31 มกราคม 2553

หล่อไม่มีที่สิ้นสุด Lamborghini Murcielago LP650-4 แต่งใหม่ใช้สีดำด้าน


หล่อไม่มีที่สิ้นสุด Lamborghini Murcielago LP650-4 แต่งใหม่ใช้สีดำด้าน
ซุปเปอร์คาร์ตัวพ่ออย่าง Lamborghini Murcielago LP650-4 ถือว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบรุ่นหนึ่งของโลกและมีเพียง 50 คันสำหรับการจับจองไว้เป็นเจ้าของโดยเศรษฐีที่ไม่รวยแบบธรรมดา ในเรื่องของรูปลักษณ์รับรองว่าหายห่วงเรียกว่าถ้าอยากจะแต่งก็ต้องคิดให้หนักว่าแต่งออกมาแล้วจะดูดีขึ้นหรือแย่ลง ยิ่งราคาที่สูงลิ่วก็ยิ่งทำให้เจ้าของต้องระมัดระวังในการแต่งมากกว่าการแต่งรถทั่วไปมาก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของบางคนที่อาศัยอยู่ที่ Beverly Hills สหรัฐอเมริกาอาจจะไม่พอใจกับลุคของมัน จึงเป็นที่มาของ Murcielago แต่งคันนี้

Murcielago LP650-4 ทั้ง 50 คันที่ผลิตออกมาจะใช้สีหลักเป็นสีเทาแต่งลายด้วยสีเหลืองส้ม แต่เจ้าของกระทิงดุคนที่ 2 นี้ ได้ปรับเปลี่ยนไปใช้สีดำด้านทั้งภายนอกภายในทำให้ดูลึกลับแต่รวย นอกจากการใช้สีดำด้านตามกระแสนิยมในปัจจุบันแล้ว ยังมีการใช้ล้ออัลลอยหลอมขอบ 19 นิ้ว จาก GFG ที่ใช้สีดำแต่งลายด้วยสีส้มสดดูดีแต่รวยอีกเช่นกัน ส่วนยางเป็นของ Pirelli P-Zero ขนาด 245/30/19 สำหรับล้อหน้า และ 355/25/19 สำหรับล้อหลัง

นอกจากนั้นแล้วยังมีการใช้ระบบเครื่องเสียงที่ทำออกมาเป็นพิเศษเฉพาะรถคันนี้พร้อมลำโพง 3 ทิศทาง Focal Utopia KIT ที่ขับพลังออกมาถึง 1,600 วัตต์โดยแอมปลิฟายเออร์ Alpine PDX จำนวน 2 ตัว มีการติดตั้งระบบตรวจจับเรดาห์ Escort SRX พร้อมชุดควบคุมที่ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง

สำหรับขุมพลังนั้นไม่มีที่ติ เจ้าของก็เลยไม่แต่งด้วยการคงไว้ซึ่งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร 650 แรงม้า สภาพเดิมๆครับ


ที่มา: Autogespot/www.autospinn.com

Honda เตรียมเรียกรถคืน Jazz/City รุ่นปี 2008 เข้าข่าย ผู้ใช้รอรับจดหมายฯกลางกุมภาพันธ์นี้

Honda เตรียมเรียกรถคืน Jazz/City รุ่นปี 2008 เข้าข่าย ผู้ใช้รอรับจดหมายฯกลางกุมภาพันธ์นี้

หลังจากที่มีข่าวการเรียกรถคืนกว่า 2.3 ล้านคันของ Toyota ในสหรัฐอเมริกาที่ลามไปถึงฝั่งยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังดูเหมือนไกลตัวเพราะ Toyota ประเทศไทยไม่ได้ออกมายืนยันหรือยอมรับว่ารถที่จำหน่ายในเมืองไทยมีปัญหาด้วยหรือไม่ อย่างไร ในทางทฤษฎีแล้วจึงถือว่ายังไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะว่าใช้สายการผลิตต่างที่กัน ผลกระทบจึงเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตามล่าสุด Honda ออกมาประกาศเรียกรถคืนทั่วโลกทั้งหมด 646,000 คัน เป็นรถรุ่น Fit Hatchback ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า Jazz และ City ในตลาดต่างๆรวมถึงในบ้านเรา
ในจำนวนรถที่มีปัญหานี้ มี 140,000 คันที่ต้องเรียกคืนในสหรัฐอเมริกา ที่เหลือเป็นจำนวนที่ต้องเรียกคืนในอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกาใต้ และเอเชีย รวมถึงบ้านเราที่ Honda ประเทศไทยได้ออกมายืนยันแล้วว่า จะมีจดหมายเรียกรถคืนประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากต้องรออะไหล่เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงทดแทน โดยรุ่นที่มีปัญหาคือ Jazz รุ่นปี 2008 และอาจจะมีพ่วงด้วย City อีก รวมไม่ต่ำกว่า 2,000 คัน (จำนวนและรุ่นที่แน่นอนกรุณายืนยันกับทาง Honda ประเทศไทย) สาเหตุที่ต้องทำการเรียกคืนเนื่องจากกลไกของกระจกไฟฟ้าฝั่งคนขับมีปัญหาที่ทำให้น้ำฝนสามารถไหลเข้ามาได้ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนอาจจะทำให้รถเกิดเพลิงไหม้ได้ ซึ่งในแอฟริกาใต้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหนึ่งราย

จริงๆแล้วการเรียกรถคืนมีอยู่เรื่อยๆโดยเฉพาะในต่างประเทศ ส่วนจะเป็นข่าวดังมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหา ซึ่งในช่วงนี้ใครใช้รถรุ่นดังกล่าวก็ควรระมัดระวังในการขับขี่โดยเฉพาะการขับในช่วงที่มีฝนตก ยังไงก็ไม่ควรประมาทนะครับ ภาพประกอบคือ Honda Fit ปี 2008 ที่กำลังมีปัญหาอยู่ครับ

ที่มา: Reuters/www.autospinn.com

30 มกราคม 2553

Suzuki อวดโฉม Swift Plug-In Hybrid รถไฮบริดเล็ก 5 ที่นั่ง ในงานมอเตอร์โชว์ที่โตเกียว


Suzuki Swift Plug-In Hybrid รถไฮบริดเล็ก 5 ที่นั่ง
Suzuki ค่ายรถยนต์น้องเล็กขอใช้โอกาสเปิดตัวรถแนวคิด Suzuki Swift Plug-In Hybrid ในงาน Tokyo Motor Show ที่ญี่ปุ่น ซึ่ง Swift ระบบไฮบริดนี้มีระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 55 กิโลวัตต์ ชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนขนาด 2.66 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ขนาด 658 ซีซี 40 กิโลวัตต์ โดย Swift Plug-In Hybrid จะสามารถเคลื่อนที่ไปได้ 20 กิโลเมตรโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และเป็นความตั้งใจของ Suzuki ที่ต้องการออกแบบรถรุ่นนี้ให้ใช้ในระยะทางสั้นๆหรือในตัวเมือง และถ้าแบตเตอรี่เริ่มอ่อนแรง เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีอยู่ก็จะทำการชาร์จไฟให้กับชุดแบตเตอรี่ดังกล่าว เช่นเดียวกับรถ Plug-In Hybrid อื่นๆที่รถสามารถทำการชาร์จไฟจากไฟบ้านทั่วไปได้

Suzuki Swift Plug-In Hybrid รถไฮบริดเล็ก 5 ที่นั่ง
ด้วยมิติความยาว กว้างและสูง 3,744, 1,690 และ 1,510 มิลลิเมตร ตามลำดับ Swift สามารถจุผู้โดยสารได้ 5 คนครับ

Suzuki Swift Plug-In Hybrid รถไฮบริดเล็ก 5 ที่นั่ง

Suzuki Swift Plug-In Hybrid รถไฮบริดเล็ก 5 ที่นั่ง

Suzuki Swift Plug-In Hybrid รถไฮบริดเล็ก 5 ที่นั่ง
ที่มา: Suzuki/www.autospinn.com

Tagged as: 2009 tokyo motor show, suzuki, suzuki plug-in hybrid, Suzuki Swift, Suzuki Swift Plug-In Hybrid, Swift Plug-In Hybrid, tokyo motor show, ซูซุกิ, มอเตอร์โชว์ที่โตเกียว, มอเตอร์โชว์โตเกียว, รถยนต์ซูซุกิ, รถระบบไฮบริด, รถไฮบริด, รถไฮบริด suzuki

ภาพตั้งใจหลุด Fiat 500C


ภาพตั้งใจหลุด Fiat 500C
คอนเซ็ปต์ของเจ้า Fiat 500C คืออิสระและอารมณ์ ซึ่งคว้าดวงวิญญาณของรถเปิดหลังคายุคกิ่งพุทธกาลมาใส่เปลี่ยน ขุมพลังใหม่



รถหน้าตาแบบนี้คนจังหวัดนนทบุรีเขาคุ้นกันดีครับ และถือเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพราะมันถูกใช้เป็นแท็กซี่เมืองนนท์มาหลายยุคหลายสมัย ทุกวันนี้ยังพอเห็นออกมาวิ่งอยู่บ้าง แต่เข้าใจว่าจำกัดพื้นที่ใช้งานเฉพาะนนทบุรีเท่านั้นเพราะตัวมันเล็กมาก อาจเกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่และโดยสารได้



Fiat 500 จากผู้ผลิตรถยนต์อิตาเลียนเริ่มเดินสายการผลิตครั้งแรกปี 2500 จนถึงปี 2518 ออกแบบโดยดังเต จิอาโคซา



รุ่นแรกคือ Nuova500 เน้นเป็นรถที่ใช้งานในเมือง และราคาประหยัด วัดจากหัวจดท้ายความยาวเพียง 3 เมตรเท่านั้นเอง เครื่องเดิมเป็นรุ่น 2 สูบ 479 ซีซี ระบาบความเย็นด้วยอากาศ เรียกว่าเป็น "ซิตี้คาร์" คันแรกของโลก



รถกระเปี๊ยก Fiat 500 ถูกผลิตออกมาเพื่อสนองความต้องการรถราคาประหยัดของตลาดช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มันถูกออกแบบให้วางเครื่องไว้ตอนหลังแบบเดียวกับโฟลค์เต่า และ Fait 600 คันใหญ่กว่าที่ผลิตเมื่อ 2498



ถึงมันจะมีขนาดกระจิ๊ดริด แต่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเป็นรถสองที่นั่งยอดนิยมและใช้งานได้จริง ผมว่าแนวคิดของ Fiat 500 ยังเหมาะสำหรับโลกยุคปัจจุบันที่ต้องการพาหนะราคาประหยัด กินน้ำมันน้อย หาที่จอดรถง่าย และเดินทางกันแค่สองคนไม่เห็นต้องนั่งรถคันโตโชว์รวยเลย ยิ่งถนนกรุงเทพ-นนทบุรีติดยาวเป็นหลายกิโลเมตรคงไม่ต้องนึกถึงแรงม้ามหาศาลอะไรกันหรอกนะ



นอกจาก Fiat Nuova500 ยังมีรุ่นไมเนอร์เชนจ์ตามออกมาอีกหลายรุ่น รวมถึงรุ่นสเตชั่นวากอน และรุ่นสปอร์ต ก่อนยุติการผลิตในปี 2518 ก่อนหน้านั้นสองปีเพิ่งออกรุ่น Fiat 126 มาแต่ไม่ได้รับความนิยมเทียบกับบรรพบุรุษของมัน แต่สำหรับประเทศกลุ่มยุโรปตะวันออก Fiat 126 ขึ้นชื่อลือชาว่าทนโครต และประหยัดเชื้อเพลิงเป็นยอด


ผ่านมา 50 ปีพอดีพอดิบ ไม่รู้ใครมีความคิดซุกซุนเสนอปลุกตำนาน Fiat 500 หยิบเอาแบบร่างเดิมมาปรับแต่งเส้นสายลวดลายตามสไตล์ "เรโทร" เดินตาม New Beatle ค่าย Volkswagen และ MINI ค่าย BMW ต้อยๆ แต่ราคาถูกกว่า New Fiat 500 พอมาเมืองไทยแล้วผมไม่เห็นว่ารถราคา 1.6 - 1.8 ล้านบาทมันถูกตรงไหนเลย แต่ชอบมันสวยและแต่งขึ้น



หลังจากวางตลาดมา 2 ปี Fiat500 C ก็ตามมา เป็นรถเปิดประทุนซึ่งคงไม่เหมาะกับเมืองไทยหรอก แต่จะไปเปิดตัวครั้งแรกในงาน Geneva Motorshow แล้วค่อยเริ่มทำตลาดวางจำหน่ายในยุโรปช่วงหน้าร้อน



คอนเซ็ปต์ของเจ้า Fiat 500C คือ "อิสระและอารมณ์" ซึ่งคว้าเอาดวงวิญญาณของรถเปิดหลังคายุคกึ่งพุทธกาลมาใส่เปลี่ยนขุมพลังใหม่ให้สดใส ตกแต่งภายในให้ตะลึง และได้อารมณ์ย้อนยุคถึงแก่นแท้

เรือนร่างของ Fiat 500C มีขนาดเท่ากับรุ่นพื้นฐาน กล่าวคือ จากหน้าจดท้ายยาว 3.55 เมตร กว้าง 1.65 เมตร และสูง 1.49 เมตร มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 รุ่น เริ่มจากรุ่น Multijet Turbodiesel ขนาด 1.3 ลิตร 75 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด, รุ่นความจุกระบอกสูบ 1.2 ลิตร 69 แรงม้า และ 1.4 ลิตร 100 แรงม้าเครื่องยนต์เบนซิน มีให้เลือกทั้งระบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติแบบ Dualogic ต่างรุ่นต่างสไตล์แต่ได้อารมณ์รักเก่าที่บางปะกง แรงม้าก็ไม่ใช่น้อย ถึงหน้าตาออกแนวย้อนยุคแต่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปไกล



นอกจากหน้าตาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผู้คนแล้ว Fiat 500C ยังทนทานใช้งานดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยพันธสัญญาใจที่ Fiat Automobiles ให้ไว้กับนักอนุรักษ์นิยมว่าจะปลอดก๊าซเรือนกระจกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้


ระบบ "Start&Stop" เป็นนวัตกรรมถูกนำเข้ามาใช้เป็นอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ให้ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น หมายความว่า ทุกครั้งที่หยุดรถและสับมาที่เกียร์ว่างแล้วปล่อยคลัตช์ เครื่องยนต์จะดับ และสตาร์ทเองอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ใหม่ รถตุ๊กๆ ในกทม.คงตาลุกวาว



รถเปิดปะทุนจากแดนมะกะโรนีคันนี้พัฒนาที่ Fiat Styling Center และผลิตที่โรงงาน Tichy ในโปแลนด์ โดยเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่เข้าไปจากสายการผลิตเดิมที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว มันถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างที่เป็นจุดแข็งของรุ่นพื้นฐาน ถึงจะตัวเล็กแต่แกร่งขึ้นชื่อ พื้นที่ภายในรถรองรับผู้ใหญ่ 4 คนได้สบาย และยังมีพื้นที่สำหรับสัมภาระให้พอตัว ด้านบนเปิดรับแสงแดดอบอุ่นจากทะเลเมดิเตอเรเนียน หรือถ้าเป็นหัวหิน หรือพัทยา ภูเก็ตก็พอไหวนะ
เห็นหลังคาเป็นผ้าร่มก็อย่าเพิ่งไปเหยียดหยามดูแคลน มันไม่ได้เอามือรูดปิดรูดเปิดเหมือนโรงแรมฉิมพลี แต่กดปุ่มสั่งเปิดปิดด้วยไฟฟ้า ค่อยๆ ย้วยเป็นชั้นเรียบร้อยคลุมกระจกหลัง มีไฟเบรคยกสูงตรงกลาง รถมีให้เลือก 3 สี ขาวงาช้าง, แดง และ ดำขำ สีผ้าใบหลังคาจะเข้ากับสีตัวรถอย่างเหมาะเจาะ และยังมีสีพิเศษให้เลือกสองสีคือ แดงมุก และเทาขาวออกแนวสปอร์ตสุดตัว



สวยสะดุดออกอย่างนี้ ไม่วายมีบางคนค่อนแคะว่า "อารมณ์ปลากระป๋อง ได้ใจจริงโว้ย"

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Coming Soon: 2010 All-New Nissan X-Trail First Drive & Video Review


Coming Soon: 2010 All-New Nissan X-Trail First Drive & Video Review
หลังจากที่ Nissan ได้ทำการเปิดตัว X-Trail รุ่นใหม่ล่าสุดไปแล้วเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจากการที่ X-Trail ได้อวดโฉมคันจริงในงานมอเตอร์โชว์ที่เมืองทองธานีที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานมากเป็นพิเศษ ทำให้ทีมงานของเราไม่สามารถเก็บภาพโดยละเอียดของรถ SUV ขายดีอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น 8 ปีซ้อนนี้ได้ เรียกว่าถูกล้อมหน้าล้อมหลังจากผู้สนใจอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีพื้นที่ว่างเพียงพอให้รถสุดฮ็อตรุ่นนี้หลุดออกจากฝูงชนเพื่อเป็นนายแบบให้เราถ่ายภาพเดี่ยวได้เลย และตามที่ได้เปรยไว้แล้วเช่นกันว่า หลังจากงานมอเตอร์โชว์เราจะมีโอกาสได้สัมผัสพร้อมขับทดสอบ All-New X-Trail รุ่นนี้แบบเต็มๆและเราก็ได้ทำในสิ่งที่ได้กล่าวไปแล้วเพื่อที่จะนำมาบอกเล่ากันต่อใน AutoSpinn

สำหรับการขับทดสอบครั้งนี้จะต่างจากการทำ Test Drive หรือรีวิวในครั้งก่อนๆเพราะเราได้มีโอกาสเก็บภาพสวยๆที่ไม่ใช่แค่ภาพนิ่งเท่านั้น แต่เราได้ทำการถ่ายวิดีโอในขณะทำการทดสอบการขับไว้อีกด้วย เพื่อที่จะได้ให้เราๆท่านๆได้เห็นมุมมองในมิติอื่นๆนอกเหนือจากการอ่านและชมภาพเหมือนบทความรถยนต์ทั่วไปกับเวลา 2 วันที่เรามี X-Trail ใหม่มาไว้ในครอบครอง อย่างน้อยก็ทำให้หายสงสัยว่า รถรุ่นนี้ทำไมขายดิบขายดีเป็นอันดับ 1 ในประเทศแนวหน้าอย่างญี่ปุ่นได้ถึง 8 ปีซ้อนโดยจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 27,000 คันเฉพาะในแดนซากุระแห่งนี้

และเมื่อไหร่ที่ข้อมูลต่างๆพร้อม เราจะทำการทยอยลงบทความรวมถึงวิดีโอรีวิวเจ้า Nissan X-Trail รุ่นนี้ต่อไปครับ เรียกว่าได้อ่านได้ชมกันทุกมุมมองเต็มอิ่มเพียงพอที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ว่าเงินลงทุนเพียงแค่ประมาณ 1 ล้านบาทกับการเป็นเจ้าของรถ SUV รุ่นนี้จะคุ้มค่าหรือไม่!

ที่มา :www.autospinn.com

Tagged as: 2010 Nissan X-Trail review, nissan, nissan x-trail, Nissan X-Trail review, nissan x-trail ใหม่ ปี 2010, nissan xtrail, x-trail, xtrail, นิสสัน เอ็กซ์เทรล, รีวิว Nissan X-Trail, รีวิวนิสสัน เอ็กซ์เทรล, รีวิวรถยนต์ Nissan X-Trail, เอ็กซ์เทรล

29 มกราคม 2553

มอเตอร์โชว์ Detroit 2009: Honda Insight ปี 2010 รถไฮบริดคู่แข่ง Prius


มอเตอร์โชว์ Detroit 2009: Honda Insight ปี 2010 รถไฮบริดคู่แข่ง Prius

ช่วงนี้มีฟอร์เวิร์ดเมลที่บอกว่ามีภาพ All-New Honda Civic โฉมใหม่ล่าสุดของปี 2009 หลุดออกมา จนทำให้ผมค่อนข้างจะงงว่าตัวเองพลาดข่าว Honda Civic ใหม่ไปได้อย่างไร แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าคงมีการเข้าใจผิดกันเพราะต่างประเทศยังไม่มีข่าวโฉมใหม่ของ Civic เลยแม้แต่น้อยแล้วเมืองไทยจะเปิดตัวก่อนได้อย่างไร(ยกเว้นบางกรณีเช่น Ford Ranger Max ที่เปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ในกรุงเทพฯที่ผ่านมา)

แต่พอเข้าไปดูในอีเมลของเพื่อนก็พบว่า มันคือ Honda Insight คันนี้ ไม่ใช่ Honda Civic โฉมใหม่แต่ประการใด!!

รถไฮบริด All-New Honda Insight ปี 2010 ได้เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในงาน Detroit Auto Show ปี 2009 ซึ่ง Honda เตรียมปล่อยรถไฮบริด Insight นี้ลงสู่ตลาดในต้นเดือนเมษายนหรืออีก 2-3 เดือนนับจากนี้ ในเรื่องของราคา(สำหรับตลาดอเมริกา) Honda จะตั้งให้ต่ำกว่า Honda Civic รุ่นไฮบริด ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 23,650 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 8 แสนบาท ที่ 1 เหรียญฯ=33.36 บาท)

Insight ยังใช้ระบบไฮบริด IMA เช่นเดียวกับของ Civic โดย Insight ใช้เคริ่องยนต์ i-VTEC ความจุ 1.3 ลิตร และระบบส่งกำลังแบบแปรผันต่อเนื่อง หรือ Continuously Variable Transmission (CVT)

ระบบ IMA ของ Insight ได้รวมเอามอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์(13 แรงม้า) และ Intelligent Power Unit(IPU) ขนาดเล็กไว้ด้วยกัน IPU จะเป็นตัวดึงและเก็บพลังงานไคเนติกที่เกิดจากการห้ามล้อและการชะลอความเร็วของรถ มาเป็นพลังงานเสริมในการขับเคลื่อนรถเมื่อต้องการ ซึ่งระบบไฮบริดของ Insight ให้กำลังที่ 98 แรงม้า ในขณะนี้ Toyota Prius ทำได้ถึง 134 แรงม้าเลยทีเดียว! แตกต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งไปกว่านั้น Insight ยังตามหลัง Prius ในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่ง Insight สามารถทำได้ที่ 41 ไมล์/แกลลอน ในขณะที่ Prius เจนเนอเรชั่นที่ 3 สามารถทำได้ถึง 50 ไมล์/แกลลอน และจากข้อมูลของ Honda รถไฮบริด Insight ที่เติมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง 10.6 แกลลอน จะสามารถขับเคลื่อนไปได้ไกล 400 ไมล์

แม้ว่าประสิทธิภาพของ Honda Insight ยังห่างไกล Toyota Prius อยู่พอสมควร แต่คิดว่าในไม่ช้าช่องว่างนี้น่าจะลดลงจากประสบการณ์ที่มากขึ้นของ Honda ในเทคโนโลยีไฮบริด แต่เรื่องรูปลักษณ์แล้ว Honda Insight ถือว่าดูดีกว่าในสายตาของผม
ที่มา: Honda แปลและเรียบเรียงโดย AutoSpinn.com

Honda Civic 2010 มีให้เลือก 6 สี












Honda Civic 2010 มีให้เลือก 6 สี

ล่าสุด Honda ประเทศไทยได้ตัดสินใจส่ง Civic สีน้ำเงินใหม่ไดโนบลูออกมาเพื่ออย่างน้อยก็เรียกความสนใจได้บ้างแม้ว่าจะ เป็นแค่เรื่องของการเพิ่มสีทางเลือกเข้าไปเท่านั้น ซึ่งรวมแล้ว Honda Civic มีให้เลือก 6 สีคือ น้ำเงินมุกไดโน, ขาวทาฟเฟต้า, เงินเมทัลลิกอลาบาสเตอร์, เทาเมทัลลิกโพลิชเมทัล, ทองเมทัลลิกโบลด์เบจ และดำมุกคริสตัล
















honda civic 2010

ส่วนราคารถนั้นก็ตามนี้ครับ

1.8 S MT 754,000 บาท
1.8 S AT 794,000 บาท
1.8 S AT(AS) 836,000 บาท
1.8 E AT(AS) 914,000 บาท
1.8 E AT(AS) NAVI 969,000 บาท
2.0 EL AT(AS) 1,051,000 บาท
2.0 EL AT(AS) NAVI 1,106,000 บาท













honda civic 2010

Honda Civic 2010 มีให้เลือก 6 สี

Audi A4 Avant Station Wagon ดุเข้มแรงในสไตล์ Black Arrow โดย AVUS Performance


Audi A4 Avant Station Wagon ดุเข้มแรงในสไตล์ Black Arrow โดย AVUS Performance
AVUS Performance ได้เปิดตัวชุดแต่งใหม่ล่าสุดสำหรับรถสเตชั่นวาก้อนอย่าง Audi A4 Avant ภายใต้ชื่อชุดแต่งคือ Black Arrow ที่มีการใช้สีดำเป็นสีหลักเพื่อเพิ่มความดุให้กับรถที่มีรูปโฉมที่ออกจะดูทางการหรือสงบเสงี่ยมมากกว่ารถเก๋งทั่วไป เริ่มต้นด้วยการใช้ล้อสีดำวาวขอบ 21 นิ้ว เสริมด้วยระบบกันสะเทือน coilover แต่ AVUS ก็มีล้อขอบ 19 และ 20 นิ้วให้เลือกด้วยเช่นกัน มีการใช้ไฟท้ายแบบ LED ส่วนขุมกำลังของ A4 Avant เป็นเครื่องยนต์ดีเซล TDI 2.7 ลิตร ที่มีการปรับแต่ง ECU ทำให้รถขับกำลังออกมาได้ถึง 230 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 358 ปอนด์ฟุต แทนตัวเลขเดิมคือ 190 แรงม้า และ 295 ปอนด์ฟุต ตามลำดับ

แต่ถ้าคุณคิดว่ามันยังแรงไม่พอ AVUS สามารถทำการอัพเกรดให้เป็นเครื่องยนต์ TDI ขนาด 3.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ทางเลือกอื่นๆพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์


Audi A4 Avant Station Wagon ดุเข้มแรงในสไตล์ Black Arrow โดย AVUS Performance

ที่มา: AVUS Performance/www.autospinn.com

ในที่สุดก็โผล่แล้ว Tesla Roadster Sport รถสปอร์ทไฟฟ้าสมรรถนะสูงจากทีม Silicon Valley


ในที่สุดก็โผล่แล้ว Tesla Roadster Sport รถสปอร์ทไฟฟ้าสมรรถนะสูงจากทีม Silicon Valley
มาถึงวันนี้ก็เป็นระยะเวลา 7 เดือนแล้วที่ Tesla ประกาศถึงแผนในการสร้าง Roadster Sport ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงของรถสปอร์ทไฟฟ้าจากกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ส่วนใหญ่มาจากซิลิกอนวัลลี่ย์ และแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา บริษัทผลิตรถยนต์หน้าใหม่นี้จะประสบปัญหาภายในที่ผู้บริหารระดับสูงทะเลาะกันเองจนขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ในที่สุด Tesla ก็เผยโฉม Roadster Sport ออกมาให้เห็นผ่านรูปภาพความละเอียดสูงพร้อมรายละเอียดทางเทคนิคเล็กน้อย

ด้วยมอเตอร์แบบใหม่ทำให้รถไฟฟ้าสไตล์สปอร์ทคันนี้ทำเวลาได้ดีขึ้นอีกนิด คือ 0.2 วินาที ในการทำความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์/ชั่วโมง(หรือประมาณ 96.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ภายในเวลา 3.7 วินาที มีช่องระบายอากาศบริเวณฝากระโปรงที่ทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ มีสปอยเลอร์ด้านหลังเพิ่มเข้ามา มีการใช้ปุ่มกดเลือกระบบส่งกำลังทดแทนหัวเกียร์อลูมิเนียมแบบเดิม มีจอระบบสัมผัสส่วนกลางที่แสดงระยะการขับพร้อมปริมาณน้ำมันที่สามารถประหยัดได้หากใช้รถขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ธรรมดา และแน่นอน ราคารุ่นนี้ต้องแพงกว่ารุ่นธรรมดา ซึ่งคุณต้องจ่ายเพิ่มอีก 20,000 เหรียญสหรัฐฯ



ที่มา: Tesla/www.autospinn.com

Reva เตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้า 2 รุ่น พร้อมโชว์เทคโนโลยีชาร์จไฟผ่านมือถือและ SMS?!


Reva เตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้า 2 รุ่น พร้อมโชว์เทคโนโลยีชาร์จไฟผ่านมือถือและ SMS?!
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์จากเอเชีย 2 ประเทศ คือ จีนและอินเดียมีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับโลกในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง โดยในจีนมีสารพัดยี่ห้อที่คุ้นหูกันคงหนีไม่พ้น Chery ที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทย ส่วนทางฝั่งอินเดียก็แน่นอนว่าเป็น Tata ที่คนไทยรอลุ้นรถยนต์จิ๋วราคาต่ำกว่าแสนหรือแสนกว่าๆ ซึ่งคงต้องรอกันไปสักพัก ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงนี้สำหรับผู้ผลิตรถหน้าใหม่จากเอเชีย โดยเฉพาะจากแดนภารตะ คงหนีไม่พ้นข่าวของ Reva บริษัทรถยนต์สัญชาติอินเดียที่เตรียมเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้าในงาน Frankfurt Motor Show

Reva เป็นบริษัทผลิตรถไฟฟ้าของอินเดียที่กำลังจะเปิดเว็บไซท์ชื่อ revaglobal.com เพื่อรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่สนใจรถไฟฟ้า 2 รุ่นที่จะเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ดังกล่าว ซึ่งก็คือ Reva NXR รถแฮทช์ไฟฟ้า 3 ประตูที่จุผู้โดยสารได้ 4 คน อีกรุ่นหนึ่งก็คือ Reva NXG รถสปอร์ทไฟฟ้า 2 ที่นั่งที่มาพร้อมกับหลังคาทาร์ก้า โดยรุ่นแรก NXR ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ในงานมอเตอร์โชว์เลย แต่ NXG จะพร้อมขายก็ในปี 2011

แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับรถยี่ห้อนี้จนมีการตีข่าวออนไลน์ในเว็บไซท์ต่างๆทั่วโลก ก็คือ การชาร์จไฟผ่านเทคโนโลยีของบริษัทที่ชื่อ REVive ที่ผู้ขับสามารถขอชาร์จไฟทางโทรศัพท์หรือส่ง SMS ขอไฟได้ (ทำเหมือนเติมเงินมือถือซะงั้น) ซึ่งถ้าทำได้จริง ปัญหาการสำรองไฟในแบตเตอรี่คงหมดไปเพราะไม่ต้องกลัวว่าไฟจะหมดกลางทางหรือหาที่ชาร์จไฟไม่ได้ แต่ Reva ปล่อยให้คนงงกันต่อเพราะไม่ยอมบอกว่าเทคโนโลยีนี้ทำงานอย่างไรในช่วงนี้

หลายคนอาจจะเดาว่าเป็นการชาร์จไฟผ่านระบบไร้สาย เพราะรถของ Reva จะมาพร้อมกับระบบ Telematic ซึ่งเป็นระบบที่นำเอาระบบสื่อสารและข้อมูลมาใช้ร่วมกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือระบบ Global Positioning System หรือ GPS นั่นเอง แต่การเติมไฟในลักษณะนี้ยังไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน (ในระดับนักวิจัยเทคโนโลยีอาจจะมีความเป็นไปได้แต่ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง) งานนี้เลยทำให้ Reva เป็นที่สนใจเป็นพิเศษ ซึ่งผมว่าบริษัทรถยนต์ให้ความสนใจมากกว่าบุคคลทั่วไปเสียอีก เพราะ Reva จะเปิดราคาและพูดถึงเทคโนโลยีชนิดนี้ในงานมอเตอร์โชว์กลางเดือนนี้ครับ

REVA เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Maini Group of India และ AEV LLC จากสหรัฐอเมริกา นักลงทุนอื่นๆรวมถึง Global Environment fund และ Draper Fisher Jurvetson

ที่มา: Reva/www.autospinn.com

เผยโฉม BMW R1200RT และ R1200GS/Adventure ปี 2010 ไมเนอร์เชนจ์ 110 แรงม้า


เผยโฉม BMW R1200RT และ R1200GS/Adventure ปี 2010 ไมเนอร์เชนจ์ 110 แรงม้า
BMW ได้ปล่อยภาพพร้อมสเปคของ R1200GS และ R1200RT ปี 2010 ที่ทั้งสองรุ่นได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ Twin Boxer 1,170 ซีซี เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ให้กำลัง 110 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 120 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ/นาที ภายในเครื่องยนต์ประกอบด้วยอุปกรณ์ที่นำมาจากรุ่นที่แรงและสปอร์ทกว่าอย่าง HP2 Sport รวมถึง Double Overhead Cams (DOHC) ช่องไอดีและไอเสียใหญ่ขึ้น ลูกสูบหลอมทำด้วยอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ชุดลิ้นบังคับน้ำมันของหัวฉีดที่ใหญ่ขึ้น และอัตราเกียร์ที่ปรับเปลี่ยนให้ต่ำลงเล็กน้อยเพื่ออัตราเร่งที่ดีขึ้น

เผยโฉม BMW R1200RT และ R1200GS/Adventure ปี 2010 ไมเนอร์เชนจ์ 110 แรงม้า
มอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นมีระบบเบรค ABS โดยมี option เป็นชุดปรับระบบกันสะเทือนอิเล็กทรอนิกส์ ESA II นอกจากนั้นยังมีการใช้ไฟหน้าแบบ LED ในขณะที่รุ่น RT มีระบบเครื่องเล่น MP3 พร้อมช่องต่อเชื่อมผ่าน USB Port รองรับการเชื่อมต่อ iPod ด้วยเช่นกัน แฟริ่งมีการออกแบบใหม่เพื่อป้องกันอากาศหนาว ส่วนชิลด์บังลมมีระบบควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับรุ่น GS/Adventure จะมี option เป็นเบาะนั่งที่มีการลดระดับลงเพื่อให้คนที่ไม่สูงมากสามารถขี่และควบคุมรถได้ง่ายขึ้น

เผยโฉม BMW R1200RT และ R1200GS/Adventure ปี 2010 ไมเนอร์เชนจ์ 110 แรงม้า
สำหรับสีรถก็มีให้เลือกหลายสีคือ แดง ขาว เงิน ดำ และเหลือง ส่วนราคาจะมีการเปิดเผยภายในเดือนนี้ครับ

เผยโฉม BMW R1200RT และ R1200GS/Adventure ปี 2010 ไมเนอร์เชนจ์ 110 แรงม้า

เผยโฉม BMW R1200RT และ R1200GS/Adventure ปี 2010 ไมเนอร์เชนจ์ 110 แรงม้า

ที่มา: BMW/www.autoapinn.com

Renovatio มอเตอร์ไซค์แห่งอนาคต


Renovatio มอเตอร์ไซค์แห่งอนาคต

Renovatio มอเตอร์ไซค์แห่งอนาคต

Renovatio มอเตอร์ไซค์แห่งอนาคต
ยอมรับว่ามอเตอร์ไซค์ในบ้านเราวิ่งกันเกลื่อนเมือง แต่มอเตอร์ไซค์ที่เราเห็นรูปทรงก็ธรรมดาน้อยมากหรือนานๆ ครั้งที่เราจะได้เห็นมอเตอร์ไซค์ประหลาดหรือรูปทรงสวยๆ แต่ถ้าเป็นเจ้ามอเตอร์ไซค์ต้นแบบตัวนี้ถ้าใครได้ยลโฉมต้องบอกว่า เนี่ยนะ...รถมอเตอร์ไซค์แล้วมันจะขับได้เหรอ เนื่องจากเจ้าตัวนี้เป็นรถต้นแบบซึ่งรถที่ออกขายจริงๆ อาจจะไม่ใช่รูปแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ เจ้ารถต้นแบบนี้โครงสร้างส่วนใหญ่มาจากอลูมิเนียม, ไทเทเนียมและคาร์บอน โดยมีขุมพลังจากเครื่องยนต์ตัววีทำมุม 90 องศาขนาด 1,686 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ แหม...ถ้ามาขับในเมืองไทยไม่หายก็ต้องเจ๋งแน่ๆ แต่คิดว่าน่าจะหายมากกว่านะ

ที่มา : Confederate

Yamaha EC-f จักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่ออนาคต


Yamaha EC-f จักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่ออนาคต
ในงาน Tokyo Motor Show ที่จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสองอาทิตย์ก่อนมีรถเจ๋งๆ มาโชว์กันเพียบ และนี่ก็เป็นหนึ่งในรถจักรยานยนต์รุ่นเจ๋ง สุดเดิ้นจากทางยามาฮ่า (Yamaha) ..เป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้ายามาฮ่า รุ่น EC-f ซึ่งใช้แบตเตอรี่ Lithium Ion ในการให้พลังงานขับเคลื่อนโดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้แบบง่ายๆ แล้วก็พร้อมใช้งานเลย ว่าแต่ดีไซน์ล้ำอวกาศขนาดนี้ จะมีใครกล้าขับมั๊ยเนี่ย


ที่มา : itechnews

Hyundai Genesis Coupe R Spec รุ่นพิเศษ เรียกความฟิต รีดน้ำหนักเตรียมขึ้นเวที SEMA Show


Hyundai Genesis Coupe R Spec รุ่นพิเศษ เรียกความฟิต รีดน้ำหนักเตรียมขึ้นเวที SEMA Show
ในงาน SEMA Show ที่ลอสแองเจลลิส ที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า เราจะได้พบกับ Hyundai Genesis Coupe R-Spec เวอร์ชั่นพิเศษที่สร้างมาสำหรับคนรักรถแรงเน้นสมรรถนะมากกว่าความสะดวกสบายภายในรถ Genesis R-Spec เป็นรุ่นที่เรียกว่ารีดน้ำหนักรุ่น 2.0T Track โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 210 แรงม้า ที่เรียกว่ารีดน้ำหนักก็เพราะว่ารถรุ่นนี้ได้ถอดส่วนที่ไม่จำเป็นต่างๆออกไป เช่น Bluetooth ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบ cruise control วัสดุตกแต่งภายในต่างๆ ระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย เพื่อที่จะลดน้ำหนักรวมถึงต้นทุนด้วย


ส่วนที่ยังต้องเก็บไว้ก็คือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะของรถยนต์เช่น ระบบกันสะเทือนสไตล์สปอร์ท ล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้วพร้อมยางประสิทธิภาพสูงของ Summer ระบบเบรคเป็นของ Brembo และ differential แบบ limited slip ของ Tor

Hyundai เผยว่า R-Spec จะได้รับการติดตั้งชุดน็อตตัวผู้สำหรับการปรับ strut camber ด้านหน้า (ซึ่งตำแทนจำหน่ายจะเป็นผู้ติดตั้งให้หากลูกค้าต้องการซื้อ) เพื่อการตอบสนองการควบคุมรถที่ดีขึ้น

ระบบส่งกำลังจะมีให้เลือกแบบเดียวคือ เกียร์ธรรมดา และมี 3 สีให้เลือกคือ สีขาว Karussell สีดำ Bathurst และสีแดง Tsukuba ส่วนราคามีการตั้งไว้ที่ 23,750 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งต่ำกว่ารุ่น 2.0T Track ถึง 3,000 เหรียญฯครับ

All-New Ford C-MAX ปี 2010 รถ MPV เล็ก ชูเครื่องยนต์ Ecoboost ในแพลตฟอร์มของ Focus


All-New Ford C-MAX ปี 2010 รถ MPV เล็ก ชูเครื่องยนต์ Ecoboost ในแพลตฟอร์มของ Focus
ผมได้เพิ่มคลิปวิดีโอ C-MAX ที่แสดงให้เห็นในทุกมุมมองแบบชัดๆด้านใต้ครับ
All-New Ford C-MAX ปี 2010 ก็ได้เผยโฉมก่อนเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่แฟรงค์เฟิร์ตอีกราย รถ MPV ขนาดเล็กรุ่นนี้ใช้ platform ของ Ford Focus เจนเนอเรชั่นต่อไปเป็นพื้นฐานด้วยรูปลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแนวคิด Iosis MAX ที่ได้อวดโฉมไปแล้วในงานมอเตอร์โชว์ที่เจนีวาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Ford ได้เดินตามรอยรถของคู่แข่งอย่าง Renault Scenic/Grande Scenic และ Citroen C4 Picasso ด้วยการพัฒนารูปโฉมตัวถังที่แตกต่างกัน 2 แบบสำหรับ C-MAX นั่นก็คือ เวอร์ชั่น 5 ที่นั่ง และเวอร์ชั่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นคือ 7 ที่นั่ง ซึ่งเวอร์ชั่นหลังนี้จะมีประตูด้านข้างแบบสไลด์ที่ทำให้เข้าถึงที่นั่งด้านหลังได้ง่ายขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ Ford จะถือโอกาสเปิดตัวเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 4 สูบ Ecoboost ขนาด 1.6 ลิตร ซึ่งมีการพัฒนาใหม่ที่นำมาใช้กับ C-MAX เป็นครั้งแรกด้วย อย่างไรก็ตาม C-MAX ยังมีเครื่องยนต์ทางเลือกเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ NA และเทอร์โบดีเซล

เครื่องยนต์ Ecoboost ใหม่นี้จะถูกนำไปใช้กับรถยนต์ของ Ford รุ่นอื่นๆในยุโรป เช่น Mondeo และ Focus เจนเนอเรชั่นใหม่อีกด้วย

Ford C-MAX ใหม่จะเริ่มมีจำหน่ายในยุโรปประมาณกลางปีหน้า แต่สำหรับตลาดอื่นๆยังไม่มีการยืนยันครับ

ที่มา: Ford/www.autospinn.com