21 มกราคม 2553

จีนผงาดขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งตลาดรถ


จีนผงาดขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งตลาดรถ
ข่าวต่างประเทศ - วิกฤตเศรษฐกิจบวกกับปัญหาภายในของผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกากลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ลุงแซมต้องร่วงจากการเป็นตลาดรถยนต์หมายเลข 1 ของโลกในเชิงตัวเลขยอดขายแล้ว เมื่อมีการสรุปอย่างคร่าวๆ ว่า ในปี 2009 ที่ผ่านมา จีนมียอดขายรถยนต์แซงหน้าสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก
จากรายงานของ Center for Automotive Research ระบุว่าปี 2009 ตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกามีตัวเลขยอดขายประมาณ 10.4 ล้านคันหรือลดลงจากปี 2008 ถึง 21% ขณะที่ตลาดรถยนต์จีน เอาแค่ตัวเลขยอดขายเพียง 11 เดือนแรกของปี 2009 ยังมากกว่ายอดขายรวมทั้งปีของสหรัฐอเมริกาเสียอีก โดยมีตัวเลขอยู่ที่ มากกว่า 12 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 42% และน่าจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นกว่านี้เมื่อรวมยอดขายของเดือนธันวาคมเข้าไปด้วย แต่ไม่น่าจะถึงตัวเลขที่บรรดานักวิเคราะห์คาดกันล่วงหน้าเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี 2009 ซึ่งระบุว่ายอดขายรถยนต์ในจีนช่วงปี 2009 จะมีตัวเลขในระดับ 15 ล้านคันเลยทีเดียว

Zhu Yiping ผู้บริหารของ China Association of Automobile Manufacturers กล่าวว่า ‘การขึ้นเป็นหมายเลข 1 ของจีนค่อนข้างแน่นอน’ แต่ถ้าจะให้แน่นอนแบบชัดเจนต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการในด้านตัวเลขยอดขายจากทางรัฐบาลของจีน ซึ่งเมื่อตัวเลขนี้ออกมา ทางจีนถึงจะได้รับการรับรองว่าให้เป็นตลาดรถยนต์ที่มียอดขายต่อปีสูงที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก

นอกจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดสหรัฐอเมริกาแล้ว อีกปัจจัยที่ถือเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้จีนขยับขึ้นมาเป็นตลาดรถยนต์หมายเลข 1 ของโลก คือ การเอาจริงเอาจริงของรัฐบาลจีนในการผลักดันตลาดรถยนต์ให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไม่เก็บภาษีสรรพสามิตรในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และลดภาษีให้กับกลุ่มรถยนต์ใหญ่อย่างเอสยูวี เพื่อกระตุ้นยอดขาย

ขณะที่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากต่างแดนล้วนมียอดขายเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์สซึ่งมีส่วนช่วยในการล้มตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าน่าจะยอดขายสูงสุดด้วยตัวเลขระดับ 1.83 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 67% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2008 หรือมีส่วนแบ่งในตลาด 13.4% และถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในจีน ส่วนโตโยต้ามีการขยายตัวจากปี 2008 สูงถึง 121% ด้วยยอดขาย 709,000 คัน โดยที่มีราฟโฟร์ และไฮแลนเดอร์ รวมถึงโคโรลล่าเป็นรถยนต์ขายดี

ที่มา:โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น