A6 เป็นรถยนต์ขนาดกลางกึ่งใหญ่ที่อยู่ในคลาสเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ก่อนหน้านี้ออดี้ใช้ชื่อ A100 ในการทำตลาดกลุ่มนี้ แต่เมื่อปี 1994 เมื่อต้องการปรับชื่อรุ่นรถยนต์ที่อยู่ในตลาด ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ชื่อ A6 แทน เช่นเดียวกับที่ 80 ถูกเปลี่ยนมาเป็น A4 โดยรุ่นใหม่ที่จะเตรียมเปิดตัวนี้เป็นเจนเนอเรชันที่ 4 ในชื่อ A6 ขายในรหัส C7 และเข้ามาแทนที่รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นรหัส C6 และขายมาตั้งแต่ปี 2004

ตรงนี้ถือว่าเป็นการเติมความฮ็อตให้กับตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดกลางกันอย่างต่อเนื่อง เพราะในปี 2009 ค่ายดาว 3 แฉกก็เพิ่งส่งอี-คลาสในรหัส W212 ลงขายในตลาด และเมื่อต้นปี 2010 ก็เป็นคิวของซีรีส์ 5 ในรหัส F10 จากค่ายบีเอ็มดับเบิลยู โดยที่ในปี 2011 จะเป็นทีของออดี้บ้าง
ในแง่ของตัวรถ ต้องบอกว่า A6 ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาโดยที่อิงรายละเอียดทางด้านรูปลักษณ์ที่ถูกถอดแบบมาจากพี่ใหญ่อย่าง A8 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเส้นสายบนตัวถัง รูปแบบของกระจังหน้าขนาดใหญ่ และก็รวมถึงรายละเอียดและรูปทรงของไฟหน้าและไฟท้ายซึ่งมีการนำหลอด LED มาใช้ เช่นเดียวกับความใส่ใจในเรื่องการลดน้ำหนักที่นำโครงสร้างตัวถังแบบอะลูมิเนียมมาใช้ โดยที่ความปราดเปรียวของตัวรถมากับค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทาน หรือ Cd เพียง 0.26 เท่านั้น

ภายในห้องโดยสารของตัวรถยังเพียบพร้อมด้วยความสวยที่ถูกผสมผสานกับความสปอร์ตและความหรูอย่างลงตัว อีกทั้งยังตอบสนองประโยชน์การใช้งานได้อย่างเต็มที่ผ่านการสั่งงานทางหน้าจอ MMI ซึ่งคล้ายกับระบบ iDrive หรือ COMMAND ของบีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกทั้งหน้าจอนี้ยังสามารถแสดงผลเป็นหน้าจอระบบนำทาง พร้อมด้วยฮาร์ดดิสก์ในตัว

นอกจากความประหยัดน้ำมันด้วยตัวเลข 6.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตรแล้ว ในเรื่องสมรรถนะยังตอบสนองได้อย่างเร้าใจกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 238 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปล่อยก๊าซไอเสียในระดับ 142 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร โดยตัวรถจะมีโหมด EV ซึ่งสามารถแล่นในรูปแบบรถไฟฟ้าด้วยความเร็วในระดับสูงสุด 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงและทำระยะทางได้ 3 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการขับในช่วงระยะทางสั้นๆ

ในกลุ่มดีเซลมีให้เลือกตั้งแต่เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี TDI ที่มีการเพิ่มกำลังขึ้นมาเป็น 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 38.7 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามด้วยรุ่นวี6 3,000 ซีซี TDI ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และมีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือ 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ตามด้วย 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.2 และ 6 วินาทีตามลำดับ และความเร็วสูงสุด 240 และ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในรุ่นเทอร์โบดีเซลตามโหมดการทดสอบของ EU มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 20.1-16.6 กิโลเมตรต่อลิตร

เจอกันได้ต้นปี 2011 กับค่าตัวเริ่มต้น 38,500 ยูโร หรือ 1.9 ล้านบาทในเยอรมนี ส่วนใครที่รอความอเนกประสงค์ของตัวถังแวกอน หรืออวันต์ (Avant) ก็รอกันอีกหน่อย คาดว่าน่าจะเผยโฉมในช่วงงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น