30 กันยายน 2553

Jaguar C-X75 Concept ซุปเปอร์คาร์แนวคิด 780 แรงม้า พลังไฟฟ้า+เครื่องยนต์เทอร์ไบน์

ในงาน Paris Motor Show ที่ได้เริ่มขึ้นในวันนี้ Jaguar เตรียมเปิดผ้าคลุมซุเปอร์คาร์แนวคิด C-X75 รถที่มีสมรรถนะแรงที่สุดของบริษัทฯรุ่นหนึ่งต่อจาก XJ220 ซึ่งบริษัทฯได้เลิกผลิตไปในปี 1994 โดยซุปเปอร์คาร์รุ่นนี้มีอัตราเร่งที่น่าประทับใจคือจาก 0-300 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายในเวลา 15.7 วินาที เรียกว่าเร็วกว่า Bugatti Veyron ถึง 1 วินาที อย่างไรก็ตามความเร็วสูงสุดของ C-X75 ถูกจำกัดอยู่ที่ 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่ Veyron สามารถไต่ได้ถึง 407 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Jaguar C-X75 มีระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 195 แรงม้า 4 ตัวที่บริเวณล้อแต่ละข้าง โดยสามารถเคลื่อนตัวจากสภาพหยุดนิ่งไปสู่ระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 3.4 วินาที และแตะระดับ 161 กิโลเมตร/ชั่วโมง(100 ไมล์/ชั่วโมง) ภายใน 5.5 วินาที อย่างไรก็ตาม C-X75 ไม่ได้เป็นรถไฟฟ้าทั้งคันเพราะยังมีเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ ขนาด 94 แรงม้า จำนวน 2 เครื่อง ในการขับเคลื่อนด้วย ซึ่งเชื้อเพลิงที่ใช้เป็นได้ทั้งแก๊สธรรมชาติ น้ำมันดีเซล เชื้อเพลิงชีวภาพ และ LPG โดยเครื่องยนต์ทั้งสองนี้จะช่วยเพิ่มระยะทางทำการให้ได้ถึง 900 กิโลเมตรในกรณีที่ไฟฟ้าจากชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนหมดด้วยระยะทางทำการเพียง 109 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง
C-X75 มีความยาว 4.647 เมตร กว้าง 2.02 เมตรและสูง 1.204 เมตร ฐานล้อยาว 2.725 เมตร น้ำหนักรวม 1,350 กิโลเมตร วิ่งบนล้ออัลลอยขอบ 21 นิ้วและ 22 นิ้วสำหรับล้อหน้าและหลังตามลำดับ หุ้มด้วยยางขนาด 265/30 ZR21 และ 365/25 ZR22 ใช้ระบบส่งกำลังแบบ Single Speed มีกำลังรวมสูงสุดที่ 780 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร มีระยะทางทำการรวมทั้งสิ้น 900 กิโลเมตร โดยมีอัตราการปล่อย C02 เพียง 28 กรัม/กิโลเมตร

ที่มา: Jaguar,autospinn

ฟอร์ดเสริมเท่เรนเจอร์ฯ ลิมิเต็ค แค่ 200 คัน

ฟอร์ด เติมความแกร่ง เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ลิมิเต็ด อิดิชั่น รถปิกอัพที่มาพร้อมอุปกรณ์ชุดแต่งแบบเต็ม "แมกซ์" ด้วยล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว และมัลติมิเตอร์แบบดิจิตอล สติ๊กเกอร์ลวดลายพิเศษสไตล์เรนเจอร์แมกซ์ มีให้เลือก 2 รุ่น สนนราคา 739,000 - 834,000 บาท งานนี้มีจำนวนจำกัดเพียง 200 คัน เท่านั้น
นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ฟอร์ด มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ล่าสุดนำฟอร์ด เรนเจอร์ มาแต่งหน้าทาปากใหม่ ด้วยชุดแต่งไวลด์แทรค พร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว สไตล์สปอร์ต , มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอลสุดล้ำที่จะให้ข้อมูลความเอียง ความลาดชันของพื้นถนน และเข็มทิศแบบดิจิตอล พร้อมไฟเรืองแสงสีแดงเพิ่มอารมณ์สปอร์ตในการขับขี่ยามค่ำคืน ตกแต่งลวดลายตัวถังแบบพิเศษโดดเด่นสะดุดตาในแบบ เรนเจอร์ แมกซ์ โชว์ทรัค พร้อมสีพิเศษใหม่ล่าสุด คอปเปอร์ เรด (Copper Red) โดดเด่นไม่ซ้ำใคร และสีขาวคูล ไวท์ (Cool White) สุดฮิต ภายใต้ชื่อ เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ลิมิเต็ด อิดิชั่น
ฟอร์ดเลือกทำตลาด ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ลิมิเต็ด อิดิชั่น 2 รุ่นเ คือ โอเพ่นแค็บ ไฮ-ไรเดอร์ พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และดับเบิ้ลแค็บ ไฮ-ไรเดอร์ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่บรรจุขุมพลังเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล 2.5 ลิตร แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตรที่รอบต่ำ 1,800 รอบต่อนาที และมีกำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่รอบต่ำเพียง 3,500 รอบต่อนาที พร้อมมอบความประหยัดน้ำมันแต่ไม่ประหยัดพลัง โดยฟอร์ดเลือกทำตลาดเฉพาะสองรุ่นนี้ เนื่องจากรถกระบะแบบยกสูงเป็นที่นิยมสูงสุด และลูกค้าของฟอร์ดต้องการรูปลักษณ์ที่โดดเด่นแบบสปอร์ตแต่ต้องไม่ซ้ำใคร ซึ่งฟอร์ดพร้อมตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวด้วยความคุ้มค่าเกินราคา
ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ลิมิเต็ด อิดิชั่น จะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 200 คัน เท่านั้น โดยในรุ่นโอเพ่นแค็บ ไฮ-ไรเดอร์ มีราคาเพียง 739,000 บาท และ ดับเบิ้ลแค็บ ไฮ-ไรเดอร์ มีราคาเพียง 834,000 บาท พร้อมด้วยข้อเสนอสุดพิเศษดอกเบี้ยต่ำ 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

29 กันยายน 2553

Chevrolet Montana ปี 2011 กระบะปิกอัพเล็ก หน้าใหม่ดีไซน์พิมพ์มาตรฐาน เจาะตลาดอเมริกาใต้

Chevrolet Montana ปี 2011 กระบะปิกอัพเล็ก หน้าใหม่ดีไซน์พิมพ์มาตรฐาน เจาะตลาดอเมริกาใต้ Chevrolet อเมริกาใต้ได้ปล่อยภาพของ Montana กระบะปิกอัพรุ่นใหม่ที่มีรูปทรงละม้ายคล้ายคลึงกับ Subaru Baja ซึ่ง Montana ใหม่นี้ใช้พื้นฐานของ Chevrolet Agile Hatchback รุ่นใหม่ล่าสุด โดยจะเริ่มมีจำหน่ายในตลาดอเมริกาใต้ในเดือนมกราคมปีหน้า
Chevrolet Montana มีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร 102 แรงม้าโดยใช้เชื้อเพลิงเป็นสารแอลกลฮอล์ โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่งจาก 0-100 ใน 12.1 วินาที แต่ถ้าเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นน้ำมันเบนซินกำลังจะลดลงเป็น 97 แรงม้า ความเร็วสูงสุดลดลงเล็กน้อยที่ 168 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่อัตราเร่งระดับเดียวกันทำได้ภายใน 12.3 วินาที โดยรวมคืออัลกอฮอล์ให้ตัวเลขด้านสมรรถนะที่ดีกว่าเบนซิน
Montana มีความยาว 4.51 เมตร กว้าง 1.70 เมตรและสูง 1.58 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักสิ่งของได้ที่ 758 กิโลกรัมที่ปริมาตร 1,100 ลิตร แต่ถ้าเปิดฝาครอบกระบะ ปริมาตรจะเพิ่มได้เป็น 1,180 ลิตร
รูปลักษณ์ภายนอกโดยเฉพาะด้านหน้าของ Montana ได้รับอิทธิพลมาแบบเต็มๆจากดีไซน์แนวใหม่ของ Chevrolet โดยมีรุ่นย่อย 2 รุ่นให้เลือกคือ LS และ Sport โดยรุ่น LS จะเป็นรุ่นที่มีปริมาตรหลังเบาะนั่งของห้องโดยสารมากที่สุดในรถ segment นี้ที่ 164 ลิตร มีบันไดข้าง และวิ่งบนล้ออัลลอยขอบ 14 หรือ 15 นิ้ว ส่วนรุ่น Sport ที่เป็นรุ่นท็อปจะมีไฟหน้าโคมดำ ครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวถัง มีระบบ Cruise Control ถุงลมนิรภัยคู่ และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว
อุปกรณ์และเทคโนโลยีอื่นๆได้แก่ ไฟแบ็คไลท์สีฟ้าที่มาตรวัด ระบบแสดงตัวเลขอุณหภูมิแบบดิจิตอล ไฟหน้าอัตโนมัติ เครื่องเล่น CD/MP3 พร้อมช่องต่อเชื่อม USB สำหรับ iPod กระจกไฟฟ้า และล็อครถไฟฟ้า

ที่มา: Chevrolet,autospinn

Honda เปิดภาพใหม่ Jazz Hybrid ก่อนงาน Paris Motor Show พร้อมขายในยุโรปต้นปีหน้า

Honda เปิดภาพใหม่ Jazz Hybrid ก่อนงาน Paris Motor Show พร้อมขายในยุโรปต้นปีหน้า Honda สร้างความมั่นใจอีกครั้งว่า “มาแน่” สำหรับ Jazz Hybrid หรือ Fit Hybrid โดยการปล่อยภาพเพิ่มเติมจากวันก่อน ก่อนที่จะเปิดตัวแฮทช์ไฮบริดรุ่นนี้ในงาน Paris Motor Show ในวันที่ 30 กันยายนหรืออีก 2-3 วันข้างหน้านี้ ถือว่าเป็นรถไฮบริดเครื่องยนต์เบนซินไฟฟ้าที่เล็กที่สุดของ Honda ที่ใช้ระบบไฮบริด IMA เดียวกันกับที่ใช้ในรุ่น Insight โดยมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ ซึ่งระบบไฮบริดนี้สามารถขับเคลื่อนรถโดยใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว หรือมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือใช้ทั้งสองระบบร่วมกัน ในระดับความเร็วต่ำไปจนถึงระดับปานกลาง
ชุดแบตเตอรี่ IMA และตัวควบคุมพลังงานไฟฟ้าของ Honda Jazz Hybrid จะถูกเก็บไว้ใต้พื้นที่จุสัมภาระด้านหลังรถที่ยังคงพื้นที่จุสัมภาระไว้ที่ 300 ลิตร โดยสามารถทำการพับเบาะที่นั่งในลักษณะเดียวกับ Jazz รุ่นมาตรฐาน เพื่อขยายปริมาตรจุสัมภาระได้ถึง 831 ลิตร
Honda เปิดเผยว่า Jazz Hybrid มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 4.4 ลิตร/100 กิโลเมตรตามมาตรฐานยุโรป เช่นเดียวกับตัวเลขของรุ่น Insight และดีกว่าตัวเลขของ Civic(4.6 ลิตร/100 กิโลเมตร) และ CR-Z(5.0 ลิตร/100 กิโลเมตร) อย่างไรก็ตาม Jazz Hybrid มีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 104 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าของ Insight เล็กน้อย(101 กรัม/กิโลเมตร) โดย Honda อ้างว่าเป็นเพราะ Jazz Hybrid มีรูปทรงที่้สูงกว่าและเน้นความยืดหยุ่นมากกว่า
Honda Jazz Hybrid มีกำหนดการลงสู่ตลาดในยูโรปบางประเทศในต้นปีหน้า โดยราคาและรายละเอียดแบบเต็มๆจะมีการเปิดเผยในช่วงก่อนการขาย โดย Honda ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะเริ่มจำหน่าย Jazz Hybrid ในสหรัฐอเมริกาหรือตลาดอื่นๆรวมถึงไทยเมื่อไร!

ที่มา: Honda,autospinn

MINI Scooter E Concept สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 3 แบบ 3 สไตล์จาก BMW Group รอโผล่ที่ปารีส

MINI Scooter E Concept สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 3 แบบ 3 สไตล์จาก BMW Group รอโผล่ที่ปารีส MINI ไม่ขอน้อยหน้า Smart เลยจัดการส่ง Scooter E มอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าออกมาอวดโฉมก่อนที่จะไปเปิดตัวในงาน Paris Motor Show ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงรถแนวคิดแต่ BMW Group บริษัทแม่ของ MINI ก็ออกแบบ Scooter E ออกมาถึง 3 แบบ 3 ลายตามที่เห็นในภาพ โดย 1 ใน 3 คันได้รับการออกแบบให้ดูคล้ายกับรถยนต์ MINI E
MINI Scooter E Concept สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า สิ่งที่เหมือนกันกับ Smart eScooter ก็คือ การใข้สมาร์ทโฟนเป็นระบบแสดงข้อมูลซึ่งถูกติดตั้งอยู่ระหว่างแฮนเดิ้ลบาร์ นอกจากนั้นยังสามารถทำหน้าที่เป้นระบบนำทางได้อีกด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะมีการเปิดเผยในงานมอเตอร์โชว์ที่ปารีสครับ
MINI Scooter E Concept สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
MINI Scooter E Concept สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
ที่มา: BMW และ autospinn

มินิสองล้อ

มินิสองล้อ เห็นแล้วอย่าคิดว่าเป็น ฟีโน่ เพราะว่า นี่คือการเข้าสู่ตลาดรถสองล้อ ครั้งแรกของ มินิ รถสัญชาติอังกฤษ ที่บีเอ็มดับเบิลยูถือหุ้นใหญ่อยู่

คราวนี้ มินิ ทำสองล้อไฟฟ้า ให้ชื่อว่า "MINI Scooter E Concept" ดีไซน์สุดเก๋ เปิดตัวครั้งแรกในงานปารีส มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนนี้

ที่มา คมชัดลึก

26 กันยายน 2553

Smart eScooter มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแนวคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไฮเทคทั้งตัวพร้อมอวดโฉมที่ปารีส


Smart eScooter มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแนวคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไฮเทคทั้งตัวพร้อมอวดโฉมที่ปารีส “ความเล็ก”ไม่ได้จำกัดเฉพาะรถยนต์สำหรับ Smart เมื่อล่าสุดได้เตรียมนำเอา eScooter มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแนวคิดนวัตกรรมใหม่จากบริษัทฯไปอวดโฉมในงาน Paris Motor Show ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่า Smart เตรียมรุกเข้าสู่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์อย่างเต็มตัว eScooter มีแหล่งพลังงานเป็นชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนขนาดแรงดัน 48 โวลท์ที่มีการติดตั้งไว้ในพื้นที่ใต้ที่วางเท้า ที่ทำให้รถมีระยะทางทำการ 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
Daimler บริษัทแม่ของ Smart เผยว่า การชาร์จแบตเตอรี่สามารถทำได้โดยการใช้ไฟฟ้าจากบ้านทั่วไปซึ่งใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 3-5 ชั่วโมง โดยช่องเสียบไฟจะถูกครอบโดยโลโก้ของ Smart ที่ด้านหน้ารถ ซึ่งสามารถเปิดขึ้นแบบบานพับ ระบบขับเคลื่อนของ eScooter เป็นมอเตอร์ไฟฟ้ารูปทรงคล้ายแผ่นดิสก์ที่ถูกติดตั้งอยู่กึ่งกลางของล้อหลัง ให้กำลัง 4 กิโลวัตต์หรือประมาณ 5.3 แรงม้า ทำให้รถรุ่นนี้มีความเร็วสูงสุดที่ 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง
มีการนำเอาโครงสร้างตัวถังของรถยนต์ Smart มาประยุกต์ใช้กับ eScooter ในขณะที่ตัวถังทำด้วยพลาสติกทั้งหมดโดยสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีการใช้ระบบเบรค ABS มีถุงลมนิรภัยที่ติดตั้งอยู่ภายในที่จัดเก็บใต้แฮนเดิ้ลบาร์ มีระบบช่วยมอง Blind Spot Assist ในจุดที่มองไม่เห็นซึ่งมีใช้ในรถ Mercedes-Benz

ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ มีการใช้สมาร์ทโฟนที่มีการติดตั้งอยู่ตรงกลางของแฮนเดิ้ลบาร์ที่มีการเชื่อมต่อกับตัวรถโดยตรง โดยจะทำหน้าที่แทนแผงหน้าปัดแบบเดิมโดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความเร็วรถ ระยะทาง และสถานะของแบตเตอรี่ หรือแม้แต่การทำหน้าที่เป็นระบบนำทาง เรียกว่าไฮเทคทั้งคันแถมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสุดๆ

ที่มา: Daimler,autospinn

Isuzu D-Max และ MU-7 Super Titanium ปี 2011 ไมเนอร์เชนจ์ พร้อมเปิดราคา 40 รุ่นย่อย

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดย มร. ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ เปิดตัว “อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม” และ “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม” นิยามใหม่แห่งยนตรกรรมอัจฉริยะเหนือระดับ ที่เติมเต็มความเหนือชั้น ด้วยกล้องมองภาพทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล่าสุด ระบบความบันเทิงขีดสุด และล้ำหน้าไปอีกขั้นกับ “ไอ-จินนี่ เวอร์ชั่นใหม่” ระบบเพื่อนนำทางอัจริยะที่มากประโยชน์ใช้สอยยิ่งขึ้น ณ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 27 กันยายนนี้

อีซูซุเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ “อีซูซุดีแมคซ์ & อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม” นิยามใหม่แห่งยนตรกรรมอัจฉริยะ

“ดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม” นิยามใหม่ของปิกอัพซูเปอร์อัจฉริยะ
เติมเต็มอีกขั้นความหรูล้ำใน “มิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม”

มาพร้อมชื่อที่อีซูซุใช้ชื่อโลหะอันทรงคุณค่ามาในหลายรุ่น เช่น Gold Platinum และล่าสุดกับรุ่นนี้ Titanium…Super Titanium
ใช้ประโยคเด่นในการประชาสัมพันธ์ไปในทิศทางเดิม เช่น จากเดิมนำทางรวย มาสู่เดินหน้ารวยในรุ่นนี้ แนวทางการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้ากว้างในทุกระดับอาชีพ เน้นความคุ้มค่าสูงสุดตามประโยคเด็ด…เดินหน้ารวย

อีซูซุภูมิใจเสนอเวอร์ชั่นล่าสุดของรถปิกอัพขายดีที่ทำลายสถิติใน เมืองไทย “อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม” นิยามใหม่ของยอดรถปิกอัพที่จะมากระหน่ำความ ยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้านให้โลกยานยนต์ต้องจดจำในฐานะ “ปิกอัพซูเปอร์อัจฉริยะ” และ “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม” ที่เติมเต็มความหรูหราในทุกองศาผสานความลงตัวด้วยเทคโนโลยีระดับสูงของรถ อเนกประสงค์ยอดประหยัดน้ำมัน
มร. ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุดีแมคซ์ ไม่ได้เป็นเพียงความภูมิใจของกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นรถที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มอีซูซุทั่วโลกอีกด้วย เนื่องจากเป็นรถที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับความต้องการ และประโยชน์ใช้สอยของผู้ใช้รถอย่างแท้จริง อีซูซุจึงภูมิใจเสนอ“อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม” ในฐานะ “ปิกอัพซูเปอร์อัจฉริยะ ยอดประหยัดน้ำมัน” โดดเด่นด้วยความยอดเยี่ยมในทุกด้าน เป็นครั้งแรกในวงการรถปิกอัพเมืองไทยกับการติดตั้ง TITANIUM VISION ระบบกล้องมองภาพด้านหน้ารถ Front View Camera ที่ให้มุมมองมากถึง 4 แบบ ที่จะทำให้ผู้ขับขี่ได้เห็นภาพด้านหน้า ก่อนที่รถจะเคลื่อนไปถึง ช่วยลดจุดบอดแม้ในมุมอับในเวลาที่ออกจากซอยแคบหรือทางแยก พร้อมกล้องมองภาพด้านหลังรถ Rear View Camera เพิ่มความมั่นใจขณะถอยจอด ซึ่งเดิมเป็นระบบความปลอดภัยที่มีใช้ในรถระดับหรูเท่านั้น เพื่อความมั่นใจในการขับขี่อย่างเต็มเปี่ยม และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ เพราะจากข้อมูลการสำรวจ พบว่ามีผู้เคยประสบอุบัติเหตุที่บริเวณทางแยกและมุมอับสูงถึง 47.28 % และ 56.85% เคยประสบอุบัติเหตุขณะจอดรถอีกด้วย มาพร้อมกับ TITANIU ENTERTAINMENT ระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบรุ่นใหม่ล่าสุดจาก KENWOOD สามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยีทันสมัยได้หลากหลาย

พร้อมการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ “ไอ-จินนี่ เวอร์ชั่นใหม่” ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะสุดไฮเทค ขวัญใจผู้ใช้รถอีซูซุที่อัพเกรดสู่เวอร์ชันล่าสุด ฉลาดยิ่งขึ้นและมีความสามารถรอบตัวมากขึ้น มั่นใจสุดตลอดการเดินทาง รวมถึงมีการปรับโฉมภายนอกและภายในด้วยชุดแต่งไททาเนียมสไตล์ “ไฮเทคลุค” ตลอดคัน นอกจากนี้อีซูซุยังได้เปิดตัว “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม” อีกขั้นของยานยนต์อเนกประสงค์ยอดประหยัดน้ำมัน ที่นำความหรูหรามาผสานกับเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำอย่างลงตัว ทั้ง TITANIUM VISION กล้องมองภาพด้านหน้าและด้านหลัง, TITANIUM ENTERTAINMENT, ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ ไอ-จินนี่ เวอร์ชันใหม่ และอีกมากมาย เพื่อเติมเต็มความสะดวกสบายแห่งไลฟ์สไตล์สุดอินเทรนด์ของชีวิตยุคใหม่ที่ เหนือระดับ ทุกรุ่นพร้อมจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 กันยายนนี้เป็นต้นไป”

เทคโนโลยีใหม่สุดล้ำนำไปสู่มาตรฐานยานยนต์อัจฉริยะในวงการรถยนต์เมืองไทยของ “อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม” และ “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม” เช่น TITANIUM VISION ระบบกล้องมองภาพอัจฉริยะ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ มั่นใจยิ่งขึ้นในความปลอดภัยอีกระดับกับการเพิ่มมุมมอง และเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดจุดบอดแม้ในมุมอับในเวลาออกจากซอยแคบหรือทางแยก ด้วยระบบกล้องมองภาพด้านหน้ารถ Front View Camera ที่มีมุมมองให้เลือกมากถึง 4 แบบส่งผ่านมายังจอ LCD ที่คอนโซลหน้า ได้แก่
• ภาพมุมด้านหน้าตรงแบบกว้างพิเศษ ให้ภาพมุมมองกว้างพิเศษถึง 190 องศา
• ภาพมุมด้านหน้าซ้าย – ขวา แบบ 2 มุมมองพร้อมกัน ช่วยให้สามารถมองเห็นวัตถุที่จะเคลื่อนตัดผ่านด้านหน้ารถจากมุมอับได้ เช่น รถจักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือเด็ก
• ภาพมุมก้มเพื่อการจอดรถ ใช้มองสิ่งกีดขวางที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับตัวรถ เช่น กองวัสดุ หรือกระถางต้นไม้ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการกะระยะขณะเข้าจอด
• ภาพด้านหน้าตรง และมุมก้ม แบบ 2 มุมมองพร้อมกัน ทำให้สามารถเห็นสิ่งกีดขวางทั้งที่อยู่ในระดับต่ำ และด้านท้ายรถคันหน้า ช่วยให้การเข้าจอดเป็นเรื่องง่าย และสบายขึ้นพร้อมเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นและลดอุบัติเหตุขณะถอยจอด ด้วยระบบกล้องมองภาพด้านหลัง Rear View Camera

• ไอ-จินนี่ เวอร์ชั่นใหม่! ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะสุดไฮเทค นำทางสู่ทุกจุดหมาย ลดปัญหาการหลงทางและประหยัดเวลา ช่วยค้นหาสถานที่สำคัญยามฉุกเฉิน ใช้งานง่ายด้วยระบบเสียงนำทาง ไอ-จินนี่ มากกว่า 10 ภาษา พร้อมระบบแผนที่นำทาง 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) มั่นใจอีกระดับ แม้จะขับไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ด้วยหน้าจอแสดงลักษณะถนนล่วงหน้าที่อาจเป็นอันตราย เช่น ทางโค้งหักศอก อีกทั้งยังคำนวณเลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันกว่า อีกด้วย
• ใหม่! พิเศษกว่าด้วย Junction View แสดงภาพป้ายถนน และทางแยกที่สำคัญในแบบเสมือนจริง พร้อม Lane Guide แสดงตำแหน่งช่องทางเดินรถ เพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง
• ใหม่! อัพเดทแผนที่ล่าสุด นำทางสู่จุดหมายอย่างแม่นยำ เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายสมบูรณ์แบบ
• ใหม่! เมนูค้นหาศูนย์บริการอีซูซุ มั่นใจยิ่งขึ้นพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ สามารถโทรไปยังศูนย์บริการได้ทันที ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่เชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ
• ใหม่! จุดหมายที่น่าสนใจ (POI) กว่า 440,000 จุด ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์
TITANIUM ENTERTAINMENT ระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ รุ่นใหม่ล่าสุด! จาก KENWOOD ระเบิดความมันถึงขีดสุด มอบความบันเทิงที่เหนือกว่า ด้วย เครื่องเล่นดีวีดีขนาด 7 นิ้ว (2 Din) สามารถเล่นได้ทั้ง DVD/VCD/MP3/WMA และ DivX
• ใหม่! ระบบเมนูแบบ scrolling 3D icon สะดวก ใช้งานง่าย เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัส หรือลากไอคอนผ่านหน้าจอ เพื่อเลือกเมนูใช้งานต่างๆ
• ใหม่! จอภาพคมชัดด้วยความละเอียดสูงถึง 1,152,000 พิกเซล พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย Built-in Bluetooth เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพื่อความบันเทิงได้ทั้ง iPod, iPhone, เครื่องเล่น MP3 และอื่นๆ
นอกจากนี้ได้เพิ่มเติมความเท่สุด เร้าใจสุดและสะดุดตาทุกมุมมอง ก้าวสู่บุคลิกใหม่ด้วยเส้นสายเปี่ยมพลัง ความสปอร์ตล้ำยุค และสีสันใหม่แบบไททาเนียม ตอบรับโลกแห่งยานยนต์ยุคใหม่อย่างเหนือระดับ ควบคู่กับกับสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเยี่ยม ความทนทานที่เป็นยอด และความประหยัดน้ำมันสายพันธุ์แท้ตามแบบฉบับอีซูซุ

• อีซูซุดีแมคซ์ โรดีโอ ซูเปอร์ ไททาเนียม ปิกอัพออฟโรด ซูเปอร์อัจฉริยะ ยอดประหยัดน้ำมัน สีสันแห่งความเร้าใจใหม่ของคนหัวใจลุย
• อีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ ซูเปอร์ ไททาเนียม ปิกอัพยกสูง ซูเปอร์อัจฉริยะ ยอดประหยัดน้ำมัน ตอบรับชีวิตเหนือระดับได้ครบทุกความต้องการ
• อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแค็บ ซูเปอร์ ไททาเนียม ปิกอัพอเนกประสงค์ ซูเปอร์อัจฉริยะ ยอดประหยัดน้ำมัน คุ้มค่า…เดินหน้ารวย! ล้ำหน้าสุด ล้ำสมัย และความสะดวกสบายครบครัน พร้อมความแข็งแกร่งทนทานที่เป็นเอกลักษณ์ของอีซูซุ
• อีซูซุดีแมคซ์ สปาร์ค ซูเปอร์ ไททาเนียม ปิกอัพพลังบรรทุก ซูเปอร์อัจฉริยะ ยอดประหยัดน้ำมัน แข็งแกร่ง ทนทาน คุ้มค่า ประหยัดน้ำมันสุด…สร้างงาน สร้างผลกำไรทุกงานบรรทุก
• อีซูซุดีแมคซ์ “เอ็กซ์-ซีรี่ส์” ลุคใหม่ Rev Up the X-style Excitement! เจนเนอเรชั่น 2 ไลฟ์สไตล์ปิกอัพที่ยังคงความพิเศษอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว เติมเต็มสีสันและประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างไร้ขีดจำกัดเพื่อความอิสระในการใช้ชีวิต ไปกับ 3 รูปแบบ 3 สไตล์การขับขี่ที่สุดเร้าใจ ได้แก่ รุ่น Speed รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Rodeo และ LS และ รุ่น Hi-Lander 4 ประตู และ 2 ประตู และ พิเศษ! ในรุ่น Hi-Lander 4 ประตู มีเกียร์ออโตเมติกให้เลือก ซึ่งมาควบคู่กับความอเนกประสงค์ด้วย Utility Box ใหม่ ให้จัดวางสิ่งของได้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

• สำหรับชีวิตอิสระท้าทาย “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม แอคทิโว” ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS Turbo ขีดสุดของขุมพลัง ที่ทั้งแรง…ทั้งเงียบ…และประหยัดน้ำมัน สะดวกสบายด้วยเกียร์ออโตเมติก พร้อมขับเคลื่อนไลฟ์สไตล์สุดท้าทาย
• ตอบรับชีวิตเมืองทันสมัยและความต้องการหลากหลาย “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม พรีโม” ขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS Turbo ขับสนุกเร้าใจ มีให้เลือกทั้งเกียร์ออโตเมติก และเกียร์ธรรมดา
มีสีให้เลือกถึง 4 เฉด สะท้อนความเป็นตัวเองได้อย่างโดดเด่น ได้แก่ เงินไททาเนียมเมทาลิค ขาวมุก บรอนซ์เงินเมทาลิค และดำไมก้า
• ทางเลือกใหม่ของความสุข เพื่อไลฟ์สไตล์สุดประหยัด “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม 3000 Ddi พรีโม” ขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 3000 Ddi ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิตที่คุ้มค่า มีให้เลือกทั้งเกียร์ออโตเมติก และเกียร์ธรรดา ให้ความประหยัดน้ำมัน พร้อม 2 เฉดสี 2 สไตล์ เงินไททาเนียมเมทาลิค หรูหรา โดดเด่น และบรอนซ์เงินเมทาลิค บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัว

พบกับ “อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม” และ “อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ ไททาเนียม” หลากรุ่น
แล้วประสบการณ์ของคุณจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
27 กันยายนนี้ ตอบรับการเดินทางทุกไลฟ์สไตล์พร้อมกันทั่วประเทศ ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ

ราคา Isuzu D-MAX Super TITANIUM (25 รุ่น)

• Spark (No AirCon) 457,500 บาท
• Spark AC 479,500 บาท
• Spark PS 500,500 บาท

• Spacecab SX 554,500 บาท
• Spacecab SLX 2.5 Smart 601,500 บาท
• Spacecab SLX 2.5 631,500 บาท
มี i-Genii
• Spacecab SLX 2.5 677,500 บาท
• Spacecab SLX 2.5 ABS SRS 696,500 บาท
• Spacecab SLX 2.5 ABS SRS Auto 760,500 บาท

• Hi-Lander 2D 2.5 Smart 643,500 บาท
• Hi-Lander 2D 2.5 ABS 682,500 บาท
มี i-Genii
• Hi-Lander 2D 2.5 ABS 728,500 บาท
• Hi-Lander 2D 3.0 ABS SRS 726,500 บาท
• Hi-Lander 2D 3.0 ABS SRS VGS 772,500 บาท

• Rodeo LS 2.5 ABS 721,500 บาท
มี i-Genii
• Rodeo LS 3.0 ABS SRS VGS 816,500 บาท

• CAB4 SX 653,500 บาท
• CAB4 SLX 2.5 ABS 724,500 บาท

• Hi-Lander 4D 2.5 ABS 752,500 บาท
มี i-Genii
• Hi-Lander 4D 2.5 ABS 804,500 บาท

• Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS 796,500 บาท
มี i-Genii
• Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS 848,500 บาท
• Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS SRS Auto 888,500 บาท

มี i-Genii
• CAB4 LS 3.0 ABS SRS 914,500 บาท
• CAB4 LS 3.0 ABS SRS Auto 954,500 บาท

(หมายเหตุ / Spark, SX สีเมทัลลิค +7,000 บาท / สีขาวมุก +จากสีเมทัลลิค 7,000 บาท จำหน่าย 27 ก.ย.53)

ราคา Isuzu MU-7 Super TITANIUM

• Primo 3000 Ddi 1,013,000 บาท
• Primo 3000 Ddi Auto 1,063,000 บาท
มี i-Genii
• Primo MT VGS 1,170,000 บาท
• Primo MT VGS 1,182,000 บาท
• Primo AT VGS 1,220,000 บาท
• Primo AT VGS 1,232,000 บาท
• Activo AT VGS 1,320,000 บาท
• Activo AT VGS 1,332,000 บาท

(หมายเหตุ / MU-7 จำหน่าย 27 ก.ย. 53)

ราคา Isuzu D-MAX X-Series New Look

• SLX 2.5 654,500 บาท
มี i-Genii
• HR 2D 2.5 ABS 746,500 บาท
• DHR 2D 3.0 ABS VGS SRS 790,500 บาท
• Rodeo LS 3.0 ABS VGS SRS 822,500 บาท
• HR 4D 2.5 ABS 828,500 บาท
• HR 4D 3.0 ABS VGS 872,500 บาท
• HR 4D 3.0 ABS VGS SRS Auto 912,500 บาท
• Cab4 LS 3.0 ABS VGS SRS 926,500 บาท

(หมายเหตุ / X-Series จำหน่าย พ.ย. 53)

ที่มา: Isuzu/Thaidriver , autospinn

Citroen Lacoste Concept รถแนวคิดเล็กดีไซน์ล้ำ หลังคา T-Shape เข้าร่วม Paris Motor Show

Citroen Lacoste Concept รถแนวคิดเล็กดีไซน์ล้ำ หลังคา T-Shape เข้าร่วม Paris Motor Show ในงานมอเตอร์โชว์ใหญ่ๆในต่างประเทศ มักจะมีการนำ Concept Car หรือรถแนวคิดไปอวดโฉมโชว์ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัทเฉพาะโดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ๆ Citroen ก็เป็นรายหนึ่งที่ไม่พลาดจะนำเอา Citroen Lacoste Concept รถแนวคิดที่เป็นความร่วมมือกับสินค้าเครื่องแต่งกายกีฬาชื่อดัง Lacoste ไปอวดโฉมในงาน Paris Motor Show ในอีกประมาณ 1 สัปดาห์นับจากนี้
Citroen Lacoste Concept เป็นรถที่มีขนาดใกล้เคียงกับรุ่น C1 ของ Citroen และ Toyota Aygo โดยมีความยาว 3.45 เมตร กว้าง 1.80 เมตร และสูง 1.52 เมตร โดยมีฐานล้อยาว 2.30 เมตร ใช้ขุมพลังที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ซึ่ง Citroen อ้างโดยไม่มีตัวเลขว่า แรงได้อย่างน่าประทับใจสำหรับรถที่มีขนาดและน้ำหนักประมาณนี้
ในเรื่องของดีไซน์ แน่นอนว่า Lacoste ต้องเข้ามามีส่วนเอี่ยว ที่ชัดเจนและโดดเด่นก็คือล้ออัลลอยลายลูกกอล์ฟที่ใช้ลายสีเหลี่ยมเล็กๆคล้ายตาข่ายเทนนิส ลายตาข่ายนี้มีให้เห็นในหลายจุดทั่วตัวรถทั้งภายในและภายนอก ที่สะดุดตาอีกอย่างก็คือ หลังคาแบบ T-Shape ที่สามารถขยายหลังคาแบบ Soft Top ลงมาปิดซ้ายขวาได้ รายละเอียดอื่นๆของ Citroen Lacoste Concept จะมีการเปิดเผยในงาน Paris Motor Show ครับ
ที่มา: citroen , autospinn

Lexus IS : ปรับอีกครั้งลุยศึกตลาดหรู


น่าจะเรียกว่าเป็นการปรับโฉมครั้งสุดท้ายสำหรับเล็กซัส IS รถยนต์ระดับหรูไซส์คอมแพ็กต์ที่เป็นคู่แข่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 และออดี้ เอ4 เพราะอายุอานามในการทำตลาดของ IS รุ่นนี้นับตั้งแต่เปิดตัวออกมาก็นานร่วม 5 ปีแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะถึงเวลาของการเปลี่ยนโฉมหรือโมเดลเชนจ์กันสักที

อย่างที่ทราบกันดี IS เป็นรถยนต์ที่เล็กซัสเปิดตัวเจเนอเรชันออกมาปี 1997 โดยหยิบยืมเวอร์ชัน JDM ของโตโยต้าที่มีขายเฉพาะญี่ปุ่นอย่างรุ่นอัลเทสซ่ามาทำตลาด ส่วนรุ่นปัจจุบันเป็นสายพันธุ์ที่ 2 เปิดตัวปี 2005 และคราวนี้ไม่มีการใช้แนวทางเดิมอีกแล้ว เพราะจากการที่เล็กซัสต้องเข้าไปเปิดตลาดญี่ปุ่นก็เลยทำให้ต้องพัฒนารถยนต์เฉพาะแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ไม่อิงกับรถยนต์ของโตโยต้าอีกต่อไป

IS เคยมีการปรับโฉมมาครั้งหนึ่งแล้วในปี 2008 ส่วนครั้งนี้ถือเป็นปรับเพิ่มความสดอีกครั้งเพื่อกระตุ้นตลาดช่วงปลายอายุ และเป็นการปรับโฉมทั้งตัวถังซีดาน และรุ่นเปิดประทุนหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ที่เรียกว่า IS250C

โดยมีจุดสังเกตความแตกต่างอยู่ที่ไฟหน้า ซึ่งมีการนำแถบ LED มาใช้เป็น Running Daytime Light ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ไปแล้ว ขณะที่กันชนหน้ามีการเปลี่ยนรายละเอียดตรงช่องไฟสปอตไลท์ใหม่ ส่วนกระจังหน้ามีการนำลายแบบรังผึ้งมาใช้ตกแต่งเช่นเดียวกับช่องดักอากาศบนกันชนหน้า ส่วนด้านท้ายปรับปรุงรายละเอียดและตำแหน่งไฟสัญญาณต่างๆ ของชุดไฟท้ายใหม่

ส่วนของเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไป มีแค่ขุมพลังดีเซลที่เน้นตลาดยุโรป โดยรุ่น IS200d จะเข้ามาแทนที่รุ่น IS220d ที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งขุมพลังเทอร์โบดีเซลรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับความประหยัดน้ำมัน และรับมือกับมาตรฐานไอเสียในยุโรปที่เข้มงวดขึ้น

บนพื้นฐานของเครื่องยนต์เดิมแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,200 ซีซี ตัวเลขกำลังในการขับเคลื่อนของ iS200d อยู่ที่ 148 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 34.6 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที พร้อมไอเสียที่สะอาดขึ้นเพราะระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงจาก 148 มาเป็น 134 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร โดยที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ที่ 10.2 วินาที

เครื่องยนต์เบนซินยังเหมือนเดิมกับรุ่น IS250 ซึ่งใช้เครื่องยนต์วี6 ทวินแคม 24วาล์ว 2,500 ซีซี มีกำลังสูงสุดเท่าเดิมในระดับ 205 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 25.7 กก.-ม. แต่มีการปรับปรุงให้ตอบสนองต่อความประหยัดน้ำมันดีขึ้น โดยตัวเลขความสิ้นเปลืองขยับจาก 12.8 กิโลเมตรต่อลิตรมาเป็น 13.5 กิโลเมตรต่อลิตร เช่นเดียวกับค่าการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงจาก 209 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรลงมาอยู่ที่ 194 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร

การเปิดตัวจะมีขึ้นปารีส มอเตอร์โชว์ 2010 และจากนั้นจะเริ่มทำตลาดทั่วโลก โดยอังกฤษทางเล็กซัสตั้งราคา IS รุ่นปรับโฉมเอาไว้ที่ 24,350-40,941 ปอนด์ หรือ 1.09-1.81 ล้านบาท

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ค่ายรถอินเดีย-จีน เปิดศึกปิกอัพเล็ก

ค่ายรถอินเดีย-จีน เปิดศึกปิกอัพเล็ก ตลาด “ปิกอัพเล็ก” นับวันขยายตัวเรื่อยๆ แต่การที่ค่ายยักษ์ใหญ่ยังไม่สนใจ ทำให้ค่ายรถรายเล็กหน้าใหม่สบช่อง โดดลงมาเปิดศึกชิงยอดดุเดือด ล่าสุด “ทาทา” จากอินเดีย ได้ฤกษ์นำเข้า “ทาทา ซูเปอร์ เอช” มาทำตลาดในไทย เปิดตัวงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 ต้นเดือนธันวาคมนี้ วางเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 1.4 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูล 70 แรงม้า เคาะราคาต่ำกว่า 3 แสนบาท มั่นใจจุดเด่นบรรทุกได้สูงสุด 1 ตัน ซึ่งมากกว่าทุกยี่ห้อจะช่วยดันยอดพุ่งเดือนละ 200 คัน ขณะที่ปิกอัพเล็กจากจีน หลังจาก “เอสเคจี โซคอน” เปิดตัวเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จนทำให้ผู้บริโภคสับสนไปหมด กับรูปลักษณ์ที่ไม่แตกต่างจากอีกแบรนด์จากจีนด้วยกัน จนทาง “ดีเอฟเอ็ม” ต้องออกมายันบริษัทแม่ที่จีน ไม่มีการร่วมทุนกับผู้ผลิตรายอื่น นอกจากรัฐบาลจีนเท่านั้น และประกาศไม่หวั่นคู่แข่งทุกราย เตรียมนำปิกอัพเล็กโมเดลใหม่ มาเปิดตัวท้าชนในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปเช่นกัน พร้อมกันนี้ยังทุ่มงบร่วม 100 ล้านบาท พัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศ ขณะที่ “วู่หลิง” ผู้บุกเบิกตลาดปิกอัพเล็ก เล็งเปิดตัวโฉมใหม่ปีหน้า พร้อมปรามรถจีนเลิกทะเลาะกัน ควรหันหน้าจับมือสู้รถสัญชาติอื่น

ปิกอัพขนาด 1 ตัน ไทยเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ค่ายรถระดับแบรนด์เนมต่างแห่เข้ามาตั้งฐานการผลิตและแย่งชิงยอดขายกันอย่างดุเดือด จนแทบจะไม่เหลือช่องให้แก่ค่ายรถรายเล็กต้องพากันดิ้นหาช่องเปิดตลาดใหม่ นำปิกอัพขนาดเล็กต่ำกว่าตันเข้ามาทำตลาดแทน ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “ซูซูกิ” นับว่าประสบความสำเร็จมาก โดยมีค่ายรถจากจีนเป็นคู่แข่งชิงยอดขาย ประกอบกับทิศทางตลาดรถเริ่มเปลี่ยนไปในปัจจุบัน ผู้บริโภคเริ่มเลือกซื้อรถตามการใช้งานมากขึ้น ทำให้ตลาดปิกอัพเล็กขยายตัวขึ้นทุกๆ ปี ปัจจุบันอยู่ที่ปีละกว่า 1.2 หมื่นคัน จนทำให้มีผู้เล่นรายใหม่ๆ ทั้งที่มาจากจีนและอินเดีย เห็นช่องทางและโดดลงชิงเค้กก้อนใหม่นี้เพิ่มขึ้น ขณะที่รายเดิมก็มีการปรับกลยุทธ์การตลาดและลงทุนเพิ่ม เพื่อรับมือกับรายใหม่ที่เข้ามาแย่งตลาด
ทาทา ซูเปอร์ เอช


ทั้งนี้มีรายงานว่าในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 ต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ “ทาทา” ค่ายรถจากอินเดีย ซึ่งเริ่มได้รับการยอมรับแบรนด์จากผู้บริโภคในไทย จนทำให้มียอดขายปิกอัพขนาด 1 ตัน “ทาทา ซีนอน” ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุดเตรียมจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ทำตลาดในไทย ด้วยการเปิดตัวปิกอัพขนาดเล็ก “ทาทา ซูเปอร์ เอช” (Tata Super Ace) สู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ

สำหรับทาทา ซูเปอร์ เอช เปิดตัวในอินเดียเมื่อเดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2552 และทางทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้นำเข้ามาเผยโฉมและสำรวจเสียงตอบรับจากผู้บริโภค ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย จะนำเข้ารถสำเร็จรูปจากอินเดียมาทำตลาดก่อน จากนั้นประมาณต้นปี 2554 จึงจะขึ้นไลน์ประกอบในไทย ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ เช่นเดียวกับปิกอัพทาทา ซีนอน เพื่อทำตลาดในไทย และส่งออกในภูมิภาคอาเซียน

จากรายงานปิกอัพเล็กโมเดลใหม่รุ่นซูเปอร์เอช ได้รับการขยายขนาดตัวถังให้ใหญ่ขึ้น จากปิกอัพรุ่น “เอช” โดยมีความยาวทั้งหมด 4,340 มม. เป็นปิกอัพขนาดเล็กพื้นเรียบ สามารถบรรทุกได้มากถึง 1 ตัน จากรุ่นเอชเดิมที่บรรทุก 0.75 ตัน วางเครื่องยนต์ดีเซล 475 IDI เทอร์โบอินเตอร์คูล ขนาด 1400 ซีซี ให้ขุมพลัง 70 แรงม้า สามารถทำความเร็วได้ถึง 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทาทา มอเตอร์ ประเทศไทย ระบุว่าปิกอัพขนาดเล็กรุ่นซูเปอร์ เอช มีความโดดเด่นที่สามารถบรรทุกได้ 1 ตัน มากกว่าปิกอัพขนาดเล็กทุกยี่ห้อในปัจจุบัน ซึ่งบรรทุกได้สูงสุดเพียง 0.75 ตัน และยังวางเครื่องยนต์ดีเซล จึงมีแรงบิดที่ดีตอบสนองการใช้งานบรรทุกได้ดีกว่า ปิกอัพเล็กเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่มาก เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล โดยในช่วงเปิดตัวงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 จะเคาะราคาพิเศษไม่เกิน 3 แสนบาท แต่หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณกว่า 2 หมื่นบาท ซึ่งทาทามอเตอร์สฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้เดือนละประมาณ 200 คัน
เอสเคจี โซคอน


นอกจากค่ายรถจากอินเดีย ทาทา มอเตอร์ส จะเปิดตัวปิกอัพขนาดเล็กสู่ตลาดแล้ว เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือ “เอสเคจี” (SKG) ได้รุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ ด้วยการนำเข้าปิกอัพขนาดเล็ก “โซคอน” (Sokon) จากจีน ในกลุ่มจงชิง โซคอน มอเตอร์ (CHONGQING SOKON MOTOR) เข้ามาทำตลาดในไทยภายใต้แบรนด์ “เอสเคจี โซคอน” (SKG Sokon) มีรุ่นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร 52 แรงม้า เฉพาะในปิกอัพตอนเดียว และรุ่น 1.3 ลิตร 82 แรงม้า สำหรับรุ่นสองตอน หรือ 4 ประตู โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.96- 4.55 แสนบาท

การเข้ามาทำตลาดของ “เอสเคจี โซคอน” สร้างความสับสนให้แก่ผู้บริโภคพอสมควร เนื่องจากมีรูปลักษณ์และทางวิศวกรรม เช่นเดียวกับปิกอัพขนาดเล็กยี่ห้อ “ดีเอฟเอ็ม” (DFM) แตกต่างเพียงโลโก้แบรนด์เท่านั้น ซึ่งทางกลุ่มเอสเคจี ประเทศไทย ได้อ้างว่าบริษัทแม่กลุ่มจงชิง โซคอน มอเตอร์ เป็นพันธมิตรและผู้ถือหุ้นร่วมกับ “ตงฟงมอเตอร์” (DONGFENG MOTOR : DFM) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ที่ผลิตรถภายใต้แบรนด์ “ดีเอฟเอ็ม”

เรื่องนี้ “พิทยา ธนาดำรงศักดิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอฟเอ็ม มินิทรัค(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไม่ทราบว่ามีการนำรถที่มีลักษณะเดียวกันเข้ามาได้อย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบกับทางตงฟงมอเตอร์ และล่าสุดพาดีลเลอร์ไปเยี่ยมชมโรงงานที่ประเทศจีน ปรากฏว่าไม่พบมีการผลิตรถยนต์ยี่ห้อดังกล่าว ในโรงงานของตงฟงมอเตอร์แต่อย่างใด และกลุ่มตงฟงมอเตอร์มีผู้ถือหุ้นร่วมที่เป็นรัฐบาลจีนเท่านั้น โดยเรื่องนี้บริษัทแม่ที่จีนรับปากจะดูแลให้
ส่วนการทำตลาดในไทยจะไม่ส่งผลกระทบแน่นอน เพราะดีเอฟเอ็มฯ ทำตลาดมา 2-3 ปีแล้ว ลูกค้าจึงเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญดีเอฟเอ็มฯ ได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้อง และได้รับการสนับสนุน ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนงบลงทุนพัฒนาเครือข่ายการจำหน่าย รวมถึงได้ยึดกฎเหล็กสำคัญตามนโยบายบริษัทแม่ที่จีน 6 ประการ คือ การพัฒนาทีมงาน ผลิตภัณฑ์ โชว์รูมและเครือข่ายการจำหน่าย การตลาด และการให้บริการ

“ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้ ดีเอฟเอ็มจะเปิดตัวปิกอัพเล็กใหม่อีกรุ่น ซึ่งจะมีความแตกต่างจากรุ่นปัจจุบัน รวมถึงกำลังพิจารณานำเข้ารถตู้มาทำตลาดเพิ่มอีกรุ่นเช่นกัน เชื่อว่าจะสนับสนุนให้ยอดขายในไทยขยายตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเรายังให้ความสำคัญกับเครือข่ายการจำหน่าย โดยได้รับงบสนับสนุนจากบริษัทแม่ส่วนหนึ่ง ในการพัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการ เป็นเงินรวมกันประมาณ 80 ล้านบาท ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะผลักดันยอดขายในปีนี้ 2,000 คัน และเพิ่มเป็น 3,000 คันในปีหน้าได้แน่นอน”

ทั้งนี้งบประมาณดังกล่าว ดีเอฟเอ็มฯ จะนำไปยกระดับการตกแต่งโชว์รูมผู้แทนจำหน่าย 40 แห่งทั่วประเทศในปัจจุบัน ด้วยการสนับสนุนทางด้านป้ายฟาส์เวีย ให้ทุกโชว์รูมมีภาพลักษณ์ของดีเอเอฟเอ็มไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือศูนย์บริการครบครัน เพื่อยกระดับมาตรฐานให้บริการรถยนต์ดีเอฟเอ็มในประเทศไทย แข็งแกร่งเทียบเท่าระดับสากล และยังจะรุกทำตลาดเน้นให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่นการทำโรดโชว์ในจังหวัดต่างๆ ขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และมุ่งเน้นอบรมทักษะของพนักงานขาย รวมถึงช่างประจำศูนย์บริการ ครอบคลุมการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย

ทางด้านค่าย “วู่หลิง” (Wuling) ผู้บุกเบิกปิกอัพขนาดเล็กจากจีนรายแรกๆ ในไทย บริษัท พีวีเอ มอเตอร์ 2056 จำกัด โดย “รมณ์ จตุรงคปัญญา” กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า เพิ่งเปิดตัว N200(Hongtu) รถตู้ทึบ 7 ที่นั่ง พร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 86 แรงม้า ราคา 3.90 - 4.55 แสนบาท ตอนนี้ได้รับความนิยมมาก ส่วนปิกอัพเล็กช่วงนี้ยังไม่รุกตลาดมากนัด และคาดว่าจะนำเข้ารุ่นปรับโฉมใหม่ มาทำตลาดในไทยปีหน้า

พร้อมกันนี้รมณ์ยังกล่าวว่า… “ปัจจุบันมีหลายผู้ประกอบการ นำแบรนด์รถจีนเข้ามาทำตลาด และมีการแข่งขันที่สูงมาก ส่วนตัวแล้วอยากให้แบรนด์จีนร่วมตัวกัน ต้องหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่ทะเลาะกัน เพราะลำพังต้องสู้กับแบรนด์ฝรั่ง และญี่ปุ่นก็หนักอยู่แล้ว”

จากคำปิดท้ายของผู้บุกเบิกตลาดปิกอัพขนาดเล็ก คงสะท้อนให้เห็นความดุเดือดของการแข่งขันได้เป็นอย่างดี!!
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

25 กันยายน 2553

“ทาทา”จัดรถบัสไฮบริด-ซีเอ็นจี รับกีฬาเครือจักรภพ

“ทาทา”จัดรถบัสไฮบริด-ซีเอ็นจี รับกีฬาเครือจักรภพ ทาทา มอเตอร์ส อินเดีย ส่งมอบรถโดยสาร “สตาร์บัส ไฮบริด” ที่ผสานการขับเคลื่อนระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ซีเอ็นจี จำนวน 4 คัน แก่บริษัทขนส่งมวลชนแห่งเดลี (ดีทีซี) เพื่อนำไปใช้อำนวยความสะดวกช่วงมหกรรมกีฬาเครือจักรภพ ต้นเดือนตุลาคมนี้
"สตาร์บัส" เครื่องยนต์ไฮบริดซีเอ็นจี-ไฟฟ้า คือ ผลของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านพลังงานทางเลือกและรถยนต์พลังไฟฟ้าของทาทา มอเตอร์ส ที่จะถูกนำมาทดลองวิ่งในช่วงการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ อังกฤษ ซึ่งจัด ณ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ระหว่าง 3-14 ตุลาคมนี้

ทาทา สตาร์บัส ไฮบริด ได้รับการออกแบบมาสำหรับการใช้งานขนส่งมวลชนในเขตเมือง โดยเครื่องยนต์มีทั้งระบบที่ใช้เชื้อเพลิงซีเอ็นจีสันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีระบบหมุนเวียนและกักเก็บพลังไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์จะใช้พลังงานจากทั้งสองระบบ และนำพลังงานที่เสียไปในการเบรคมาใช้ในการชาร์จแบตเตอรี รถรุ่นนี้ยังมีความประหยัดน้ำมันมากกว่ารถบัสทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด จึงปล่อยไอเสียน้อยลงและเป็นยานพาหนะที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
รถโดยสารไฮบริดรุ่นนี้มีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 40 เซนติเมตร มีระบบปรับอากาศ บรรทุกผู้โดยสารได้ 32 คน รวมทั้งผู้ที่ต้องนั่งรถเข็น ประตูใช้ระบบแรงดันอากาศในการเปิด-ปิด พร้อมทั้งมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการขึ้นลงรถสำหรับคนชราและคนพิการ ช่วยประหยัดเวลาในการจอดรับส่งผู้โดยสารและการเดินทาง ช่วงล่างมีระบบกันสะเทือนด้วยแรงดันอากาศแบบสองจังหวะเพื่อความนุ่มนวลในการโดยสาร นอกจากนี้ยังมีระบบถ่ายเทอากาศและปรับอุณหภูมิที่ประหยัดพลังงาน รถดังกล่าววิ่งได้ความเร็วสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตามในช่วงการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพอังกฤษ ดีทีซียังจะใช้รถโดยสารซีเอ็นจีปรับอากาศของทาทาจำนวน 600 คันในการรับส่งนักกีฬาและคณะผู้แทนประเทศต่างๆ โดยทาทา มอเตอร์ส พร้อมให้บริการซ่อมบำรุงตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยทีมวิศวกร ช่างเทคนิคและบุคลากรสนับสนุนกว่า 500 คน

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ประวัติศาสตร์จารึก!อีซูซุ ดีแมคซ์ “ซูเปอร์ ไททาเนียม”

ประวัติศาสตร์จารึก!อีซูซุ ดีแมคซ์ “ซูเปอร์ ไททาเนียม” วานนี้(23 ก.ย.) บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดตัวปิกอัพ ดีแมคซ์ “ซูเปอร์ ไททาเนียม” รุ่นใหม่(ได้อีก)ของโลก อันต่อยอดมาจาก ซูเปอร์ แพลททินั่ม และ โกลด์ ซีรีส์

สำหรับจุดเด่นที่เป็นจุดขายของ ซูเปอร์ ไททาเนียม คือการเสริมออปชันใหม่ ทั้ง Front View Camera ระบบกล้องมองภาพอัจฉริยะด้านหน้า ( ซูเปอร์ แพลททินั่ม มีด้านหลัง) เผยภาพหน้าตรงแบบกว้างพิเศษ ให้มุมมองถึง 190 องศา
โดยภาพด้านหน้าซ้าย - ขวา แบบ 2 มุมมองพร้อมกัน ช่วยให้สามารถมองเห็นวัตถุที่จะเคลื่อนตัดผ่านด้านหน้ารถจากมุมอับได้ เช่น รถจักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือเด็ก ขณะที่ภาพมุมก้มเพื่อการจอดรถ ใช้มองสิ่งกีดขวางที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับตัวรถ เช่น กองวัสดุ หรือกระถางต้นไม้ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการกะระยะขณะเข้าจอด

สำหรับภาพด้านหน้าตรง และมุมก้ม แบบ 2 มุมมอง ทำให้สามารถเห็นสิ่งกีดขวางทั้งที่อยู่ในระดับต่ำ และด้านท้ายรถคันหน้า พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยระบบกล้องมองภาพด้านหลัง Rear View Camera ช่วยให้การเข้าจอดเป็นเรื่องง่าย

นอกจากนี้ ดีแมคซ์ “ซูเปอร์ ไททาเนียม” ยังอัพเกรดซอฟท์แวร์ ไอ-จินนี่ เวอร์ชั่นใหม่ (i-GENii) ระบบนำทางอัจฉริยะ ใช้งานง่ายด้วยระบบเสียงนำทางมากกว่า 10 ภาษา พร้อมระบบแผนที่นำทาง 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) ทั้งยังพิเศษด้วย Junction View แสดงภาพป้ายถนน และทางแยกที่สำคัญในแบบเสมือนจริง พร้อม Lane Guide แสดงตำแหน่งช่องทางเดินรถ เพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง รวมถึงการอัพเดทแผนที่ล่าสุด นำทางสู่จุดหมายอย่างแม่นยำ

รวมถึงเมนูค้นหาศูนย์บริการอีซูซุ มั่นใจยิ่งขึ้นพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ สามารถโทรไปยังศูนย์บริการได้ทันที ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่เชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ ขณะเดียวกันยังเสริมจุดหมายที่น่าสนใจ (POI) กว่า 440,000 จุด ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์

ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก อีซูซุ ดีแมคซ์ “ซูเปอร์ ไททาเนียม” ปรับพอเป็นพิถี ไล่ตั้งแต่ ชุดแต่งไททาเนียม ดุดัน กับการ์ดกันชนหน้า (Bumper Guard) สีไททาเนียม ในรุ่นไฮแลนเดอร์ และสีดำ เพิ่มความเข้มบึกบึนสไตล์ออฟโรด ในรุ่น LS

ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยขอบไฟตัดหมอก-บันไดข้าง สีไททาเนียมใหม่ ในรุ่นไฮแลนเดอร์ และจะใช้สีดำ ในรุ่น LSพร้อมเสริมความหรูหราด้วยชุดโครเมี่ยม ที่ขอบหน้าต่างทั้ง 2 บาน และคิ้วกันกระแทกด้านข้าง

ชุดไฟหน้าแบบ Projector พร้อมเลนส์ไฟเลี้ยวสีขาว สคูปฝากระโปรงขอบสีเงิน เพิ่มความโฉบเฉี่ยว (ในรุ่นเครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS Turbo) กระจังหน้าโครเมี่ยมพร้อม U-Shape Under Grille เป็นเอกลักษณ์ (ในรุ่น SLX) กระจกมองข้างแบบโครเมี่ยม พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ลายก้านคู่ (Twin-spoke) ดีไซน์ปัดเงา แวววาว (ในรุ่นไฮแลนเดอร์ และ LS)

ส่วนภายในเปลี่ยนมาตรวัดเรืองแสงเป็นสีส้มแอมเบอร์ สไตล์สปอร์ต แบบ Super Vision เท่ล้ำสมัย และมองเห็นง่ายขึ้น
สามทางเลือกเครื่องยนต์ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง กับรุ่น 4JJ1-TCX 3000 Ddi VGS Turbo 163 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และชุดเกียร์ออโตเมติก “Maxmatic III” 4 สปีด

ขณะที่ 4JJ1-TC 3000 Ddi เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 146 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ออโตเมติก “Maxmatic II” 4 สปีด และ 4JK1-TC 2500 Ddi 116 แรงม้า ประกบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
เสริม 3 สีสันใหม่ ได้แก่ ทองโซลาริส ไมก้า (Solaris Mica) เงินไททาเนียม เมทาลิค (Titanium Silver Metallic) และขาวมุก (Silky White Pearl)

สำหรับ ดีแมคซ์ “ซูเปอร์ ไททาเนียม” ปรับราคาขึ้นตั้งแต่ 7,000-15,000 บาท แล้วแต่รุ่น (บางรุ่นโดยเฉพาะรุ่นล่างๆ ไม่ได้ปรับราคา) พร้อมลงโชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ 27 กันยายนนี้ เป็นต้นไป
ที่มา manager

Nissan Murano&Dualis : ปรับโฉมตัวลุย 2 สไตล์

Nissan Murano&Dualis : ปรับโฉมตัวลุย 2 สไตล์ ใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวของนิสสันในช่วงนี้คงทราบดีถึงความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาด โดยเฉพาะในตลาดเอสยูวีถือว่ามีสีสันใหม่ๆ ออกมาให้ติดตามมามายจริงๆ เพราะนอกจากการปรับโฉมให้กับเอ็กซ์-เทรล และโร๊ก เอสยูวีสำหรับขายในตลาดอเมริกาเหนือแล้ว อีก 2 รุ่นที่มีการปรับโฉมเพื่อกระตุ้นตลาดคือ คลาสใหญ่อย่างมูราโน และเอสยูวีคอมแพ็กต์อย่างดูอัลลิส
มาเริ่มกันที่ดูอัลลิสกันก่อน ซึ่งเอสยูวีรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาบนพื้นตัวถังสำหรับรถยนต์คอมแพ็กต์ หรือ C-Car จากความร่วมมือระหว่างนิสสันกับเรโนลต์ และในยุโรป ทางนิสสันส่งเอสยูวีรุ่นนี้ขายด้วยชื่อแคชไคโดยมีเป้าหมายกินรวบทั้งตลาดเก๋งในคลาส C-Segent ตัวถังแฮทช์แบ็ก และตลาดเอสยูวี โดยนับตั้งแต่เปิดตัวออกสู่ตลาดโลกปี 2007 นิสสันกวาดยอดขายของเอสยูวีรุ่นนี้ไปแล้วมากกว่า 600,000 คันทั่วโลก
การปรับโฉมครั้งนี้อยู่ที่การเพิ่มความสดใหม่ของรูปลักษณ์ภายนอกและภายในแบบที่สามารถสัมผัสถึงความแตกต่างได้ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนกันชนหน้า กระจังหน้า และไฟหน้า ส่วนด้านท้ายมีการปรับปรุงรายละเอียดของตำแหน่งสัญญาณไฟต่างๆ ใหม่ แต่กรอบไฟท้ายยังเป็นทรงเดิม ส่วนในห้องโดยสารมีการปรับรายละเอียดของแผงหน้าปัดใหม่ ขยายขนาดของหน้าจอดิจิตอลแสดงผลข้อมูลต่างๆ ของตัวรถ พร้อมกับอัพเกรดความหรูภายในห้องโดยสารด้วยการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งใหม่
ตอนนี้ เวอร์ชันที่เปิดตัวออกมายังเป็นรุ่น JDM สำหรับขายในญี่ปุ่น ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้ออัตโนมัติ พร้อมเครื่องยนต์รหัส MR20DE บล็อก 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี 137 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.4 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT พร้อมโหมด 6-Speed Manual หรือ CVT-M6 รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ามีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 15.0 กิโลเมตร/ลิตร และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้ออยู่ในระดับ 13.2 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนเวอร์ชันที่ขายในยุโรป คงต้องรออีกสักพักถึงจะทราบว่ามีอะไรให้เลือกบ้าง
ทางฟากของมูราโน มาพร้อมกับของใหม่ที่เป็น Model Year 2011 ซึ่งนิสสันเผยรายละเอียดออกมาสร้างสีสันในตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป โดยถือเป็นการปรับโฉมครั้งแรกสำหรับเจนเนอเรชันที่ 2 ของมูราโนที่เปิดตัวออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2008

ความเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่กระจังหน้าลายใหม่ ซึ่งถูกออกแบบให้รับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ต โคมไฟหน้ายังเป็นทรงเหลี่ยมเฉียงเหมือนเดิม พร้อมไฟท้ายที่ได้รับการออกแบบรายละเอียดภายในใหม่ และหันมาใช้หลอดแบบ LED และเพิ่มความหล่ออีกระดับด้วยล้อแม็กเป็นลายใหม่มีขนาด 18 นิ้ว

2 ทางเลือกของเครื่องยนต์ยังมีให้สัมผัสเหมือนเดิม คือ วี6 ทวินแคม 24 วาล์ว ในตระกูล VQ ซึ่งมีความจุ 3,500 ซีซี มีกำลังสูงสุด 260 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 33.2 กก.-ม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องแบบ CVT ในรหัส Xtronic และมีขายทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเพียงอย่างเดียว หรือ 4 ล้อ และเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลในรหัส YD25DDTi แบบ 4 สูบเรียง 2,500 ซีซี ที่สามารถผลิตกำลังออกมาได้ถึง 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 45.5 กก.-ม.

สำหรับเครื่องยนต์เบนซินมีขายในตลาดทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา ส่วนในยุโรปซึ่งมีความต้องการที่แตกต่าง นอกจากเครื่องยนต์เบนซินแล้ว จะมีเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลขายด้วย

การทำตลาดของเอสยูวี 2 รุ่น 2 สไตล์เริ่มขึ้นแล้ว โดยดูอัลลิสเวอร์ชันที่ขายในญี่ปุ่นตั้งราคาเอาไว้ที่ 2,097,000-2,514,750 เยน หรือ 775,000-930,000 บาท ส่วนมูราโนมีราคาเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกาที่ 28,340 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 878,000 บาทมากนัก

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์