04 พฤษภาคม 2553

Audi TT ปรับโฉมเพิ่มความสดขยับความแรง


Audi TT ปรับโฉมเพิ่มความสดขยับความแรง
เรียกว่านานเอาเรื่องเหมือนกันกว่าที่ออดี้จะมีการขยับตัวเพิ่มสีสันและเรียกความสดใหม่ในการกระตุ้นยอดขายให้กับสปอร์ตไซส์เล็กในสายพันธุ์ TT ทั้งตัวถังคูเป้ และโรดสเตอร์ หรือเปิดประทุน โดยตอนนี้มีการเปิดตัวรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ออกมาแล้ว ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปลักษณ์ภายนอกแบบสังเกตได้อย่างชัดเจน พร้อมกับการขยับความแรงให้กับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ
Audi TT เป็นสปอร์ตรุ่นเล็กที่ออดี้พัฒนาขึ้นมาเมื่อปี 1998 เพื่อแข่งขันกับแบรนด์เยอรมนีในการเจาะตลาดสปอร์ตไซส์เล็กระดับหรู โดยเป็นคู่ปรับโดยตรงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค, บีเอ็มดับเบิลยู Z3 (ในตอนนั้น) และปอร์เช่ บ็อกสเตอร์ โดยได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถังแบบขับเคลื่อนล้อหน้าร่วมกับโฟล์คสวาเกน กอล์ฟ ส่วนรุ่นปัจจุบันเป็นเจนอเรชันที่ 2 เปิดตัวปี 2006 และทางออดี้เพิ่งจะมีการขยับตัวในการเพิ่มสีสันและความแปลกใหม่ให้กับตัวรถอย่างเป็นเรื่องเป็นราวกับการไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้

รูปลักษณ์ภายนอกคือสิ่งแรกของความเปลี่ยนแปลงและสามารถสัมผัสกับความแตกต่างได้ตั้งแต่ด้านหน้ากับชุดไฟหน้าใหม่ ซึ่งมีการจัดเรียงไฟที่อยู่ภายในใหม่ และเพิ่มแนวของหลอด LED 12 ดวง ในการเป็น Daytime Running Light ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จากค่ายนี้ พร้อมกับกันชนหน้าและกระจังหน้าลายใหม่ ซึ่งเพิ่มความสปอร์ต ขณะที่ด้านท้าย มีการออกแบบลวดลายของไฟท้ายใหม่ เช่นเดียวกับกันชนท้ายที่เพิ่มความปราดเปรียว

ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ทำให้ตัวถังของ TT ทั้งรุ่นคูเป้ และโรดสเตอร์เปลี่ยนแปลงในเชิงมิติตัวถัง มีความยาวเพิ่มขึ้น 20 มิลลิเมตรเป็น 4,178 มิลลิเมตร โดยที่สัดส่วนอื่นๆ ยังเท่าเดิม ทั้งความกว้าง 1,842 มิลลิเมตร สูง 1,352 มิลลิเมตร และ 1,357 มิลลิเมตรในรุ่นคูเป้ และเปิดประทุน ส่วนระยะฐานล้อยู่ที่ 2,468 มิลลิเมตร

ความเปลี่ยนแปลงอันดับต่อมาสำหรับ TT ใหม่ คือ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซีในตระกูล TFSI หรือเทอร์โบ ไดเร็กต์อินเจ็กชัน ซึ่งจากเดิมมีกำลัง 200 แรงม้า ก็ขยับขึ้นมาเป็น 211 แรงม้า โดยมีการติดตั้งระบบวาล์วแปรผันรุ่นใหม่ AVS เพิ่มเข้าไป และมีแรงบิดสูงสุดในระดับ 35.6 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระดับ 6.1 วินาที และความเร็วปลาย 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับรุ่นเล็กอย่าง 1,800 ซีซี TFSI ยังมีเหมือนเดิม พกพาความเร้าใจในระดับ 160 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเพียงอย่างเดียว ขณะที่อีกทางเลือกเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 4 สูบ 2,000 ซีซี 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. โดยระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบล้อหน้า หรือ 4 ล้อตลอดเวลา Quattro ขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องยนต์

หากต้องการความแรงและเร้าใจเป็นพิเศษ ก็ต้องรหัส TTS มีการเพิ่มเรี่ยวแรงให้กับเครื่องยนต์ TFSI 2,000 ซีซีด้วยเทอร์โบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้มีกำลังเพิ่มเป็น 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ในตัวถังคูเป้ใช้เวลาเพียง 5.1 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

และถ้ารุ่น TTS ยังไม่เร้าใจพอก็ต้องขยับมาคบหากับรุ่น RS ซึ่งมีขายทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุนกับเครื่องยนต์ 5 สูบเรียง ทวินแคม 20 วาล์ว 2,500 ซีซี เทอร์โบ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม. ใช้เวลา 4.6 วินาทีสำหรับการทะยานสู่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วปลาย 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การทำตลาดจะเริ่มขึ้นช่วงกลางปีนี้ โดยราคาเริ่มต้นในเยอรมนีของรุ่นต่ำสุดคือ 1.8 จะอยู่ที่ 30,200 ยูโร หรือ 1.35 ล้านบาท แฟนๆ ออดี้ในบ้านเราที่รักความสปอร์ตอดใจรอกันสักหน่อย น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกันอย่างแน่นอน
ที่มา http://www.mgronline.com/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000053523

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น