25 มิถุนายน 2553

Lexus IS250 และ 350 Sedan ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ภาพจากโบรชัวร์ เตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้


Lexus IS250 และ 350 Sedan ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ภาพจากโบรชัวร์ เตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้
ช่วงนี้มีภาพหลุดของ Lexus IS250 และ IS350 Sedan รุ่นไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ออกมากระตุ้นต่อมอยากของสาวก Lexus หรือคนที่กำลังมีแผนจะซื้อรถรุ่นนี้อยู่ จากภาพที่ค่อนข้างจำกัดเพียง 3 ภาพ จะเห็นว่า Lexus IS ตัวใหม่นี้ใช้ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ที่มีไฟวิ่ง LED โดยส่วนล่างของกันชนหน้าที่มาพร้อมไฟตัดหมอกแบบกลมก็ได้รับการออกแบบใหม่เช่นกัน สำหรับภายในว่ากันว่ามีการอัพเกรดในบางส่วน

Lexus IS รุ่นใหม่ที่จะขายในญี่ปุ่นนี้เป็นการเพิ่มเข้าไปในรุ่น F-Sport Grade อย่างที่ Lexus ทำในตลาดอังกฤษเช่น รุ่น IS 250 และ 220d แต่ F-Sport Grade ในญี่ปุ่นจะมีกันชนหน้าดีไซน์ใหม่และระบบกันสะเทือนสไตล์สปอร์ทที่พัฒนาขึ้นมาโดยทีมสร้าง Lexus LFA ด้วย รายละเอียดและภาพเพิ่มเติมคงมีการปล่อยออกมาในเร็ววันนี้ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ที่มา: ameblo , www.autospinn.com

มาแล้ว!"แอคคอร์ด ปรับโฉม"เมืองไทยเจอกันปลายปี


มาแล้ว!"แอคคอร์ด ปรับโฉม"เมืองไทยเจอกันปลายปี
เดินหน้ามาถึงช่วงเวลากระตุ้นยอดขายกันอีกครั้ง สำหรับรถยนต์ครอบครัวในตระกูลแอคคอร์ดของฮอนด้า โดยในตอนนี้ทางฝั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแอคคอร์ดโฉมเดียวกับที่ขายในเมืองไทย เผยภาพของแอคคอร์ด ไมเนอร์เชนจ์ออกมาแล้ว โดยจะเริ่มขายในเมืองลุงแซมช่วงเดือนสิงหาคมนี้

แอคคอร์ดรุ่นนี้เป็นเจเนอเรชันที่ 8 โดยเปิดตัวทำตลาดมาตั้งแต่ปลายปี 2007 ซึ่งในสหรัฐอเมริกามีขายทั้งตัวถังคูเป้, ซีดาน และรุ่นแฮทช์แบ็กคันโตในชื่อครอสส์ทัวร์ ส่วนการปรับโฉมครั้งนี้มีเฉพาะความเปลี่ยนแปลงกับ 2 ตัวถังแรกเท่านั้น

ในจุดของความเปลี่ยนแปลงสำหรับรุ่นซีดานจะพบกับความแปลกใหม่ของรูปลักษณ์ด้านหน้าอย่างชัดเจนกับชุดกระจังหน้าแบบใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้สอดรับกับกันชนหน้าซึ่งเน้นความสปอร์ต ขณะที่ไฟหน้ายังเป็นทรงเดิม ส่วนด้านท้ายมากับการเพิ่มแถบแผงทับทิมบนฝากระโปรงหลังตรงบริเวณพื้นที่ว่างระหว่างไฟท้ายกับกรอบป้ายทะเบียน

เครื่องยนต์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านแรงม้า ซึ่งขุมพลังแบบ 4 สูบเรียง 2,400 ซีซี ยังมากับ 2 ทางเลือกเหมือนเดิม คือ 177 และ 190 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์วี6 ความจุ 3,500 ซีซี มีกำลังสูงสุด 271 แรงม้า แต่ทางฮอนด้าเผยว่าจากการปรับปรุงในด้านความเพรียวลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ และการปรับอัตราทดของเกียร์แต่ละตำแหน่งจะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นจากรุ่นเดิม โดยที่เกียร์ก็มีให้เลือกเหมือนเดิมทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 5 จังหวะ

สำหรับบ้านเราความเปลี่ยนแปลงน่าจะมีขึ้นในเร็วๆนี้ เพราะแอคคอร์ดตัวถังนี้ก็เปิดตัวขายตามหลังตลาดสหรัฐอเมริกาไม่นาน และปกติฮอนด้ามักจะเปิดตัวในไทยแบบทิ้งระยะจากตลาดต่างประเทศไม่นานเท่าไร หรือคาดว่าจะเปิดตัวภายในปลายปีนี้
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

23 มิถุนายน 2553

New Honda Jazz Active Plus มาพร้อมชุดแต่งรอบค้นจากญี่ปุ่น ราคาเริ่มต้น 6.795 แสน 2 รุ่น 3 สี


New Honda Jazz Active Plus มาพร้อมชุดแต่งรอบค้นจากญี่ปุ่น ราคาเริ่มต้น 6.795 แสน 2 รุ่น 3 สี
จะปล่อยให้ Mazda 2 กับ Nissan March ออกมาเบียดตลาดรถซับคอมแพคท์กันอย่างสนุกสนานกวาดเงินจากการขายรถประหยัดน้ำมันอยู่ฝ่ายเดียว(2 ค่าย)ก็คงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้สำหรับ Honda ที่มี Jazz เป็นรถหนึ่งในผู้นำตลาด Hatchback ขนาดเล็ก ล่าสุดได้กระตุ้นตลาดโดยการเปิดตัว Honda Jazz Active Plus ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคันนำเข้าจากญี่ปุ่น ล้ออัลลอยขอบ 15 นิ้ว ป้าย Active Plus มี 2 รุ่นให้เลือกตามข่าวจาก Honda ครับ

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เอาใจผู้รักความสปอร์ตด้วยการแนะนำฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น “Active Plus” มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยเน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวและทันสมัย สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ยังเพิ่มอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย พร้อมป้ายสัญลักษณ์ “Active Plus”

ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น “Active Plus” เปี่ยมด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร 120 แรงม้าที่มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน ให้ความสปอร์ต ปราดเปรียวและทันสมัย ด้วยกันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ รุ่น “Active Plus” ซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นกับกระจังหน้าและสเกิร์ตข้างแบบ สปอร์ต สปอยเลอร์หลังและล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต พร้อมป้ายสัญลักษณ์ “Active Plus”

ส่วนด้านความปลอดภัย ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น “Active Plus” ยังเพิ่มความสว่างขณะขับขี่ในช่วงหมอกลงจัดด้วยไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ และสัญญาณกะระยะหลัง 4 จุด ซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น “Active Plus” มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น V AT ราคา 679,500 บาท และรุ่น V AT (SRS) ราคา 699,500 บาท และมี 3 สี ได้แก่ สีขาวทาฟเฟต้า, สีเหลืองเฮลิออส (มุก) และสีฟ้าเซรูเลียน (เมทัลลิก) สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการฮอนด้า ทั่วประเทศ

ที่มา: Honda, www.autospinn.com

21 มิถุนายน 2553

Audi S5 Sportback Grand Prix สปอร์ทคูเป้ 5 ประตูแต่งสมรรถนะ 375 แรงม้า โดย Senner Tuning


Audi S5 Sportback Grand Prix สปอร์ทคูเป้ 5 ประตูแต่งสมรรถนะ 375 แรงม้า โดย Senner Tuning
Senner Tuning ได้ปล่อยชุดแต่ง Grand Prix สำหรับ Audi S5 Sportback รุ่นใหม่ ที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์จากเครื่องยนต์เบนซิน TSI 3.0 ลิตร รุ่นมาตรฐานที่มีกำลัง 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ให้กระโดดขึ้นไปเป็น 375 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 495 นิวตันเมตร สมรรถนะที่แรงขึ้นเนื่องมาจากการปรับจูนกล่อง ECU ใช้ตัวกรองอากาศตัวใหม่ พร้อมระบบไอเสียสไตล์สปอร์ทที่ออกแบบมาเป็นพิเศษพร้อมปลายท่อ 4 ชุด

Audi S5 Sportback Grand Prix รุ่นนี้ยังได้รับการติดตั้งชุดสปริงสไตล์สปอร์ทที่โหลดเตี้ยรถได้มากถึง 40 มิลลิเมตร นอกจากนั้นยังใช้ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้วชุดใหม่ที่หุ้มด้วยยางขนาด 245/30 สำหรับล้อหน้าและขนาด 295/25 สำหรับล้อหลัง ส่วนภายในตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ครับ

ที่มา: Senner Tuning , www.autospinn.com

Gazal 1 รถ SUV ซาอุฯ จากแนวคิดสู่ความเป็นจริง ใช้พื้นฐานของ G-Class เล็งขาย 2 หมื่นคันต่อปี


Gazal 1 รถ SUV ซาอุฯ จากแนวคิดสู่ความเป็นจริง ใช้พื้นฐานของ G-Class เล็งขาย 2 หมื่นคันต่อปี
ฝันของกษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดิอาระเบียเป็นจริงขึ้นมาแล้ว โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านได้ประกาศความพร้อมในการผลิต Gazal 1 รถ SUV ที่เคยอวดโฉมในงาน Geneva Motor Show เมื่อต้นปี แต่ในขณะนั้นยังเป็นเพียงรถแนวคิดอยู่ ซึ่ง Gazal 1 ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นมาโดยกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย King Saud University ในเมืองริยาดห์ โดยความช่วยเหลือจาก Magna Steyr และ Studiotorino

Gazal 1 มีรูปร่างหน้าตาที่้อาจจะดูคล้าย Toyota FJ Crusier แต่จริงๆแล้วได้รับพื้นฐานมาจาก Mercedes-Benz G-Class ขับเคลื่อนโดยเครื่้องยนต์ V8 และถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับสภาพอากาศของซาอุดิอาระเบียและประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยคาดว่าจะทำยอดขายได้ปีละไม่ตำกว่า 20,000 คัน!
ที่มา: arabnews, www.autospinn.com

19 มิถุนายน 2553

“ทาทา” ปลื้มปิกอัพซีเอ็นจีตรงใจลูกค้า

“ทาทา” ปลื้มปิกอัพซีเอ็นจีตรงใจลูกค้า
ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เผยยอดขายรถปิกอัพประจำเดือนพฤษภาคม 2553 รวมทั้งสิ้น 433 คัน เป็นอันดับ 6 ในตลาดรถปิกอัพของไทย พร้อมเดินหน้าโดยตอกย้ำจุดเด่นการเป็นผู้ผลิตรถปิกอัพรายแรกที่แนะนำรถปิกอัพเครื่องยนต์ซีเอ็นจีแท้ทั้งระบบจากโรงงาน รวมทั้งปิกอัพที่มีกระบะพื้นเรียบเปิดได้ถึง 3 ด้าน เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ

นายอาจิต เวนคาทารามัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ยอดขายรถปิกอัพของทาทามีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 300 คันในแต่ละเดือนตามแผนที่ได้วางไว้ และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาสามารถจำหน่ายได้ 433 คัน เป็นอันดับ 6 ของตลาด ทั้งนี้ ทาทาเป็นผู้ผลิตรายแรกในตลาดรถยนต์เมืองไทยที่แนะนำรถปิกอัพเครื่องยนต์ซีเอ็นจี/เอ็นจีวีแท้ทั้งระบบจากโรงงาน คือรุ่น ‘ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี’ ซึ่งช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรุ่น “ซีนอน ไจแอนท์ ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” ที่มีถังก๊าซ 3 ถังวางไว้ใต้พื้นกระบะขนาดใหญ่ พื้นกระบะเรียบไม่ติดซุ้มล้อ พร้อมเปิดได้ 3 ด้าน เพื่อความสะดวกในการใช้งานขนส่งเชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง
“ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารถปิกอัพทาทา ซีนอน ได้รับการยอมรับมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าชาวไทยที่ต้องการรถปิกอัพสำหรับใช้งานเชิงพาณิชย์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดต้นทุน และบำรุงรักษาง่าย เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนายานพาหนะที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพของรถยนต์ทาทา เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต” นายอาจิต กล่าวทิ้งท้าย
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

New Honda Odyssey รุ่นปี 2011 มินิแวน 8 ที่นั่ง ปราดเปรียวขึ้น ฟังค์ชั่นเพียบ เตรียมบุกอเมริกาแล้ว


New Honda Odyssey รุ่นปี 2011 มินิแวน 8 ที่นั่ง ปราดเปรียวขึ้น ฟังค์ชั่นเพียบ เตรียมบุกอเมริกาแล้ว
Honda ได้เผยภาพ Odyssey รถ Minivan รุ่นปี 2011 เป็นที่เรียบร้อยพร้อมรายละเอียดทางเทคนิคทั่วไปของรถ 8 ที่นั่งรุ่นนี้ หลังจากที่เผยโฉมเวอร์ชั่นแนวคิดในงาน Chicago Motor Show ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Honda จะเริ่มจำหน่าย Odyssey ในสหรัฐอเมริกาช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึง รูปลักษณ์ใหม่ของ Odyssey อาจจะไม่ดูเท่เหมือนรถสปอร์ท แต่ด้วยเส้นหลังคาที่ลาดต่ำลง 1.6 นิ้วก็พอจะทำให้รถรุ่นนี้ดูปราดเปรียวขึ้นมาพอสมควร

Honda Odyssey รุ่นล่าสุดนี้จะมีความกว้างมากกว่ารุ่นปัจจุบัน และมีฟังค์ชั่นต่างๆรวมถึงพื้นที่ภายในที่มากขึ้น นอกจากนั้นแล้วระบบส่องสว่างภายในก็มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ฟังค์ชั่นที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การรองรับเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงสำหรับจอภาพ Wide Screen ความละเอียดหน้าจอสูง โดยสามารถแบ่งจอเพื่อแสดงผลได้ด้วย มีระบบนำทางผ่านดาวเทียมของ Honda พร้อมฟังค์ชั่นสั่งการทางเสียง ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม AM/FM/XM/CD พร้อมลำโพง 12 ตัว เบาะที่นั่งหุ้มหนังพร้อมระบบทำความอุ่นสำหรับเบาะหน้า ที่นั่งคนขับปรับตำแหน่งได้ 10 แบบ พร้อมหน่วยความจำ ม่านบังแดดสำหรับที่นั่งแถว 2 และ 3 มีที่วางแก้วน้ำ 15 จุด ประตูหลังไฟฟ้า และอื่นๆอีกหลายจุดที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น

หัวใจของ Odyssey เป็นเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC™ V6 3.5 ลิตร พร้อมระบบจัดการลูกสูบแปรผันแบบ 3 โหมด ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเครื่องยนต์ทางเลือกที่เล็กที่สุด โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 19 ไมล์/แกลลอนสำหรับการขับในเมือง และ 28 ไมล์/แกลลอนสำหรับการขับนอกเมือง Odyssey วิ่งบนล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้วที่มาพร้อมดิสก์เบรคขนาด 12.6 นิ้ว เจาะรูระบายความร้อน สำหรับเรื่องราคา Honda ยังไม่เปิดเผยในขณะนี้ครับ

ที่มา: Honda,www.autospinn.com

Hydro Kultur Nios รถต้นแบบพลังงานไฮโดรเจน ผลงานกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์จากเยอรมันนี


Hydro Kultur Nios รถต้นแบบพลังงานไฮโดรเจน ผลงานกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์จากเยอรมันนี
Hydro Kultur Nios ที่เห็นอยู่นี้เป็นรถต้นแบบพลังงานไฮโดรเจนที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรถรายการ Shell Eco Marathon ประจำปี 2010 ในประเภทรถแนวคิดซิตี้คาร์ Nios ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเยอรมันนี 3 แห่งคือ University of Art and Design จากเมือง Halle, The Technical University Chemnitz และ The College of Further Education จากเมือง Merseburg

โครงสร้างของรถพลังงานไฮโดรเจนคันนี้ทำด้วยไม้ที่มีน้ำหนักรวม 18.5 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักของรถทั้งคันอยู่ที่ 400 กิโลกรัม รองรับผู้โดยสาร 2 คน โดยมีที่นั่งแบบเรียงหน้าหลัง ซึ่งผู้ขับจะอยู่ด้านหน้า Nios ใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวที่มีแหล่งพลังงานเป็นส่วนผสมระหว่างไฮโดรเจนและออกซิเจนที่ถูกเก็บอยู่ในตัวคัดกรองและแยกอากาศซึ่งติดตั้งในตัวรถ เห็นแล้วก็อดนึกอิจฉานักศึกษาต่างประเทศไม่ได้ ที่มักจะมีสปอนเซอร์รายใหญ่ๆสนับสนุนเรื่องเงินทุนในการวิจัยอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา: diseno-art, www.autospinn.com

17 มิถุนายน 2553

เผยโฉม All-New Opel Astra Sports Tourer รุ่นปี 2011 เจนเนอเรชั่นใหม่ สดใสไฉไลมากกว่าเดิม

เผยโฉม All-New Opel Astra Sports Tourer รุ่นปี 2011 เจนเนอเรชั่นใหม่ สดใสไฉไลมากกว่าเดิม
General Motors ตัดสินใจเผยโฉม All-New Opel Astra Sports Tourer รถ Station Wagon รุ่นใหม่ล่าสุดก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่งาน Paris Motor Show ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม ปลายปีนี้ และเตรียมลุยตลาดยุโรปต่อในเดือนพฤศจิกายน Opel Astra หรือ Vauxhall Astra รุ่นนี้มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับรุ่น Insignia Sports Tourer และต่างจาก Astra เจนเนอเรชั่นก่อนหน้านี้ที่ออกจะเป็นเหลี่ยมเป็นมุม รูปลักษณ์ใหม่นี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นซึ่งเป็นผลงานการออกแบบที่นำทีมโดย Mark Adams

Opel/Vauxhall Astra รุ่นใหม่นี้มีขนาดเดียวกับเวอร์ชั่น Hatchback 5 ประตูของ Astra โดยมีฐานล้อยาว 2,685 มิลลิเมตร และระยะระหว่างล้อหน้าอยู่ที่ 1,544 มิลลิเมตร ในขณะที่ของล้อหลังอยู่ที่ 1,558 มิลลิเมตร และแม้ว่า GM จะยังไม่เผยภาพภายในของ Sports Tourer ตัวนี้ แต่คาดกันว่าภายในน่าจะไม่หนีไปจากรุ่น Hatchback 5 ประตูอีกเช่นกัน บริษัทฯเผยว่าปริมาตรความจุของห้องเคบินมีขนาดใหญ่กว่า Astra รุ่นก่อนถึง 50% คือ มีปริมาตรความจุที่ 75 ลิตร

Astra Sports Tourer หรือ Astra ST รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบเบาะหลังแบบ FlexFold ที่สามารถพับเบาะหลังลงได้แบบ 60/40 โดยเพียงแค่กดปุ่มที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างของห้องเก็บสัมภาระ และจากการที่มีการพับเบาะหลังลงได้นี้ทำให้ความยาวของห้องเก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นไปเป็น 1,835 มิลลิเมตร มากกว่า Astra ST รุ่นปัจจุบัน 28 มิลลิเมตร โดยปริมาตรความจุสัมภาระสามารถปรับได้ระหว่าง 500-1,550 ลิตร ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ Volkswagen Golf แล้ว จะอยู่ที่ 560-1,550 ลิตร
สำหรับตลาดยุโรป Astra ST จะมีระบบขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรวม 8 รุ่นด้วยกัน โดยมีกำลังตั้งแต่ 94 ไปจนถึง 177 แรงม้า ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1.4 ลิตรแบบใหม่ ที่ให้กำลัง 118 หรือ 138 แรงม้า(ตามรุ่นที่เลือก) และเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร CDTI 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร(เมื่อมีการใช้งานฟังค์ชั่น Overboost) โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 5.1 ลิตร/100 กิโลเมตร และมีอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศที่ 134 กรัม/กิโลเมตร ระบบส่งกำลังของ Astra ST ตัวใหม่จะเป็นเกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ 6 จังหวะให้เลือกซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ
ระบบ Start-Stop จะมีใช้กับ Astra ST รวมถึง Astra รุ่นอื่นๆทุกรุ่นในอนาคนอันใกล้นี้ โดยจะเริ่มใช้ระบบ ecoFLEX กับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.3 ลิตร CDTI ซึ่งให้กำลัง 95 แรงม้า Astra ST จะถูกผลิตขึ้นในโรงงานของบริษัทฯในประเทศอังกฤษครับ
คลิปโฆษณา All-New Opel Astra Sports Tourer ปี 2011

2011 Opel Astra Sports Tourer

ที่มา autospinn.com

16 มิถุนายน 2553

Honda CR-Z สปอร์ตดุดันแต่หัวใจสีเขียว

Honda CR-Z สปอร์ตดุดันแต่หัวใจสีเขียว
ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ เมื่อปลายปี 2552 ที่ผ่านมา ฮอนด้าโชว์ไฮไลต์ ฮอนด้า ซีอาร์-ซีร์ (Honda CR-Z) รถพลังงานไฮบริดรุ่นใหม่ ที่ขับขี่ได้สนุกสนานเหมือนรถสปอร์ตขนาดคอมแพ็กต์ โดยใช้เครื่องยนต์ลูกผสมแบบไฮบริด ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ซึ่งล่าสุด BRG รามคำแหง กรุ๊ป ผู้นำเข้าอิสระรายใหญ่ ที่ริเริ่มโครงการ Green Machine เพื่อร่วมอนุรักษ์ใส่ใจโลก โดยเมื่อต้นปี 2552 ได้นำเข้า ฮอนด้า อินไซต์ มาเปิดตลาดรถไฮบริดก่อนหน้านี้ และตามด้วยการนำเข้า ฮอนด้า ซีอาร์-ซีร์ ใหม่ สดจากญี่ปุ่น มาให้คนไทยได้เป็นเจ้าของด้วยราคา 2.49 ล้านบาท แต่ในโปรโมชันพิเศษ ช่วงเปิดตัว รับส่วนลดเงินสดทันที 200,000 บาท เหลือเพียง 2.29 ล้านบาทเท่านั้น
ฮอนด้า ซีอาร์-ซีร์ ออกแบบให้เป็นรถพลังงานไฮบริดแฮตช์แบ็ก 3 ประตู ดูโฉบเฉี่ยวสไตล์รถสปอร์ตขนาดคอมแพ็กต์ รูปลักษณ์ สวยสะดุดตา ไฟหน้าแบบ HID ออกแบบให้เฉี่ยว คม รับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ มองดูเหมือนปลากระเบนใจดี มอนต้า เรย์ ทีมวิศวกรออกแบบให้ผู้ขับขี่สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติด้วยหลังคาแก้วที่ลากยาวจากกระจกหน้าจนถึงด้านท้ายรถที่ออกแบบให้ตัดลง เหมือนเตารีด สร้างความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร กระจกบานหน้าแบบตัดรังสี UV และป้องกันการเกาะตัวของหยดน้ำ ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน ให้ความรู้สึกดุดันของรถสปอร์ตอย่างเต็มที่
เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปนั่งในห้องโดยสารของฮอนด้า ซีอาร์-ซีร์ ก็แทบหลงรักรถไฮบริดคันนี้ เสียแล้ว แผงมาตรวัดด้านหน้าออกแบบเป็น 3 มิติ สีน้ำเงิน สวย ดูเหมือนแผงควบคุมของยานอวกาศ ปุ่มต่างๆบนแผงคอนโซลหน้าออกแบบให้ขลิบไฟสีน้ำเงิน ดูล้ำอนาคตมาก เมื่อขับรถช่วงกลางคืน พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงคุณภาพสูง ซึ่งทำให้เป็นเนวิเกเตอร์และมอนิเตอร์กล้องส่องหลังเวลาถอยจอด ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมระบบกรองอากาศป้องกันภูมิแพ้,ปุ่ม Start/Stop พร้อม Keyless Entry เบาะนั่งแถวหลังยังสามารถพับเก็บได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระให้มากขึ้น
ดูเหมือนวิศวกรตั้งใจจะออกแบบฮอนด้า ซีอาร์-ซีร์ ให้มี3 อารมณ์ในรถคันเดียวกัน เพราะสามารถใช้สไตล์การขับขี่ได้ 3 โหมด คือ ECO ที่ขับขี่แบบประหยัดพลังงาน รอบเครื่องค่อยๆไต่ขึ้นอย่างช้าๆ NORMAL ขับขี่แบบทั่วๆไป ซึ่งให้อัตราเร่งที่ค่อยข้างโอเค แต่โหมดที่น่าสนใจที่สุดคือ SPORT ระบบจะสั่งการปรับเปลี่ยนเกียร์ให้ลากยาวมากขึ้น เพื่อดึงแรงบิดมาใช้งานให้เต็มที่ เครื่องยนต์ 1496 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดที่ 113 แรงม้า ที่6,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุด 144 นิวตัน-เมตรที่ 4,800 รอบ/นาที เมื่อทำงานกับมอเตอร์ไฮบริด ให้แรงม้าสูงสุด 14 แรงม้าที่ 1,500รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 78 นิวตัน-เมตร ที่ 1,000 รอบ/นาที และถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ CVT 7 สปีด ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ เกาะโค้งได้หนึบ แน่น เสียงเครื่อง ดุดัน หวานหู สไตล์รถสปอร์ตด้วยขนาดที่กะทัดรัด และรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดแค่ 5 เมตร ทำให้ขับขี่ได้สนุก คล่องตัวมากในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรคับคั่ง
ในด้านความปลอดภัย ฮอนด้า ซีอาร์-ซีร์ มีมาให้อย่างครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยแบบ i-SRS สำหรับคนขับและถุงลมนิรภัยด้านข้าง พร้อมม่านถุงลมนิรภัย ,ระบบเบรก ABS ,ระบบกระจายแรงเบรก EBD,ระบบป้องกันการลื่นไถล VSA,ระบบควบคุมการทรงตัว TSC ,ระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control ,ระบบป้องกันการโจรกรรมพร้อมสัญญาณกันขโมย
โดยภาพรวมแล้ว ฮอนด้า ซีอาร์-ซีร์ คือรถสปอร์ตขนาดคอมแพ็กต์ที่โดดเด่น ล้ำสมัย ที่วิศวกรออกแบบให้ใช้พลังงานของเครื่องยนต์มาทำงานผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างชาญฉลาด ระบบ Auto stop ดับเครื่องยนต์เมื่อเหยียบเบรก ทำให้ช่วยประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง25 กม./ลิตร ให้อารมณ์การขับขี่ได้ตั้งแต่ประหยัดพลังงานจนถึงการขับขี่อย่างสนุกสนาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,530 13-15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Audi R8 e-Tron ซุปเปอร์คาร์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า โชว์เทคโนโลยีที่ 24 Hours of Le Mans


Audi R8 e-Tron ซุปเปอร์คาร์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า โชว์เทคโนโลยีที่ 24 Hours of Le Mans
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Audi ได้อวดแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยี e-Tron ผ่าน R8 ซุปเปอร์คาร์ที่ถูกใช้เป็นรถต้นแบบในรายการแข่งขันรถสปอร์ทที่สำคัญที่สุดรายการหนึ่งของปีซึ่งก็คือ 24 Hours of Le Mans ที่ได้นักขับระดับแชมป์รายการ Le Mans 5 สมัยอย่าง Frank Biela มาช่วยขับรถสปอร์ทพลังงานไฟฟ้าคันนี้ จุดประสงค์ของการขับโชว์ในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาแหล่งพลังงานและสมรรถนะของรถจาก Audi ในอนาคต

Audi R8 e-Tron คันนี้มีขนาดความยาว 4.4 เมตร กว้าง 1.9 เมตร และสูง 1.25 เมตร โดยมีฐานล้อยาว 2.65 เมตร ชุดแบตเตอรี่ถูกติดตั้งไว้ด้านหลังห้องผู้โดยสารเพื่อให้อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของจุดศูนย์ถ่วงและให้เกิดการกระจายน้ำหนักในอัตราส่วน 42 ต่อ 58 มอเตอร์ทั้ง 4 ตัวจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนเพลาหน้าและหลังด้วยกำลังสูงสุดที่ 230 กิโลวัตต์หรือประมาณ 308 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดมหาศาลที่ 4,500 นิวตันเมตร กำลังรถกว่า 70% จะถูกส่งไปยังด้านหลัง ทาง Audi อ้างว่า R8 e-Tron คันนี้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 4.8 วินาที ซึ่งถือว่าทำได้ดีทีเดียวสำหรับรถพลังงานไฟฟ้า

การชาร์จแบตเตอรี่สามารถทำได้โดยการใช้ไฟบ้านขนาดแรงดัน 230 โวลท์เป็นเวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้แรงดันไฟแบบแรงสูงขนาด 400 โวลท์ ก็สามารถลดเวลาลงเหลือเพียง 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนั้นยังสามารถเลือกชาร์จไฟจากระบบพลังงานหมุนเวียนของรถได้อีกด้วย ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าเทคโนโลยี e-Tron จะถูกนำเข้าสู่สายการผลิตจริงได้เมื่อไร แต่ด้วยการแข่งขันเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ดุเดือดเข้มข้นในปัจจุบัน เราคงได้เห็น Audi R8 e-Tron วิ่งบนถนนภายในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา: Audi , www.autospinn.com

15 มิถุนายน 2553

ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่น “อินดิโก อี-ซีเอส”

ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่น “อินดิโก อี-ซีเอส” ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่น “อินดิโก อี-ซีเอส”ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งแบบซีดานที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในอินเดีย
รถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นอินดิโก ซีเอส ซึ่งเป็นรถเก๋งแบบซีดานขนาดกะทัดรัดที่สุดในโลกและขายดีที่สุดในอินเดียเมื่อนำออกจำหน่ายในปีพ.ศ. 2551 อีกทั้งยังช่วยให้ทาทาสามารถบุกตลาดใหม่ในระดับบน เจาะกลุ่มคนหนุ่มสาววัยทำงานที่ต้องการความคล่องตัวสูง ที่ผ่านมา ทาทา อินดิโก ซีเอส ครองตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางระดับพื้นฐานในอินเดียได้เกือบ 2 ปี โดยชูจุดเด่นที่การเป็นรถแบบซีดานที่มีความกะทัดรัดที่สุดในตลาด รวมถึงได้รับเสียงชื่นชมเกี่ยวกับการออกแบบที่ดูดีมีระดับและราคาจำหน่ายที่ประหยัดคุ้มค่ากว่ารุ่นอื่น สำหรับอินดิโก อี-ซีเอส ได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการเป็นรถเก๋งแบบซีดานที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในอินเดีย ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล CR4 รุ่นใหม่ขนาด 1.4 ลิตร สามารถแล่นได้ 23.03 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร สูงสุดในหมู่ซีดานที่มีจำหน่ายในอินเดีย รถรุ่นนี้มีให้เลือก 4 สี พร้อมการรับประกัน 18 เดือน ไม่จำกัดระยะทาง จำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายของทาทา 239 แห่งทั่วประเทศอินเดีย โดยรุ่น eGLS เครื่องยนต์เบนซิน ราคา 407,000 รูปี (309,320 บาท) และรุ่น eLX เครื่องยนต์ดีเซล ราคาสูงสุดไม่เกิน 513,000 รูปี (389,880 บาท)

ที่มาโดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

โหดไปไหม? Ferrari 360 Modena ขอหวานแก้เลี่ยน แต่ง Hello Kitty รอบคัน ท้าสายตาที่จาการ์ต้า


โหดไปไหม? Ferrari 360 Modena ขอหวานแก้เลี่ยน แต่ง Hello Kitty รอบคัน ท้าสายตาที่จาการ์ต้า
การแต่งซุปเปอร์คาร์อาจจะไม่ต้องให้ดูเท่หรือดูโหดเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบและรสนิยมของเจ้าของรถเป็นหลัก แต่ใครจะไปคาดคิดว่า การแต่งจะออกมาแนวหวานคิขุอย่าง Ferrari 360 Modena ที่แต่งเบาๆด้วยรูปของตัวการ์ตูนน่ารักอมตะอย่าง Hello Kitty ที่มีคนเก็บภาพรถคันนี้ได้ในกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียนี่เอง เรียกว่างานนี้แต่งรอบคันทั้งนอกและในกันเลยทีเดียว ใครที่มี Ferrari ในครอบครองอยากจะเอาไปใช้แต่งรถตัวเองบ้างก็ไม่มีค่าลิขสิทธิ์นะครับ แต่ถ้าแต่งจริง ก็อย่าลืมส่งรูปมาแบ่งกันดูด้วยก็แล้วกัน


ที่มา: Detikoto, www.autospinn.com

14 มิถุนายน 2553

BMW Z4 sDrive35is โรดสเตอร์พันธุ์ดุ8.39ล้านบาท


BMW Z4 sDrive35is โรดสเตอร์พันธุ์ดุ8.39ล้านบาท
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัวสปอร์ตโรดสเตอร์ BMW Z4 sDrive35is ที่มาพร้อมความแรงระดับ 340 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ DCT 7-สปีด คลัทช์คู่ ราคา 8,399,000 บาท

BMW Z4 sDrive35is ปรับแต่งทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบพวงมาลัย ระบบท่อไอเสีย เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้สูงขึ้น อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดด้านดีไซน์ เพื่อสะท้อนถึงคาร์แรคเตอร์ของโรดสเตอร์พันธุ์ดุ

เครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียงขนาด 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยระบบเทอร์โบคู่ สามารถให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500- 4,500 รอบต่อนาที พร้อมปรับแต่งระบบดูดอากาศ และเพิ่มกำลังอัดของระบบเทอร์โบ เพื่อให้สามารถป้อนอากาศให้กับเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันตัวบล็อกเครื่องยนต์ ยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อรับกับกำลังที่เพิ่มขึ้นด้วย

BMWยังเพิ่มฟังก์ชั่น Overboost สำหรับเทอร์โบ ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถผลิตแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 50 นิวตัน-เมตร เป็น 500 นิวตัน-เมตร สำหรับเวลาเร่งแซงโดยเฉพาะ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 4.8 วินาที

ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัทช์คู่ DCT 7-สปีด สามารถปรับโหมดการใช้งานได้ทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา ฟลายวีลได้รับการปรับเป็นแบบ Two-mass เพื่อให้สามารถรับแรงบิดสูงของเครื่องยนต์ ทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่น Launch Control สำหรับผู้ขับที่ต้องการออกตัวให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับระบบท่อไอเสียก็ได้รับการปรับแต่งเพื่อให้ได้เสียงทุ้ม นุ่มลึก โดยอาศัยการออกแบบท่อทางเดินอากาศและหม้อพักไอเสียเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้เสียงความถี่ต่ำ ให้ความรู้สึกถึงพลังที่ซ่อนอยู่ของโรดสเตอร์พันธุ์ดุ โดยที่ไม่ดังส่งเสียงรบกวนจนน่ารำคาญ

BMW Z4 sDrive35is มาพร้อมเทคโนโลยี EfficientDynamics โดดเด่นด้วยสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 11.1 กม./ลิตร และอัตราการคายไอเสีย CO2 210 กรัม/กม. ด้วยะบบฉีดน้ำมันตรงเข้าห้องเผาไหม้ HPI High Precision Injection ของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งมีความพิเศษตรงที่การวางตำแหน่งของหัวฉีดไว้ตรงกลางหัวกระบอกสูบ ตำแหน่งของหัวฉีดดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างวาล์วและใกล้หัวเทียน ช่วยให้การเผาไหม้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

นอกจากเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงและระบบบริหารเครื่องยนต์อัจฉริยะ เช่น ระบบปั๊มน้ำและปั๊มน้ำมันเครื่องแบบ On-demand แล้ว ยังมีระบบ Brake Energy Re-generation ซึ่งเป็นการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับระบบต่างๆ ภายในรถด้วย

BMW Z4 sDrive35is สนนราคา 8,399,000 บาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม BSI BMW Service Inclusive 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร
BMW Z4 sDrive35is โรดสเตอร์พันธุ์ดุ8.39ล้านบาท
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เผยโฉม NCR Millona M16 มอเตอร์ไซค์แต่ง พื้นฐานจาก Desmosedici RR ทะลุ 200 แรงม้า


เผยโฉม NCR Millona M16 มอเตอร์ไซค์แต่ง พื้นฐานจาก Desmosedici RR ทะลุ 200 แรงม้า
NCR สำนักแต่งมอเตอร์ไซค์ขาประจำ Ducati จากแดนมักกะโรนีได้เผยโฉม NCR Millona M16 ที่เป็นมอเตอร์ไซค์แต่งของ Ducati Desmosedici RR ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 319 ปอนด์หรือประมาณ 145 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ให้กำลังถึง 200 แรงม้า ที่เบาอย่างนี้ก็เพราะว่า NCR ใช้วัสดุประกอบตัวรถที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ไทเทเนี่ยม และอลูมิเนียมเกรด A ที่ใช้สร้างเครื่องบิน ตามสูตรมอเตอร์ไซค์จากค่าย NCR และยังประกอบ Millona M16 ด้วยมือเหมือนมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆอย่างที่เคยทำมาเช่นกัน

NCR ใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในหลายส่วนที่สามารถทำได้ เช่น สวิงอาร์ม ถังน้ำมัน แฟริ่ง บังโคลนหน้า ซับเฟรม และท้ายรถ รวมถึงล้อด้วยเช่นกัน ในขณะที่ท่อไอเสียทำด้วยไทเทเนี่ยมล้วนๆ ในเรื่องของการออกแบบ NCR นำมาจาก Millona รุ่นอื่นๆโดยใช้แฟริ่งครึ่งตัวแทนการใช้แฟริ่งแบบเต็มตัวเหมือน Desmosedici ส่งผลทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ดูติดดินและเหมือนมอเตอร์ไซค์แข่งที่ใช้บนท้องถนนได้ด้วย Millona M16 ยังมาพร้อมกับระบบ Telemetry ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลจากระยะไกลได้ มีการปรับแต่ง ECU ระบบ Traction Control นอกจากนั้น M16 ยังใช้ตะเกียบคู่หน้า FGR000 ของ Öhlins ขนาด 43 มิลลิเมตร และโช้คเดี่ยว TTX ของ Öhlins เช่นกัน สำหรับล้อหลัง

NCR ไม่ยอมเปิดเผยราคาของ Millona M16 เว้นแต่คุณสอบถามไปที่บริษัทฯโดยตรง แต่ที่แน่ๆไม่ถูกแน่นอนครับ

ที่มา: NCR , www.autospinn.com

as: Desmosedici, Desmosedici RR, Ducati, ducati Desmosedici RR, M16, Millona M16, NCR, NCR Millona, NCR Millona M16, RR, ดูคาตี้, มอเตอร์ไซค์, มอเตอร์ไซค์แต่ง

Land Rover Defender แต่งโฉมทูโทน เพิ่มอีก 30 แรงม้า ผลงานร่วม Aznom และ Romeo Ferraris


Land Rover Defender แต่งโฉมทูโทน เพิ่มอีก 30 แรงม้า ผลงานร่วม Aznom และ Romeo Ferraris
Aznom จับมือ Romeo Ferraris ในการแต่ง Land Rover Defender รถ SUV ขนาดใหญ่ทรงเหลี่ยมสไตล์ Land Rover โดยหน้าที่้ของการแต่งโฉมเป็นของ Aznom ส่วน Romeo Ferraris ดูแลในส่วนของการปรับแต่งสมรรถนะ เริ่มจาก Aznom ที่ใช้กันชนหน้าทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ทำสีแบบทูโทนขาวดำ(ด้าน)แซมด้วยแถบสีแดง ส่วนล้ออัลลอยสีดำหุ้มด้วยยาง Road Venture จาก Kumho ส่วนภายในห้องโดยสาร Aznom ใช้อัลคันทาร่าตกแต่งเป็นหลัก ใช้สีทูโทนส้มดำ ที่นั่งสไตล์สปอร์ทจาก Sparco พวงมาลัยตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆภายใน

สำหรับการปรับแต่งใต้ฝากระโปรงเป็นหน้าที่ของ Romeo Ferraris ที่ปรับแต่งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร ให้ได้กำลัง 152 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากเดิม 30 แรงม้า สำหรับการปรับแต่งสมรรถนะอื่นๆพร้อมตัวเลขที่ได้ไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใดครับ


ที่มา: Aznom, www.autospinn.com


aznom, Defender, land rover, Land Rover Defender, land rover แต่ง, romeo ferraris, suv แต่ง, รถเอสยูวี, รถแต่ง Land Rover Defender, สำนักแต่งรถ, สำนักแต่งรถ aznom, สำนักแต่งรถ romeo ferraris, แลนด์ โรเวอร์, แลนด์โรเวอร์

13 มิถุนายน 2553

Nissan Versa ไมเนอร์เชนจ์ ปี 2011 Tiida เวอร์ชั่น US เปิดราคาทั้ง Hatchback และ Sedan


Nissan Versa ไมเนอร์เชนจ์ ปี 2011 Tiida เวอร์ชั่น US เปิดราคาทั้ง Hatchback และ Sedan
Nissan Versa เวอร์ชั่นอเมริกันหรือเมืองไทยใช้ชื่อในการทำตลาดว่า Tiida ได้มีการเปิดราคารุ่นไมเนอร์เชนจ์ของปี 2011 เป็นที่เรียบร้อยทั้งเวอร์ชั่น Hatchback และ Sedan โดยรุ่น Entry-Level Sedan 1.6 ลิตร ยังยืนราคาเดิมไว้ที่ 9,990 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รุ่นย่อยๆอื่นมีการปรับราคาขึ้น โดยรุ่น 1.8S Hatchback เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะราคาเพิ่มขึ้น 370 เหรียญสหรัฐฯ ไปเป็น 13,520 เหรียญฯ ส่วนรุ่น 1.6 Sedan เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ราคาเพิ่มขึ้นอีก 250 เหรียญฯ เป็น 12,240 เหรียญฯ

ความใหม่ของ Versa รุ่นปี 2011 ก็คือ การเพิ่มเครื่องเล่น CD 6 แผ่น สำหรับรุ่น 1.8S Sedan ระบบเบรค ABS สำหรับรุ่น 1.6 Sedan นอกนั้นยังคงสภาพเดิมๆแต่ด้วยรูปลักษณ์ Versa หรือ Tiida เวอร์ชั่น US รุ่นนี้คงดูใหม่สำหรับคนไทยที่ของอเมริกันใช้กระจังหน้าสีดำที่ดูสวยไปอีกแบบ

ที่มา: Nissan, www.autopinn.com

Ford Figo รถแฮทช์แบ็คขนาดเล็ก สายพันธุ์ Fiesta เปิดตัวแล้วที่อินเดีย เริ่มขายปีหน้า


Ford Figo รถแฮทช์แบ็คขนาดเล็ก สายพันธุ์ Fiesta เปิดตัวแล้วที่อินเดีย เริ่มขายปีหน้า Ford ได้เปิดตัว Ford Figo รถแฮทช์แบ็คขนาดเล็กที่พัฒนามาจาก Ford Fiesta รุ่นปี 2008 โดยเล็งเจาะตลาดรถยนต์ B-Segment ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์ใหม่ในอินเดียสูงถึง 70% จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ Ford ตัดสินใจเปิดตัวรถรุ่นใหม่นี้ที่อินเดีย อีกอย่างที่สำคัญก็คือ การใช้อินเดียเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กในภูมิภาคเพื่อผลิตเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดเอเชียแปซิฟิคและแอฟริกา Ford ได้ลงทุนในการสร้างโรงงานในอินเดียไปแล้วกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายกำลังการผลิตให้ได้ 2 เท่า เป็น 200,000 คันต่อปี

Figo ในภาษาอิตาเลี่ยนแปลว่า “Cool” หรือ “แจ๋วจริง” สะท้อนรูปลักษณ์ใหม่ของ Ford ในสไตล์ Kinetic ที่ได้นำไปใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง Focus, Mondeo และ Fiesta เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของ Figo ในขณะนี้ โดย Ford เผยเพียงว่าจะมีการจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่นี้ในต้นปีหน้าครับ

ที่มา: Ford , http://www.autospinn.com/