
ดังนั้นค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จึงตั้งความหวังกับผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นใหม่ที่นำมาเปิดตัวในงานนี้ หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำเอาอุตสาหกรรมยานยนต์ซบเซาไปอย่างมาก อย่างไรก็ตามส่วนแบ่งการตลาดจึงทำให้ค่ายรถยนต์เลือกที่จะผลิตรถยนต์ที่มีขนาดเล็กลง และที่สำคัญราคาถูกลง รวมถึงมองไปที่ตลาดต่างประเทศอย่างจีน ซึ่งปีที่แล้วจีนขึ้นมาแซงหน้าสหรัฐอเมริกา ในฐานะตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างมั่นคง ประมาณ 10% ของประชากรจีน มีใบขับขี่รถยนต์กันทั้งนั้น แล้วขณะนี้ประชากรจีนตัวเลขอยู่ที่ 1,300 ล้านคน
บีเอ็มดับเบิลยู ค่ายรถยนต์จากประเทศเยอรมนี ตั้งเป้าตัวเลขส่งออกรถยนต์ไปขายที่จีนในปีนี้ 120,000 คัน เปอโยต์ จากฝรั่งเศสก็จะส่ง ซีดาน 508 ตัวใหม่ไปขายในจีนด้วย ตั้งเป้าในปีนี้ที่ 200,000 คัน หรือแม้แต่ เฟอร์รารี่ ก็ยังเล็งตลาดที่จีนเช่นกัน ปีนี้จะเพิ่มยอดให้ได้เป็น 500 คัน
ปารีส ออโต้โชว์ปีนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริด พลังงานทางเลือกที่สำคัญไม่เพียงแค่มาอวดโฉมเท่านั้น แต่หวังทำยอดเพื่อผลเชิงพาณิชย์ อาทิ เปอโยต์ ไอออน กับ ซีตรอง ซี-ซีโร่ เป็นการร่วมมือกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ป กำหนด วางจำหน่ายปลายปีนี้ในยุโรป เรโนลต์ ยังจับมือกับ นิสสัน ผลิตรถไฟฟ้า ฟลูเอนซ์ แซดอี มาจำหน่ายต้นปีหน้าด้วย นิสสันยังเปิดตัว ลีฟ ครั้งแรกในงานนี้ด้วยเช่นเดียวกับ โตโยต้า ก็นำไฮบริดตัวเล็กมาโชว์
ในส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แม้จะออกแนวรถต้นแบบ แต่ด้วยดีไซน์การออกแบบ ก็สามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์ด เฟียสต้า, เกีย ป๊อป, ออดี้ อี-ทรอน, เรโนลต์ ทวิซี ซีโร่ อีมิสชั่น, นิสสัน ทาวน์พอด ปิดท้ายด้วยรถต้นแบบทรงเก๋อย่าง ซีตรอง ลาคอสต์ ซิตี้ และ รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า โตโยต้า เอฟที อีวิลล์
รถยนต์สวย ๆ เหล่านี้จึงยังเป็นมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดใจคนรักรถให้ไปสัมผัสนวัตกรรมแห่งยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่อลังการในงานนี้.
วิญญู ศรีนาง
ที่มา dailynews
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น