14 กันยายน 2554

เปิดมาตรการ-สเป็กรถ รุ่นที่ได้คืนภาษีคันแรก

เปิดมาตรการ-สเป็กรถ รุ่นที่ได้คืนภาษีคันแรก "อีโคคาร์ -ซิตี้คาร์-ปิคอัพ ตีปีก วาดฝันดันยอดขายพุ่ง5แสนคัน
คลอดออกมาแล้วสำหรับมาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตรถยนต์คันแรก (ภาษาราชการ) ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 ไฟเขียวอนุมัติการคืนภาษีรถคันแรกตามที่กระทรวงการคลังเสนอเรียบร้อยแล้วโดยมาตรการดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554-วันที่ 31 ธันวาคม 2555 ร่นเร็วจากเดิมที่จะเริ่มวันที่ 1ต.ค.2554

เชื่อว่าผลจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้ภาคอุตสากรรมรถยนต์ขยายตัวและมียอดขายรถยนต์ในปี 2555 เพิ่มขึ้น 5 แสนคัน เบื้องต้นได้ประมาณการภาษีที่ต้องคืนให้กับประชาชนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท" นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวแถลง

สำหรับหลักเกณฑ์และแนวทางดำเนินการในโครงการดังกล่าว มีดังนี้

1.เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน2554 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555

2.เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน

3.เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)

4.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)

5.คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน

6.ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

7.ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี

8.การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป)

ส่วนแนวทางการดำเนินงาน

1.ผู้ซื้อรถยนต์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้

-หนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปี

-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ

-สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)

2.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ

3.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

4.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่

5.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน www.excise.go.th
ย้อนกลับมาดูรุ่นรถที่เข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศของกระทรวงการคลัง ในส่วนของ"อีโคคาร์"ดูจะเข้าเกณฑ์หมด อาทิ รถที่ขายดีที่สุดของค่ายนิสสันอย่าง"มาร์ช" เครื่อง1,200ซีซี เกียร์ธรรมดา และออโต(CVT) ราคาอยู่ระหว่าง375,000-537,000บาท

เช่นเดียวกับ"บริโอ"ของค่ายออนด้า ที่มีขนาดเครื่องยนต์1,200ซีซีเช่นเดียวกัน ราคาขายอยู่ระหว่าง 399,900-508,500 บาท

นอกจากนี้ค่ายออนด้ายังมีตัวขายเพิ่มอย่าง"ฮอนด้า ซิตี้"เข้ามาเป็นตัวเลือกอีกคันด้วย เพราะมีเครื่องยนต์ตรงตามสเป็ก 1,500 ซีซี สนนราคาอยู่ระหว่าง574,000-644,000บาท

เท่านี้ยังไม่พอ ฮอนด้ายังมี"แจ๊ซ"อีก1รุ่น เครื่องยนต์เดียวกับซิตี้ แต่ราคาจะแพงขึ้นอีกนิดหน่อย

และหากอยากได้รถอเนกประสงค์แบบครอบครัว 6-7ที่นั่ง ฮอนด้า"ฟรีด"รุ่นต่ำสุดก็ยังอยู่ในเกณฑ์ เพราะใช้เครื่องยนต์1,500ซีซี ตัวเดียวกับซิตี้ ราคาอยู่ที่894,000-914,000บาท ส่วนรุ่นท็อปจะทะลุหลักล้านบาทไปแล้ว

สำหรับค่ายมาสด้ามีรถที่โดนใจวัยจ๊าบอย่าง"มาสด้า2"เป็นรถธง เลือกได้หมดทั้งรุ่นแฮทช์แบ็ค และ4 ประตู เพราะใช้เครื่องยนต์1,500 ซีซี ราคาอยู่ระหว่าง535,000-690,000บาท

ส่วนค่ายใหญ่อย่าง"โตโยต้า"ก็เข้าเกณฑ์หลายรุ่น ทั้งรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง อย่าง"อแวนซา" ในส่วนของเครื่องยนต์เบนซิน1,500ซีซี ราคาอยู่ระหว่าง 579,000-704,000บาท

ตามมาด้วยรถยอดฮิตอย่างเก๋งเล็ก"วีออส" เครื่องยนต์1,500ซีซี เช่นกัน ราคาอยู่ระหว่าง574,000-714,000บาท นอกจากนี้ยังมี "ยาริส" อีก1รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์1,500ซีซีเช่นเดียวกัน ราคาอยู่ระหว่าง539,000-714,000บาท

ค่ายเชฟโรเลตมีรุ่นเก๋งเล็ก"อาวีโอ" แต่จะเป็นรุ่น1,400 ซีซีเท่านั้น เพราะรุ่น1,600ซีซีไม่เข้าเกณฑ์ ราคาอยู่ระหว่าง555,000-658,000บาท

นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกอย่าง "เฌอรี่" จากจีนแดงของค่ายไทยเฌอรี่ยานยนต์ เช่นรุ่นQQ เครื่องยนต์1,100ซีซี ราคาอยู่ระหว่าง 379,500-422,500บาท ส่วนรุ่นเอ1 เครื่องยนต์1,300ซีซี ราคา438,000บาท

ขณะที่ "โปรตอน" ของค่ายพระนครโอโตเซลส์ มีรุ่นที่เข้าเกณฑ์คือSAGA เครื่องยนต์1,300ซีซี ราคาอยู่ระหว่าง399,000บาท-464,000บาท และ"แซฟวี่" 5 ประตู เครื่องยนต์1,100ซีซี ราคาอยู่ระหว่าง399,000-469,000บาท

อย่างไรก็ตามผู้สันทัดในวงการรถยนต์แย้งว่า ฟรีด เฌอรี่ แซฟฟวี่อาจไม่เขาเกณฑ์เพราะเป็นรถนำเข้า ไม่ได้ผลิตในประเทศ แต่หลายรุ่น หลายยี่ห้อที่กล่าวมาตอนต้นก็มีมากมายให้เลือกได้อย่างจุใจอยู่

ส่วนรถกระบะหรือปิคอัพ เนื่องจากไม่จำกัดซีซีเครื่องยนต์ เรียกได้ว่าเลือกได้ทุกยี่ห้อ และเกือบทุกรุ่น (ถ้าไม่ใช่รุ่นท็อปสุด เพราะบางยี่ห้อรุ่นท็อปสุดเกิน1ล้านบาทไปแล้วก็มี) ทั้งโตโยต้า แชมป์ อีซูซุ ดีแมกซ์ มิตซูบิชิ ไตรตัน นิสสัน นาวารา มาสด้า บีที-50 ทาทาปิคอัพ เชฟโรเลต เป็นต้น
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 กันยายน 2554 เวลา 14:56

    ถ้าผลิตในประเทศไทยทำไมราคาสูงจัง ประเทศอื่นไม่เห็นแพงเหมือนบ้านเราเลย

    ตอบลบ