24 กุมภาพันธ์ 2553

มาสด้า MX5 โรดเตอร์ รสดั้งเดิม

มาสด้า MX5 โรดเตอร์ รสดั้งเดิม
โดย : ยุทธพงษ์ ภาษี
เศรษฐกิจโลกที่ตกสะเก็ด ทำให้บรรดาค่ายรถต่างๆ ลดกำลังการผลิตกันฮวบ รถทั้งโลกจาก 65 ล้านคัน เหลือเพียง 45-50 ล้านคัน
ถึงวันนี้บรรดาแกนนำ พี่เบิ้มใหญ่ของวงการรถยนต์โลกก็ยังไม่ฟื้นตัว ค่ายเล็กๆ ยิ่งแย่ใหญ่ไม่ต้องพูดถึง

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทุกคนก็จับตามองดูว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเมื่อไรถ้าฟื้นก็จะหันมาทำการผลิตใหม่กันอีกครั้ง แต่ทว่ามีรถยี่ห้อหนึ่งที่ในตลาดโลกคนอื่นๆ เขายังไม่เพิ่มสายการผลิตกัน แต่มาสด้ากลับเดินเครื่องหรือเดินหน้า ออกสตาร์ทผลิตรถ ก่อนใครแล้ว

มาสด้า จึงได้ชื่อว่า ไม่ค่อยจะได้รับผลกระทบมากมายเท่าไรนัก เหตุผลเพราะว่าอาจจะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ได้เข้าตาลูกค้า เลยยอดฉลุย โดยเฉพาะมาสด้า 2 ที่เพิ่งออกสู่ตลาดเมืองนอก ซึ่งมีเวอร์ชั่นซีดาน และ 2 ประตู คูเป้ออกมา สำหรับเมืองไทย รอที่จะเปิดตัวในระยะเวลาอันใกล้

ในขณะที่การออกมาสด้า 2 มายังไม่ทันเก่า กระจายของยังไม่ทั่วทุกตลาด มาสด้าก็ดันมาสด้า 3 รุ่นใหม่ออกมาอีก โดยนอกจากรุ่นซีดานแล้ว เวลานี้มาสด้า 3 พัฒนา ไปจนถึงเวอร์ชั่น MRS ซึ่งเป็นชุดแต่งหล่อ เพิ่มความแรงของมาสด้า และเวอร์ชั่น i-Stop ที่มีเทคโนโลยีช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น นี่ไม่รวมรถรุ่นอื่นๆ เช่น มาสด้า 6 และ CX7 ที่เปิดตัวรถปี 2010 กันออกมาแล้วครับ เรียกว่า เป็นปีของมาสด้า ที่คนอื่นๆ เงียบแต่ มาสด้า นั้นเติบโตได้อย่างน่าสนใจ
มาที่เมืองไทย ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มาสด้าเป็นค่ายรถที่สวนกระแสเศรษฐกิจ ด้วยยอดขายที่เติบโต สำหรับเก๋งคอมแพคท์ 4 เดือนนั่นรองจากโตโยต้า ที่ขายรุ่นอัลติส ฮอนด้าที่ขายรุ่น ซีวิคแล้ว ที่ 3 ของตลาดก็คือมาสด้า 3

จริงๆ มาสด้ามีรถที่เต็มไลน์ เรียกว่า หากเอารถเก๋งอื่นๆ มารวมกันแล้ว มาสด้ามีให้เลือกครบกว่าทุกยี่ห้อ เช่น โรดสเตอร์ ที่ไม่มีค่ายรถญี่ปุ่นค่ายไหนเปิดตลาดโรดสเตอร์นอกเสียจากมาสด้า โดยรุ่นที่ขายเป็นที่รู้จักดี คือ MX5 ซึ่งผมได้มีโอกาสสัมผัสรถปีอัพเดทหรือโมเดล 2008

รถรุ่นนี้คือรถที่ทำสถิติว่า เป็นโรดสเตอร์ที่มียอดขายมากที่สุดในโลกเวลานี้ ขายไปแล้วกว่า 8.5 แสนคัน นับตั้งแต่ปี 1989 ซึ่ง 2.54 แสนคันนั้นเป็นยอดขายที่เกิดขึ้นในตลาดยุโรป

ต้องบอกว่า มาสด้า MX5 ทำตลาดมาหลายเจเนอเรชั่น แต่ได้ ขับทีไร “รสชาติไม่เคยเปลี่ยน”

ผมจำได้ว่า ตั้งแต่รุ่นแรกที่ขายในเมืองไทย เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี ไม่มีระบบช่วยเหลือที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่พวงมาลัย คันเร่งและอารมณ์สนุก กดทีไร หลังติดเบาะทุกที กับน้ำหนักตัวรถที่ไม่มากนักสัดส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าเหมือนซูเปอร์คาร์เพียงแค่ย่อสัดส่วนลงมาเท่านั้น

โรดสเตอร์ ขนาดเล็ก 2 ที่นั่ง เปิดประทุน มันคือรถที่ซื้อมาเพื่อให้ความสุขทางใจ เพียงแค่มองดูรูปร่างหน้าตาก็ได้ ความรู้สึกที่แตกต่างจากรถทั่วไป และอย่าคิดว่ามันจะมีความสะดวกสบายแบบรถเก๋งซีดานหรูหรามีให้ ในทางกลับกันโรดสเตอร์ ให้ความรู้สึกในสิ่งที่รถหรูหราเหล่านั้นให้ไม่ได้

เช่น เราอยากได้รถที่กระชากเราให้หลังติดเบาะในทางสั้นๆ และควบคุมแม่นยำในทางโค้งที่แคบและเล็ก ต้องการรถที่ตอบสนองไว ตามสั่ง สปอร์ตไม่ธรรมดา ต้องมากกว่าอารมณ์สปอร์ต แบบนี้ เราจะพบอารมณ์แบบนี้ได้ในมาสด้า MX5

เวลาขับ มาสด้า MX5 แล้วนึกถึงความรู้สึกของการขับรถโกคาร์ท เป็นความรู้สึกที่เกิดจากการออกแบบรถที่มีแนวทางของตัวเองและอย่างที่บอก เวอร์ชั่นไหนๆ ก็ไม่แตกต่างในความรู้สึกที่ขับโดยเฉพาะ การกระจายน้ำหนัก 50:50 ระหว่างหน้าและหลัง ความรู้สึก มีความเคลื่อนไหว แข็งแกร่ง กระชับไม่เหมือนใคร

เครื่องยนต์ มีให้เลือกทั้งแบบ 2.0 ลิตร และ 1.8 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีพลังธรรมชาติของเครื่องตอบสนองในรอบสูง ลากรอบได้ถึงเรดไลน์ ความสนุกมาตั้งแต่ 2,000 รอบขึ้นไป และแน่นอนว่า รถเล็กๆ แบบนี้ ก็กินน้ำมันเอาเรื่องเหมือนกัน หากมันส์ เสียจนลืมยกเท้า

ปัจจุบัน MX5 ไม่ได้ เป็นรถยนต์ที่ดิบๆ เหมือนเดิม เพราะว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย มีทั้งระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (DSC) และแทรคชั่นคอนโทรล (TCS) หากชอบอารมณ์โรดสเตอร์

จะขาดเสียไม่ได้ที่จะต้องมีเครื่องเสียงชั้นยอด มาสด้านั้นพัฒนาระบบเครื่องเสียงร่วมกับ BOSE ดังนั้นในมาสด้า MX5 เราจะเห็น เครื่องเสียงยี่ห้อดังนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผงหน้าปัด และมาทั้งระบบที่เรียกว่า Premium Bose® Audio System

ทั้งหมด คือ โรดเตอร์ หนึ่งเดียวในค่ายญี่ปุ่น ขับวัน ก็ได้ มันส์แบบเดิมๆ MX5 ไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ


ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/auto-mobile/wheel/20090525/44726/มาสด้า-MX5-โรดเตอร์-รสดั้งเดิม.html

Tags : มาสด้า MX5

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น