งข่าวยังเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า เวอร์ชั่นผลิตของ CX-5 รุ่นนี้จะมีน้ำหนักน้อยกว่ารถคู่แข่งในระดับกัน 100 กิโลกรัมเป็นอย่างน้อย โดยจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน Direct Injection เจนเนอเรชั่นล่าสุดพร้อมระบบส่งกำลังน้ำหนักเบาแบบใหม่ในการขับเคลื่อน นอกจากนั้นยังมีข่าวลืออีกว่า Mazda จะเดินตามรอย Land Rover Evoque ในการเปิดตัววเอร์ชั่น 3 และ 5 ประตูของ CX-5 รุ่นใหม่นี้อีกด้วย

เครื่องยนต์ Sky จะใช้บล็อคเครื่องยนต์ที่มีการเสียดสีต่ำโดยมาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และหัวฉีดแบบ Piezo-Electric และการที่มีระบบ i-Stop ระบบใช้พลังงานจากการเบรค รวมถึงตัวรถที่มีน้ำหนักเบา ทำให้เป้าหมายของ Mazda ในการลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงให้ได้มากถึง 30% มีความเป็นไปได้มากทีเดียว



New Mazda เตรียมเปิดตัว CX-5 Compact SUV ปลายปีหน้า ใช้พื้นฐานรถแนวคิด Kazamai
ที่มา: autocar.co.uk

สุดขีดสมรรถนะดีเซล ซูเปอร์คาร์ Ruf RD30S

สุดขีดสมรรถนะดีเซล ซูเปอร์คาร์ Ruf RD30S ถ้าพูดถึงรถซูเปอร์คาร์ ส่วนใหญ่คงคุ้นหูกันกับเฟอร์รารี่ ปอร์เช่ หรือไม่ก็ลัมบอร์กินี อันที่จริงโลกของซูเปอร์คาร์นั้นมันกว้างพอสมควร แม้จะเป็นตลาดที่มียอดขายปีละไม่มากมาย และมันมีหลายยี่ห้อที่บางท่านไม่รู้จัก อย่างที่ผมนำมาเขียนถึงคือ Ruf และซูเปอร์คาร์ยี่ห้อนี้ปัจจุบันนำเข้ามาขายโดย รอเยล มอเตอร์ จำกัด มีโชว์รูมตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่
Ruf เป็นซูเปอร์คาร์ที่นำเอาพื้นฐานโครงสร้างของ ปอร์เช่ มาพัฒนาต่อทั้งรูปทรงและสมรรถนะ เพราะฉะนั้นมันไม่แปลกหรอกหากรูปร่างหน้าตาของ Ruf จะคล้ายกันกับปอร์เช่ แต่ทั้งสองยี่ห้อนี้มีความแตกต่างกันชัดเจน และ Ruf ก็ไม่ใช่สำนักแต่งรถปอร์เช่อย่างที่หลายคนเข้าใจ

ก่อนหน้านี้ รอเยล มอเตอร์นำเข้ามาจำหน่าย เปิดตลาดกันแล้ว 2 รุ่น และเจ้านี่คือ RD30S รุ่นล่าสุดของ Ruf ที่นำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย รูปทรงนั้นคล้ายกันปอร์เช่ คาร์เยน แต่ถ้าได้ดูกันที่รายละเอียด เจ้านี่แตกต่างกับ คาร์เยน ชัดเจน โดยเฉพาะภายในนั้น Ruf เน้นความหรูหรา สะดวกสบายมากกว่า

เบาะนั่งแท้คุณภาพสูง พร้อมการตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ เพิ่มความดุดัน และมีราคา ยิ่งส่วนคอนโซลกลาง ที่มีปุ่มควบคุมมากมาย จนเผลอคิดไปว่า กำลังนั่งอยู่บนห้องควบคุมของ F16 ประมาณนั้น แน่นอนแผงควบคุมเหล่านี้ เป็นตัวตั้งค่าของระบบการขับขี่ และเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร

Ruf RD30S เน้นตกแต่งให้เป็นซูเปอร์คาร์แบบ SUV ที่ไม่ดุดันมาก เครื่องยนต์เป็นดีเซล เทอร์โบ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุดคือ 310 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดคือ 635 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำราวๆ 2,000 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สมรรถนะที่ว่านี้สูงกว่า คาร์เยน ต้นแบบของมันอยู่ทุกประตู

การที่มันมีแผงและปุ่มควบคุมวางอยู่กลางคอนโซลมากมาย ก็เพราะมันใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และช่วงล่าง อย่างเช่น ระบบไฮดรอลิกควบคุมด้วยไฟฟ้าทั้งสี่ล้อ สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบ 4 ล้อ หรือจะเลือกแบบ 2 ล้อหน้า หรือ 2 ล้อหลังก็ยังได้ การเพิ่มความสูงสำหรับลุย หรือโหลดมันลงมาเพื่อความสนุกในการขับขี่ ก็สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะต้องเจอกับสภาพถนนแบบไหน ระบบจะสั่งงานให้ทุกอย่างเกิดสมดุลที่สุด

จงอย่าได้สงสัยในเรื่องสมรรถนะสำหรับ 310 แรงม้า ของ RD30S คันนี้ อัตราเร่งของมันดึงหลังคุณให้ติดเบาะได้สบายๆ แต่ในอีกมิติมันเป็นซูเปอร์คาร์ SUV ที่ขับง่าย มันเหมาะกับการใช้งานแบบรถทั่วไปได้เลย ขับไปทำงานทุกวัน ขับไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ทุกที่ ทุกสภาพถนน ถ้าอยากประหยัดน้ำมันก็แค่ขับไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน แต่ถ้าอยากให้ม้าเยอะ ออกมาวิ่งโชว์ ก็แค่กดคันเร่งลงไป กำลังจะไม่ได้ดั่งใจเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเลือกโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสไตล์ของคุณแล้ว ทั้ง Comfort, Normal และ Sport รับประกันความสนุกแบบสุดขีด หรือประหยัดจนนึกว่าขับรถบ้านๆ อยู่

ซูเปอร์คาร์บางรุ่น บางยี่ห้อ อาจเอามาวิ่งกันแค่อาทิตย์ละหน หรือเดือนละไม่กี่ครั้ง แต่สำหรับ Ruf คุณเอามันมาวิ่งแทนเบนซ์ที่ใช้อยู่ได้เลย จะขับเองหรือมีคนขับให้ก็ไม่เกี่ยงครับ เพราะมันถูกออกแบบให้ได้ทั้งสมรรถนะ และความสะดวกสบายของห้องโดยสาร โดยเฉพาะเบาะนั่งด้านหลัง ระดับความกว้าง เหยียดแข้งเหยียดขากันได้สบายๆ

ผมอาจใช้เวลาไม่มากกับเจ้า Ruf RD30S แต่ถือว่าได้สัมผัสทั้งเรื่องสมรรถนะ และซึมซับความสะดวกสบายของห้องโดยสารได้ในระดับหนึ่ง สิ่งที่ผมการันตีได้คือ ความแรง และระบบความปลอดภัย รวมถึงการใช้งานที่สามารถขับไปทำงานได้ทุกๆ วัน ส่งคุณลูกไปโรงเรียนตอนเช้า ขับได้ดีไม่ว่าคุณจะเป็นสุภาพบุรุษ หรือสุภาพสตรีร่างบอบบาง เพราะ Ruf RD30S คือซูเปอร์คาร์อารมณ์ดี ในราคาเริ่มต้นที่ 7.7-9 ล้านบาท
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์

Audi A1 Supermini ในชุดแต่ง KLECKS, ALOHA และ HIGH VOLTAGE จาก ABT

Audi A1 Supermini ในชุดแต่ง KLECKS, ALOHA และ HIGH VOLTAGE จาก ABT ABT สำนักแต่งรถมือหนึ่งของ Volkswagen ได้ปล่อยชุดแต่งโฉมและสมรรถนะสำหรับรถซุปเปอร์มินิรุ่นใหม่ล่าสุด All-New A1 ที่มีให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ คือ KLECKS, ALOHA และ HIGH VOLTAGE ทั้ง 3 แบบมาพร้อมชุดแต่งตัวถังรอบคันที่มี ลิปสอยเลอร์หน้า สเกิร์ตข้าง บังโคลนหลังพร้อมดิฟฟิวเซอร์ สปอยเลอร์หลังคา ครอบกระจกข้าง รวมถึงล้ออัลลอยขอบ 17 และ 18 นิ้ว หุ้มด้วยยางประสิทธิภาพสูง แต่ละเวอร์ชั่นก็จะมีสติ๊กเกอร์ในแบบของตัวเอง โดยมีการทำสีเฉพาะสำหรับแอโรพาร์ทและขอบล้อ
ในด้านการแต่งสมรรถนะ ABT มีชุดแต่งให้เลือกสำหรับทุกรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน TFSI 1.2 เมื่อได้รับการปรับแต่งแล้วกำลังได้เพิ่มขึ้นจาก 86 ไปเป็น 115 แรงม้า ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน TFSI 1.4 ลิตร กำลังเพิ่มจาก 122 ไปเป็น 150 แรงม้า สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล TDI 1.6 ลิตร 90 แรงม้า เพิ่มไปเป็น 110 แรงม้า ในขณะที่เครื่องยนต์ TDI 1.6 ลิตร กำลังจาก 105 เพิ่มไปเป็น 125 แรงม้า
นอกจากนั้นยังมีระบบกันสะเทือนและระบบไอเสียสไตล์สปอร์ต และพรมรองพื้นติดโลโก้ ABT ครับ
ที่มา: ABT,www.autospinn.com

24 กรกฎาคม 2553

Volkswagen Caddy คอมแพคท์แวน ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 เพิ่มเครื่องยนต์ทางเลือกเต็มอัตรา


Volkswagen Caddy คอมแพคท์แวน ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 เพิ่มเครื่องยนต์ทางเลือกเต็มอัตรา Volkwagen Caddy รถแวนขนาดเล็กรุ่นไมเนอร์เชนจ์สำหรับปี 2011 ได้ถูกเผยโฉมออกมา พร้อมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลทางเลือก รวม 6 รุ่นเครื่องยนต์ โดย Caddy ตัวใหม่นี้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นถึง 21% ในเรื่องรูปโฉม ด้านหน้าและหลังดีไซน์ใหม่พร้อมการอัพเกรดภายในและเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ เข้ามา การปรับเปลี่ยนโฉมด้านหน้าที่ได้รับการออกแบบใหม่เกือบทั้งหมดถึงกับทำให้ เว็บรถยนต์มีชื่อแห่งหนึ่งเข้าใจว่าเป็น Caddy เจนเนอเรชั่นใหม่ไปเลย

ที่มา autospinn.com

Ford Explorer ใหม่ ปี 2011 รถ SUV สุดฮ็อต เผยภาพ Teaser สุดท้าย ก่อนเปิดตัวในวันจันทร์หน้า


Ford Explorer ใหม่ ปี 2011 รถ SUV สุดฮ็อต เผยภาพ Teaser สุดท้าย ก่อนเปิดตัวในวันจันทร์หน้า Ford ได้ทยอยปล่อยภาพ teaser ของ Explorer รถ SUV รุ่นใหม่ปี 2011 ออกมาทีภาพสองภาพที่สร้างความอึดอัดใจให้แก่ผู้ชมค่อนข้างมาก เพราะนอกจากจะปล่อยทีละภาพแล้ว หลายภาพแทบจะมองไม่เห็นรถรุ่นนี้เลย แต่ของดีก็ต้องทำอะไรให้ดูยากเข้าไว้ก่อน เรียกว่ายั่วน้ำลายกันจนปากแห้งไปข้างหนึ่ง อาจจะเพราะกระแสดีจากจำนวนแฟนใน Facebook ของ Explorer รุ่นนี้ ที่มีมากกว่า 3 หมื่นคนแล้ว เลยทำให้ Ford ยังสนุกกับการสร้างความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายในลักษณะนี้
Ford Explorer Camo Paint

ต่ละล่าสุด Ford ได้เผยภาพกระจังหน้าและวิดีโอการทำรถต้นแบบในชุดพรางตัวของรุ่นนี้ออกมา พร้อมกัน AutoSpinn เลยขอรวบยอดนำมาให้ชมทีเดียว และเราคงได้เห็น Ford Explorer รุ่นใหม่นี้ในวันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม หรืออีก 2 วันนับจากนี้ เพราะ Ford เขาจะเปิดตัว Explorer ในวันนั้นครับ
ที่มา autospinn.com

15 กรกฎาคม 2553

ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนก็หรูได้

ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนก็หรูได้ ซิ่งซูเปอร์คาร์อย่างปอร์เช่ โฉบไปโฉบมา ว่าดูหล่อ ดูสวยแล้ว ยิ่งถ้าเป็นเจ้า ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ เปิดประทุนตัวใหม่ล่าสุดคันนี้ คุณคงดูเท่มีสไตล์อีกมากโขเลยล่ะ ด้วยรูปทรง ลวดลายเส้นสาย เชื่อว่าโดนใจใครหลายๆ คนแน่นอน

ซูเปอร์คาร์ เปิดประทุนคันนี้ถูกเสือปืนไวอย่าง ทีเอสแอล ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ นำมาจำหน่ายก่อนใครๆ ซึ่งเป็นสไตล์การทำตลาดของเกรย์มาร์เกตรายนี้ นอกจากเน้นขายรถตลาดพวกรถอเนกประสงค์ หรือพวกขับเคลื่อน 4 ล้อแล้ว ซูเปอร์คาร์ก็เป็นงานถนัด และเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้ที่ชอบรถยนต์ประเภทนี้ นอกจากค่ายผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ
ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ คันนี้เป็นรถยนต์แบบเปิดประทุน พร้อมหลังคาผ้าใบ รูปทรงเน้นความลู่ลม มีแนวสันหลังคาที่ต่ำ เส้นสายต่อเนื่องกับกระจกหน้า ตกแต่งด้านข้างด้วยสติกเกอร์ที่บอกตัวตนของมันอย่างชัดเจน ภายในนั้นดูออกจะหรูหราด้วยเบาะหนังแบบสปอร์ต (Porsche Crest Embossed on Head Restraints) ต่างจากซูเปอร์คาร์บางรุ่นที่ต้องการให้มันดูดิบๆ พร้อมปักตัวอักษร 'Boxster Spyder' ให้มันชัดๆ ว่าที่ขับๆ อยู่มันเจ๋งขนาดไหน ติดอยู่บนเบาะนั่ง

ใช่ว่าเป็นซูเปอร์คาร์แล้วมันต้องเหมือนกับนั่งรถแข่งเสมอไป เพราะเจ้านี่ติดตั้งความบันเทิงลิขสิทธิ์ของปอร์เช่มาด้วย กลางคอนโซลติดตั้งจอคอมมานด์ พร้อมเครื่องเสียงแบบมัลติมีเดีย ทั้งภาพและเสียง รวมถึงระบบนำทาง GPS

มันคือซูเปอร์คาร์ที่คุ้มค่ารุ่นหนึ่ง เพราะเครื่องยนต์ไม่ใหญ่โตนัก และเป็นรุ่นเครื่องยนต์วางกลาง ขนาด 3400 ซีซี. กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และระบบส่งกำลังที่เรียกว่า PDK (Porsche-Doppelkupplung) เทคโนโลยีอันเลื่องชื่อของปอร์เช่

ทีเอสแอล บอกว่า มันเป็นซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูง แม้จะเป็นรถเปิดประทุนก็ตาม ความเร็วสูงสุดของมันทำได้ 267 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 5 วินาที แต่ถ้าเป็นโหมดที่เรียกว่า Sport Chrono Package หรือ Sport Chrono Package plus มันจะขยับเร็วขึ้นมาอีกนิดหน่อยเป็น 4.8 วินาที โหมดนี้ติดตั้งร่วมกับ Launch Control ฟังก์ชั่นหน่วยความจำส่วนบุคคลใน PCM (Porsche Communication Management) สามารถแสดงประสิทธิภาพการประเมิน รอบอัตราเครื่องต่อวินาที ด้วยเทคโนโลยีของสนามแข่ง ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 9.3 ลิตรต่อ100 กิโลเมตร หรือราวๆ 10.75 กิโลเมตรต่อลิตร นั่นเอง

นอกจากความเร็ว แรง ด้วยสมรรถนะตามสไตล์ของปอร์เช่แล้ว รุ่นที่นำเข้าโดย ทีเอสแอล ยังติดตั้งอุปกรณ์แบบพิเศษครบชุด Full Option ได้แก่ พวงมาลัยใหม่ล่าสุดของปอร์เช่ (Three-Spoke Sports Steering Wheel with Paddles) พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หรือที่เรียกว่า Paddle Ship สามารถเปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงเสี้ยววินาที อุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นมายังมีระบบไฟหน้าซีนอนสามารถปรับองศาซ้าย-ขวา ตามระดับพวงมาลัยได้ และระบบปรับการทำงานของท่อไอเสียให้มีเสียงเบาแบบธรรมดาหรือเสียงดังแบบสปอร์ต โดยการปรับเป็นแบบสปอร์ตทำให้ลมเข้ามาหมุนเวียนมากขึ้นแล้ว ส่งผลให้การไหลเวียนไอเสียคล่องตัว และมีการระบายที่ดีขึ้น อีกทั้งยังส่งผลถึงสมรรถนะให้ดีขึ้นอีกด้วย

สำหรับคนที่หลงใหลรถยนต์สไตล์เปิดประทุน ชอบในสมรรถนะของซูเปอร์คาร์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา และสะดวกสบายในการใช้งาน ทีเอสแอล ได้ส่งเจ้า บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ คันนี้มาประเคนให้แล้ว

รายละเอียดตัวรถ
มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) มิลลิเมตร 4,342/1,801/1,231
เครื่องยนต์เบนซิน ไดเรกต์อินเจ็กชั่น 6 สูบนอน วางกลาง
ความจุกระบอกสูบ 3436 ซีซี.
กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 7,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ที่ 4,750 รอบ/นาที
เกียร์ อัตโนมัติ 7 สปีด แบบคลัตช์คู่
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
ราคา 8,500,000 บาท
ผู้นำเข้า ทีเอสแอล ออโต้

ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์

New Nissan March Bolero รุ่นพิเศษเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ผลิตในไทยส่งขายแดนซากุระ เริ่มต้น 9.99 แสนเยน

New Nissan March Bolero รุ่นพิเศษเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ผลิตในไทยส่งขายแดนซากุระ เริ่มต้น 9.99 แสนเยน Nissan ยกระดับเป็นศูนย์กลางการผลิตรถในภูมิภาค โดยเตรียมส่ง Nissan March ไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่นด้วยนั้น ล่าสุด Nissan ได้เริ่มจำหน่าย March ในญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็น March ที่มีการผลิตในไทยและส่งออกไปยังญี่ปุ่นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม Nissan ประเทศญี่ปุ่นก็ยังไม่ทิ้งสายการผลิตเดิมที่โรงงานโอปปาม่า เพราะได้เปลี่ยนจากโรงงานผลิตรถมาเป็นโรงงานตรวจสอบคุณภาพของ March ที่ส่งมาจากประเทศไทย

ในประเทศญี่ปุ่น Nissan March เจนเนอเรชั่นที่ 4 นี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ในขณะที่รุ่นที่สูงขึ้นไปจะมีระบบ Start & Stop ที่จะช่วยประหยัดน้ำมันขึ้นไปอีก ที่น่าสนใจก็คือ ในญี่ปุ่นมีรุ่นพิเศษของ March ที่เรียกว่า Bolero ที่มีแผงกระจังหน้าคล้ายรถยนต์จากค่าย Bentley ในขณะที่กันชนหน้าก็มีการออกแบบใหม่เช่นกัน ซึ่ง Nissan March สำหรับตลาดญี่ปุ่นถูกตั้งราคาไว้ที่ 999,600 ถึง 1,6400,000 เยน โดย Nissan ตั้งเป้ายอดขายในญี่ปุ่นไว้ที่ 48,000 คัน/ปี ลองไปชมภาพว่า March ระดับคุณภาพของญี่ปุ่นกับเวอร์ชั่นไทยๆจะต่างกันมากน้อยแค่ไหน
New Nissan March Bolero รุ่นพิเศษเวอร์ชั่นญี่ปุ่น
New Nissan March Bolero รุ่นพิเศษเวอร์ชั่นญี่ปุ่น
New Nissan March Bolero รุ่นพิเศษเวอร์ชั่นญี่ปุ่น
ที่มา: Nissan ,autospinn

11 กรกฎาคม 2553

เปิดตัวAll-New Nissan Quest รถมินิแวน


เปิดตัวAll-New Nissan Quest รถมินิแวนคู่แข่ง Odyssey และ Sienna กับภาพชุดแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เคยปล่อยภาพออกมาเพียง 1 ภาพเมื่อเดือนเมษายน วันนี้ Nissan ได้ปล่อยภาพชุดอย่างเป็นทางการของ All-New Quest เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดออกมา แม้ว่าภาพอาจจะดูมืดและไม่เต็มตัวรถเท่าที่ควร ซึ่งทาง Nissan เตรียมเปิดตัว Quest รถมินิแวนรุ่นปี 2011 นี้ในเดือนพฤศจิกายนที่งาน LA Auto Show แต่สำหรับช่วงนี้ Nissan ก็ยังไม่ยอมเปิดรายละเอียดอื่นๆของรถบรรทุกคนประตูหลังแบบสไลด์รุ่นนี้ออกมายกเว้นชุดภาพที่เห็น

Nissan Quest ใหม่นี้น่าจะใช้เครื่องยนต์ V6 3.7 ลิตร โดยจะเริ่มมีจำหน่ายทั่วสหรัฐอเมริกาในต้นปีหน้า โดยมีคู่แข่งโดยตรงที่สำคัญเป็น Toyota Sienna และ Honda Odyssey ครับ

เปิดตัวAll-New Nissan Quest รถมินิแวน

เปิดตัวAll-New Nissan Quest รถมินิแวน

เปิดตัวAll-New Nissan Quest รถมินิแวน
ที่มา Nissan , www.autospinn.com

Volkswagen Scirocco แต่งด้วยบอดี้คิททำด้วยเทอร์โมพลาสติก PU-ABS จาก RDX Racedesign

Volkswagen Scirocco แต่งด้วยบอดี้คิททำด้วยเทอร์โมพลาสติก PU-ABS จาก RDX Racedesign RDX Racedesign สำนักแต่งรถจากเยอรมันนีได้เผยชุดแต่งโฉมชุดใหม่สำหรับคูเป้ชื่อดัง Volkswagen Scirocco โดยบอดี้คิทดังกล่าวประกอบด้วย บังโคลนหน้า สเกิร์ตข้างอย่างหนา ครอบไฟหน้า บังโคลนหลังที่มาพร้อม Diffuser และสปอยเลอร์หลังคาขนาดใหญ่ ทุกชิ้นส่วนทำจากวัสดุเทอร์โมพลาสติก PU-ABS นี่คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับรถแต่งคันนี้ครับ

RDX Racedesign Office of Racing in Germany announced a set of Author look new for the Coupe famous Volkswagen Scirocco by body kit includes a wing skirt side Thick Cover Headlamp wing back that came with Diffuser and Spoiler. roof's size. All parts made from plastic materials, thermoplastic PU-ABS This car is all about cars this Author



ที่มา autospinn.com

07 กรกฎาคม 2553

Suzuki Alto SZ-L รุ่นพิเศษ เพียง 500 คันสำหรับอังกฤษ เล็กได้อีกกับเครื่องยนต์ 1 ลิตร 60 แรงม้า

Suzuki Alto SZ-L รุ่นพิเศษ เพียง 500 คันสำหรับอังกฤษ เล็กได้อีกกับเครื่องยนต์ 1 ลิตร 60 แรงม้า ล่าสุด Suzuki เปิดตัว Alto SZ-L แฮทช์แบ็คขนาดเล็ก 5 ประตู รุ่นพิเศษ ที่ได้รับการแต่งหน้าทาปากพร้อมการอัพเกรดอุปกรณ์ในบางจุด ซึ่งจะผลิตออกมาจำหน่ายในตลาดนี้เพียง 500 คันเท่านั้นในราคาคันละ 8,170 ยูโร ถือว่าเป็นการกระตุ้นตลาดตามสูตรทางการตลาดในอีกระลอก
Suzuki Alto SZ-L มีให้เลือก 2 สีที่เป็นแบบ Non-Metallic คือ สีขาว Superior White และสีแดง Bright Red ซึ่ง Alto SZ-L รุ่นนี้ใช้พื้นฐานของรุ่น SZ3 โดยมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานเช่น ระบบปรับอากาศ ตัวกรองละอองเกสรดอกไม้ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ฯลฯ ในขณะที่โฉมภายนอกมีความใหม่ในส่วนของดุมล้อดีไซน์ใหม่ ครอบไฟตัดหมอกสีดำ เสา B สีดำ โดยมีโลโก้ SZ-L ที่ประตูหลัง
ภายในมีการใช้พรมรองพื้นใหม่ มีการใช้สีเงินกับบางส่วนของ หัวเกียร์ บานเกล็ดช่องแอร์ ที่เปิดประตูด้านใน ในขณะที่ใช้ฝาครอบสีเดียวกับตัวถังสำหรับปุ่มควบคุมฮีตเตอร์ เกียร์ และที่จับประตู
Suzuki Alto SZ-L ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร ให้กำลัง 60 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 64.2 ไมล์/แกลลอน และอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศที่ 103 กรัม/กิโลเมตร ถือว่าเป็นอีโคคาร์อีกรุ่นที่น่าสนใจ แต่เครื่องยนต์อาจจะเล็กเกินไปสำหรับคนไทยที่มักจะคาดหวังในการใช้รถขนาดจิ๋วแบบนี้เดินทางไปต่างจังหวัดในบางครั้ง เรียกว่าซื้อมาทั้งทีต้องคุ้มค่าในทุกกรณีที่เป็นไปได้..

ที่มา: Suzuki ,www.autospinn.com

AATเพิ่มไลน์มาสด้า3-เฟียสต้า

AATเพิ่มไลน์มาสด้า3-เฟียสต้า "ฟอร์ด เฟียสต้า" เริ่มออกจากสายการผลิตเป็นครั้งแรก รับแผนเปิดตัวทำตลาดอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ เปิดราคาสะท้านทั้งอีโคคาร์ และเก๋งซับคอมแพ็กต์ เริ่มต้น 5.29 แสนบาท สูงสุด 6.99 แสนบาท มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ 1.4 และ 1.6 ลิตร ทั้งแบบซีดาน และแฮทช์แบ็ก ขณะที่ฐานการผลิตโรงงานเอเอทีแห่งใหม่ เตรียมลงทุนเพิ่มไลน์ผลิต "มาสด้า3" ที่ย้ายมาจากฟิลิปปินส์อีกรุ่นปลายปีนี้

นายราช แนร์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากฟอร์ดเพิ่งประกาศลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ในไทยมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อประกอบรถยนต์นั่งฟอร์ด โฟกัส ใหม่ในปี 2555 และวันนี้(6 ก.ค.) ฟอร์ดได้เริ่มต้นสายการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ฟอร์ด เฟียสต้ ที่โรงงานแห่งใหม่ในไทยของบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอเอที(AAT) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของฟอร์ด-มาสด้าใช้เงินลงทุนกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ออกมาจากสายผลิตเป็นครั้งแรก
"เฟียสต้าที่ผลิตในไทยเป็น 1 ใน 5 แห่งศูนย์การผลิตหลักทั่วโลก ซึ่งจะถูกผลิตในโรงงานรถยนต์นั่งที่มีเทคโนโลยีทันสมัยแห่งใหม่ของเอเอที เพื่อทำตลาดทั้งในประเทศไทย และส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอาฟริกาใต้"

นายปีเตอร์ ฟลีต ประธานฟอร์ด อาเซียน เปิดเผยว่า ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ที่ออกจากสายการผลิตเป็นครั้งแรก จะเริ่มทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการผลักดันให้ฟอร์ดประเทศไทยเติบโตในอนาคต

"ที่ผ่านมาส่วนแบ่งทางการตลาดของฟอร์ดในไทย มีอยู่ประมาณ 2% เช่นเดียวกับภูมิภาคอาเซียนที่ยังน้อยอยู่ นั่นมาจากการไม่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกตลาดหลัก แต่การเปิดตัวฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 5.29 แสนบาท และสูงสุด 6.99 แสนบาท จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของฟอร์ดในไทยและภูมิภาคนี้ หลังจากที่เราเพิ่งประกาศลงทุนผลิต ฟอร์ด โฟกัส โฉมใหม่ในไทย ทำให้ฟอร์ดมั่นใจว่าต่อไปนี้ จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้แน่นอน"

ส่วนการที่ผลิตเฟียสต้า ออกมา 2 เครื่องยนต์ เป็นเพราะฟอร์ดต้องการแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด และนอกจากนี้ฟอร์ดยังมีเครื่องยนต์ดีเซลด้วย ซึ่งหากผู้บริโภคให้การยอมรับก็พร้อมที่จะตอบสนองเช่นกัน และการตั้งราคาเริ่มต้น 5.29 แสนบาท ของฟอร์ด เฟียสต้า เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร เกียร์ธรรมดานั้น ไม่ได้มุ่งที่จะไปแข่งขันกับอีโคคาร์แต่อย่างใด

ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ที่จะเปิดตัวทำตลาดมีจุดเด่นสำคัญ อย่างในรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ดูราเทค และระบบแปรผันแคมชาร์ฟแบบอิสระคู่ (Ti-VCT) ให้กำลัง 121 แรงม้า ติดตั้งระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟ 6 จังหวะ และอุปกรณ์ครบครัน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบสั่งการด้วยเสียง(Voice Control) ที่มีการติดตั้งครั้งแรกในรถระดับนี้

สำหรับรายละเอียดรุ่นและราคา แยกเป็นรุ่นเฟียสต้า สไตล์ เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร 95 แรงม้า แบบ 4 ประตู เกียร์ธรรมดา ราคา 5.29 แสนบาท รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคา 5.64 แสนบาท รุ่น 5 ประตู เกียร์อัตโนมัติ ราคา 5.74 แสนบาท, เฟียสต้า เทรนด์ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 121 แรงม้า แบบ 4 ประตู ราคา 6.44 แสนบาท ส่วนรุ่น 5 ประตู ราคา 6.55 แสนบาท และสุดท้ายเฟียสต้า สปอร์ต เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ราคา 6.99 แสนบาท ทั้งแบบ 4 และ 5 ประตู

นายโตชิโนริ คุซึฮาชิ ประธานบริหาร บริษัท ออโตอัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานเอเอทีแห่งใหม่ดำเนินการผลิตรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า และมาสด้า2 มีกำลังการผลิตประมาณ 1 แสนคันต่อปี และล่าสุดกำลังจะเพิ่มไลน์การผลิตรถยนต์นั่งมาสด้า3 เข้ามาอีกรุ่น

"การผลิตมาสด้า3 ที่โรงงานในไทย ไม่ได้เป็นการตั้งโรงงานใหม่ของเอเอที แต่จะเป็นการเพิ่มไลน์ผลิตใหม่เข้ามาในโรงงานปัจจุบัน จึงไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก หลักๆจะมีก็เพียงในส่วนของการประกอบตัวถังเท่านั้น ส่วนมูลค่าการลงทุนไม่ทราบรายละเอียด เพราะทางมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ดูแลโครงการนี้" นายคุซึฮาชิกล่าว

สำหรับมาสด้า3 ปัจจุบันผลิตในประเทศฟิลิปปินส์ โรงงานเดียวกับที่ผลิตรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส แต่ล่าสุดฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ตัดสินใจมาตั้งโรงงานแห่งใหม่ในไทย มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนของฟอร์ด 100% เพื่อผลิตโฟกัสโฉมใหม่สู่ตลาดในปี 2555 ทำให้มาสด้าต้องตัดสินใจย้ายไลน์การผลิต มาสด้า3 มาประกอบในไทยที่โรงานเอเอทีแห่งใหม่เช่นกัน โดยแผนการปรับย้ายไลน์ผลิตคาดว่าจะเริ่มปลายปีนี้ เพื่อดำเนินการผลิตมาสด้า3 โฉมใหม่สู่ตลาดในปี 2554

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

04 กรกฎาคม 2553

งานเปิดตัว Range Rover Evoque ปี 2012 รถ SUV ไซส์เล็ก เวอร์ชั่นผลิตของรถแนวคิด LRX

งานเปิดตัว Range Rover Evoque ปี 2012 รถ SUV ไซส์เล็ก เวอร์ชั่นผลิตของรถแนวคิด LRX เมื่อเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา AutoSpinn ได้เคยนำเสนอรถแนวคิด SUV ไซส์เล็กหรืออาจจะเรียกว่า crossover ของ Range Rover ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า LRX แต่ล่าสุด ได้มีการเปิดตัวเวอร์ชั่นผลิตของ LRX ภายใต้ชื่อใหม่ว่า Evoque ซึ่งจะกลายเป็น SUV ขนาดเล็ก 3 ประตู รุ่นปี 2012 โดยงานนี้ Land Rover บริษัทผู้ผลิตได้ทำการเปิดตัวที่งานซึ่งจัดร่วมกับนิตยสาร Vogue ในกรุงลอนดอน โดยเราได้นำบรรยากาศในงานมาให้ชมพร้อมกันนี้ Range Rover Evoque 2012 Presentation

Range Rover Evoque เตรียมปรากฏตัวในงาน Paris Motor Show ปลายเดือนกันยายนนี้ และจะเริ่มออกสู่ตลาดช่วงฤดูร้อนของปีหน้า ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆของรถรุ่นนี้ยังไม่มีการเปิดเผยจาก Land Rover นอกจากบอกแค่ว่า Evoque คือ รถรุ่นที่เล็กที่สุด เบาที่สุด และประหยัดน้ำมันมากที่สุดของตระกูล Range Rover โดยจะมีระบบขับเคลื่อนแบบ 2WD และ 4WD ให้เลือกที่น่าสนใจอีกอย่างสำหรับงานเผยโฉม Evogue ก็คือ Land Rover ได้แต่งตั้ง Creative Design Executive คนใหม่ ที่ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ Victoria Beckham อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง Spice Girls และภรรยาของ David Beckham ที่จะมีโอกาสออกแบบ Evoque รุ่นพิเศษด้วย บรรยากาศในงานชมได้จากภาพและคลิปวิดีโอนี้ครับ
ที่มา: Land Rover,www.autospinn.com

BMW M3 Frozen Gray : พิเศษฉลอง 25 ปี

BMW M3 Frozen Gray : พิเศษฉลอง 25 ปี เวลาผ่านไปราวกับติดปีก เผลอบแป๊บเดียวสายพันธุ์ M3 ของบีเอ็มดับเบิลยูมีอายุอานามในการทำตลาดครบ 25 ปีแล้วนับจากเริ่มเปิดตัวด้วยรุ่น M3 E30 เมื่อปี 1986 ซึ่งในช่วงของวาระแห่งความพิเศษ ทางบีเอ็มดับเบิลยูก็เลยฉลองความสำเร็จด้วยการเปิดตัวเวอร์ชันพิเศษกับโทนสีใหม่ที่เรียกว่า Frozen Gray สำหรับเอาใจคนรักบิมเมอร์ในสหรัฐอเมริกาตรงนี้บอกได้คำเดียวว่าเป็นรุ่นพิเศษที่เน้นสีใหม่ พร้อมกับตกแต่งภายในใหม่เพื่อให้สอดรับ โดยตัวถังด้านนอก เด่นกับสีเทาเข้มแบบด้านในโทนสีที่เรียกว่า Frozen Gray ส่วนข้างในตกแต่งในแบบทูโทน แดง Fox red และสีดำ เพื่อให้ตัวรถมีความพิเศษและไม่เหมือนใครนอกจากนั้นยังมีการติดตั้งชุดแต่งที่เรียกว่า Competition package มาด้วย โดยมีทั้งการลดความสูงของตัวถังลงจากเดิมอีก 10 มิลลิเมตร ล้อแม็กขนาด 19 นิ้วออฟเซ็ตใหม่ที่ทำให้ช่วยเพิ่มความกว้างของฐานล้อหน้า-หลัง ส่วนการปรับเซ็ตโปรแกรมการทำงานของระบบช่วงล่างอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC- Electronic Damping Control มีการปรับใหม่ให้สอดรับกับการทำงานเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงยังเป็นแบบเดิม บล็อกวี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 4,000 ซีซี 414 แรงม้า ที่ 8,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ธรรมดาคลัตช์ไฟฟ้า M Double Clutch Transmission (M DCT) แบบ 6 จังหวะใช้เวลา 4.5 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งดีกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะอยู่ 0.2 วินาทีที่พิเศษสุดคือ คนที่ซื้อไปแล้วมีสิทธิ์เข้าคอร์สอบรมการขับของบีเอ็มดับเบิลยูที่เรียกว่า BMW Performance Driving School จำนวน 1 วันที่สนามในโรงงานผลิตที่เมืองสปาร์ตานเบิร์ก เซาท์แคโรไลน่าอีกด้วย เรียกว่าได้ม้าฝีเท้าดีไปแล้ว ก็ต้องรู้จักควบคุมให้ได้อย่างปลอดภัยด้วย ไม่ใช่ตะบี้ตะบันขยี้คันเร่งกันอย่างเดียวค่าตัวของความพิเศษครั้งนี้ ทางบีเอ็มดับเบิลยูตั้งเอาไว้ที่ 77,600 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 2.64 ล้านบาท แพงขึ้นจากรุ่นปกติ 19,200 เหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 650,000 บาท
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

01 กรกฎาคม 2553

Mazda Takuya เวอร์ชั่นพิเศษของ 2, 3 และ 6 เอาใจลูกค้าเมืองผู้ดี ปรับแต่โฉม อัพเกรดอุปกรณ์

Mazda Takuya เวอร์ชั่นพิเศษของ 2, 3 และ 6 เอาใจลูกค้าเมืองผู้ดี ปรับแต่โฉม อัพเกรดอุปกรณ์ เพิ่งจะออกรุ่น Miyako ของ MX-5 สำหรับตลาดอังกฤษไปเมื่อวันก่อน ล่าสุด Mazda ยังหลงมนต์ตลาดเมืองผู้ดี ปล่อยเวอร์ชั่น Takuya ที่อ่านว่า ทา-กอย-ย่า สำหรับ Mazda2, Mazda3 และ Mazda6 เรียกว่าทำออกมาพิเศษสำหรับรถรุ่นยอดนิยมในเครือกันเลยทีเดียว แต่จำกัดเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในเรื่องโฉมและการอัพเกรดอุปกรณ์บางตัวเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสมรรถนะแต่อย่างใด

เริ่มจาก Mazda2 ที่เวอร์ชั่น Takuya มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร 86 แรงม้า วิ่งบนล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว ชุดแต่งแอโรที่ประกอบด้วยสปอยเลอร์ กันชน และสเกิร์ตข้างสไตล์สปอร์ท มีไฟตัดหมอก โดยภายในใช้สีดำแนวสปอร์ท ติดตั้ง Trip Computer พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย และชุด Bluetooth จาก Parrot โดยมีราคาขายที่คันละ 11,915 ปอนด์

ในขณะที่ Mazda3 มีราคาขายที่ 15,780 ปอนด์ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 105 แรงม้า หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone ภายในตกแต่งด้วยสีดำแนวสปอร์ท ระบบ Bluetooth ไฟ LED เครื่องเล่น CD 6 แผ่น และที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

ส่วน Mazda6 มีให้เลือก 3 รุ่นคือ รุ่น 5 ประตู เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรในราคา 19,845 ปอนด์ รุ่น 5 ประตู เครื่องยนต์ 2.2D 163 แรงม้า ที่ 20,945 ปอนด์ และรุ่น Estate เครื่องยนต์ 2.2D 163 แรงม้าที่ราคา 21,595 ปอนด์ โดยทั้ง 3 รุ่นใช้ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว กระจังหน้าสไตล์สปอร์ท ไฟหน้าอัตโนมัติ ส่วนภายในได้รับการอัพเกรดด้วยคันเร่งอัลลอย เบาะที่นั่งพร้อมระบบทำความอุ่นกึ่งหุ้มหนัง กระจกมองหลังพร้อมไฟหรี่อัตโนมัติ ระบบปรับอากาศ Dual Zone ปิดท้ายด้วยพวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง

ที่มา: Mazda , www.autospinn.com