16 กุมภาพันธ์ 2553

Mini USA Cooper S Convertible สวยเข้าตา แรงโดนใจ

Mini Cooper S Convertible สวยเข้าตา แรงโดนใจ
Mini Cooper S Convertible สวยเข้าตา แรงโดนใจ
ต้องยอมรับว่ากระแสความนิยมของรถ “มินิ” ในประเทศไทยยังคงความแรงอย่างต่อเนื่องไม่มีตก แม้จะมีราคาสูงมากเทียบเท่ากับรถซีดานยุโรประดับหรูเช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ทั้งที่โดยตัวรถแล้วอยู่กันคนละระดับกันและไม่น่าจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ แต่ด้วยปัจจัยด้านโครงสร้างภาษีของบ้านเราจึงทำให้ราคามาใกล้เคียงกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาจะอยู่ระดับเดียวกัน แต่หากมองถึงภาพลักษณ์แล้วรถของดาวสามแฉกและใบพัดฟ้าขาว แตกต่างและไม่สามารถตอบสนองได้เหมือนกับรถของ มินิ ที่ปัจจุบัน มินิ ยังคงเป็นรถอันดับ 1 ของรถที่อยากนั่งมากที่สุดในดวงใจของสาวๆ โดยเฉพาะเหล่าพริตตี้จากการสอบถามและพูดคุยกับพวกเธอ

ล่าสุด มินิ ประเทศไทย เพิ่มทางเลือกให้กับสาวกมินิด้วยการเติมรุ่น “หลังคาเปิดประทุน” (Convertible) เอาใจเด็กแนว แต่ราคาเฉพาะเศรษฐีที่พอจะเอื้อมถึงด้วยค่าตัว 3.2 ล้านบาท สำหรับรุ่น คูเปอร์ เอส ที่ได้ทดลองขับในครั้งนี้ ขณะที่ถ้าเป็นรุ่น คูเปอร์ จะมีราคาย่อมลงมาหน่อยที่ 2.8 ล้านบาทถ้วน

แรกรับรถ คูเปอร์ เอส เผชิญกับภาวะการจราจรหนาแน่นสุดในย่านใจกลางเมือง แถวๆ ห้างเซ็นทรัลเวริลด์ อยากบอกว่า มินิเป็นอะไรที่เหมาะสมเหลือเกินกับภาวะจราจรเช่นนั้น ด้วยขนาดที่เล็กกระทัดรัด มีความคล่องตัวสูง ทัศนวิสัยชัดเจนดี แต่จุดเสียเปรียบของรุ่นเปิดประทุน ก็คือ เรื่องเสียงรบกวนจากภายนอก อันเนื่องมาจากหลังคาที่เป็นผ้าใบ ทำให้การป้องกันเสียงได้น้อยกว่ารถหลังคาเหล็กนั่นเอง

จะว่าไปแล้วความจริงข้อเสียเปรียบดังกล่าว ผู้คิดจะซื้อคงต้องทำใจรู้ล่วงหน้าตั้งแต่แรกเห็น ฉะนั้นถ้าจะมาบ่นภายหลังคงดูเป็นเรื่องตลกสักหน่อย อย่างไรก็ตาม เรื่องบางอย่างมีเฉพาะรถบางคันเท่านั้นทำได้เช่น การดึงดูดสายตาจากผู้คนรอบข้างเวลาขับผ่านรวมไปถึงเมื่อจอดและลงมาจากรถ ซึ่งเจ้ามินิ เปิดประทุน เรียกสายตาให้มาจับจ้องได้อย่างไม่ขาดสาย

กลับมาเข้าเรื่องของการทดลองขับกันต่อ ด้านความรู้สึกหลังพวงมาลัยจับกระชับมือ น้ำหนักเวลาเลี้ยวกำลังดีไม่หนักจนเกินไป เบาเวลาวิ่งช้าใช้งานในเมือง และหนักขึ้นเมื่อวิ่งเร็วยามขับบนถนนไฮเวย์

การตอบสนองของเครื่องยนต์ Twin-Scroll Turbocharged ที่มีพละกำลังสูงสุด 175 แรงม้าที่ 5500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่รอบกว้าง 1600-5000 รอบ/นาที บนน้ำหนักตัวแค่ 1,305 กิโลกรัม ถือว่าทันใจทุกครั้งที่กดคันเร่ง และให้ความสนุกทุกย่านความเร็ว

การเดินทางจากกรุงเทพฯ เป้าหมาย เขาใหญ่ โดยใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออก ซึ่งในการขับช่วงถนนดังกล่าวที่เป็นพื้นผิวแบบลาดยางมะตอยค่อนข้างเรียบ เสียงรบกวนน้อย มินิขับอย่างมีความสุขด้วยอัตราเร่งจี๊ด จ๊าด เกาะถนนหนึบ วิ่งระดับ 140 กม./ชม. ยังไม่รู้สึกว่าเร็ว ต้องขอบคุณช่วงล่าง หน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และหลังแบบมัลติลิงค์

จังหวะถนนโล่งไม่มีรถ ลองขับหาความเร็วสูงสุดและผลที่ออกมาคือ 190 กม./ชม. พบว่าพละกำลังยังเหลือเพียงพอจะพาไปถึงระดับความเร็ว 200 กม./ชม.ได้ แต่คงไม่จำเป็นต้องลองถึงขนาดนั้น ส่วนความเร็วที่ใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 100-120 กม./ชม. เป็นย่านความเร็วที่ให้ความรู้สึกขับสบาย แถมเสียงรบกวนน้อย

หลังจากนั้นเมื่อเราเข้าสู่ถนนพหลโยธิน สภาพถนนเป็นพื้นผิวแบบคอนกรีต พบว่า เสียงดังรบกวนเพิ่มมากขึ้นกว่าการขับบนถนนลาดยาง โดยเฉพาะเสียงยางบดร่องรอยต่อของพื้นคอนกรีต ทั้งนี้คงจะทำอะไรมากมิได้นอกจากทำใจ อยากเท่ต้องยอมแลก

ในด้านการทดลองใช้งานลูกเล่นของระบบเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า 6 สปีด สามารถทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัวกับเครื่องยนต์ ให้การตอบสนองทั้งแบบสบายและ แบบเร้าใจเมื่อกดโหมดสปอร์ต รวมถึงการมีปุ่ม Paddle Shift หลังพวงมาลัยให้สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์เล่นได้เฉกเช่น รถแข่งเกียร์ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ หากใครหลายคนจะลงความเห็นมินิ คูเปอร์ เอส เปิดประทุนเป็นรถขับสนุกมากคันหนึ่ง

จังหวะเร่งแซงด้วยการคิกดาวน์ ถือเป็นช่วงเวลาที่ชอบมากที่สุด เนื่องจากเป็นเหมือนนาทีทองการแสดงพลังอันแท้จริงซึ่งหลับไหลอยู่ใต้ฝากระโปรง ด้วยระบบโอเวอร์บูสต์ รีดแรงบิดสูงสุดออกมาได้ถึง 260 นิวตันเมตร ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจทุกครั้งเวลาเร่งแซง

สัญลักษณ์ S แสดงความแรง


เมื่อใกล้จุดหมายแถวๆ เขาใหญ่ ถึงเวลาของการเปิดหลังคาด้วยเวลาที่มินิแสดงไว้ในคู่มือว่าเพียง 15 วินาที เท่านั้น และความจริงเมื่อจับเวลาก็ได้ใกล้เคียงดังที่ระบุเอาไว้ นอกจากนั้นยังมีลูกเล่นอีกหนึ่งอย่างเฉพาะรุ่นเปิดประทุนเท่านั้นก็คือ นาฬิกาจับระยะเวลาการเปิดหลังคา(คือเปิดมานานเท่าไหร่แล้ว) โดยจะอยู่หลังพวงมาลัยติดกับจอวัดรอบเครื่องยนต์ ทั้งนี้การเปิด-ปิดหลังคา สามารถทำได้ขณะที่รถยังวิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.

สำหรับ อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามการแสดงผลของระบบคอมพิวเตอร์ในรถจากระยะการขับกว่า 150 กม. ระบุตัวเลขเฉลี่ยทั้งหมด 13.8 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดไม่ใช่เล่น กับการทดลองขับในหลากหลายรูปแบบดังที่กล่าวมาทั้งหมด

ด้านความปลอดภัย นอกเหนือจากระบบเบรค ABS และ ระบบป้องกันการลื่นไถล ASC แล้ว มินิเปิดประทุนยังมีระบบ DSC ช่วยในการเข้าโค้ง, ระบบ DTC ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ กรณีอยู่ในถนนที่มีทราย และระบบ CBC ช่วยกระจายแรงเบรกเมื่อเบรกขณะเข้าโค้ง เฉพาะ คูเปอร์ เอส เปิดประทุน จะเพิ่มระบบ ELSD (Electronic Limited Slip Differential) ช่วยเสริมการทำงานของ DTC โดยควบคุมการจับเบรค ให้เข้าโค้งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยที่จำเป็นอย่างยิ่งเฉพาะรถเปิดประทุน คือ โรลล์บาร์ โดยมินิมีระบบ แอคทีฟ โรลล์บาร์ เวลาปกติจะซ่อนอยู่และจะทำงานเมื่อตรวจพบการเอียงเป็นองศาที่อาจจะเกิดเหตุรถพลิกคว่ำได้

สรุป มินิ คูเปอร์ เอส เปิดประทุน ครบเครื่องทั้งการขับสนุก รูปโฉมที่แปลกและแตกต่างต้องใจต้องใจใครต่อใครที่ได้เห็น แต่จะติดขัดนิดหน่อยคงเป็นเรื่องของค่าตัว 3.2 ล้านบาท ถ้าไม่มีเงินเหลือระดับเศรษฐีก็คงต้องเป็นมหาเศรษฐีถึงจะมีสิทธิเป็นเจ้าของ

หน้าปัดแสดงระยะเวลาการเปิดประทุน(ซ้าย)

ด้านท้ายที่เก็บของเหลือพื้นที่เพียงพอสำหรับกระเป้าเดินทางขนาดย่อมหรือเป้สะพายหลัง

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000018462

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น