02 กุมภาพันธ์ 2553

Honda CR-Z : แรงเรื่องรอง แต่ประหยัดเรื่องใหญ่


Honda CR-Z : แรงเรื่องรอง แต่ประหยัดเรื่องใหญ่
ในที่สุดจากต้นแบบที่เปิดตัวปี 2007 ฮอนด้าผลักดันให้กลายมาเป็นของจริงสำหรับขายในตลาดแล้ว เมื่อสปอร์ตพลังไฮบริดรุ่น CR-Z เผยโฉมรุ่นขายจริงออกมา และพร้อมทำตลาดทั่วโลกปีนี้ โดยเริ่มต้นที่ญี่ปุ่นเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นค่อยถึงคิวของตลาดหลักอย่างยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ฮอนด้าเผยสปอร์ตต้นแบบรุ่นนี้ในโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 จากนั้นในงานเดียวกันแต่อีก 2 ปีต่อมาก็เปิดตัวรุ่นใกล้เคียงกับการผลิตจริงพร้อมกับคอนเฟิร์มข่าวว่าขายจริงแน่ในปี 2010 จนกระทั่งมาถึงงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2010 เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา จึงเผยโฉม U.S. Spec อย่างเป็นทางการ ซึ่ง CR-Z จะเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นที่ 6 ที่ใช้เทคโนโลยี IMA-Integrated Motor Assist นับตั้งแต่ฮอนด้านำมาใช้ครั้งแรกกับรุ่นอินไซท์ในปี 1999

สำหรับชื่อรุ่น CR-Z เป็นตัวย่อของคำว่า Compact Renaissance Zero และแม้ว่าจะเป็นชื่อใหม่ แต่ว่ากันว่างานออกแบบทั้งภายนอกและภายในของ CR-Z มีกลิ่นอายและเป็นการสานต่อมาจากรถสปอร์ตขนาดเล็กชื่อดังของฮอนด้าในยุค 1980-1990 อย่าง CR-X และ CR-Z ถือเป็นอีกหนึ่งผลผลิตในการสร้างความแพร่หลายของรถยนต์ไฮบริดให้มีมากขึ้นและครบคลุมในทุกรูปแบบของรถยนต์

จากระยะฐานล้อในระดับ 2,430 มิลลิเมตร และเลย์เอาท์ของระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม H-Shape ทำให้เชื่อว่า CR-Z น่าจะได้รับการปรับปรุงและพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับซับคอมแพ็กต์รุ่นแจ๊ซ/ฟิต เช่นเดียวกับที่อินไซท์ใหม่เป็นอยู่ ซึ่งนั่นจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ในระดับหนึ่ง

ขณะที่มิติตัวถังของตัวรถมีความยาว 4,079 มิลลิเมตร, กว้าง 1,740 มิลลิเมตร และสูง (รวมเสาอากาศ) 1,394 มิลลิเมตร เพิ่มความสวยด้วยล้อขนาด 6X16 นิ้วกับยาง 195/55R16 แต่ถ้าอยากสวยก็มีล้อ 7X17 นิ้วกับยาง 205/45R17 เป็นออพชั่นจากโรงงาน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างจากอินไซท์และก็รวมถึงซีวิค ไฮบริด FD3 คือ เครื่องยนต์ไฮบริดที่ใช้อยู่ใน CR-Z เป็นการจับคู่ใหม่ระหว่างขุมพลังเบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,500 ซีซี i-VTEC กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดสามารถผลิตกำลังขับเคลื่อนออกมาได้สูงสุด 122 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 17.6 กก.-ม. ที่ 1,000-1,500 รอบ/นาทีสำหรับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ 16.9 กก.-ม.

สำหรับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT แบบมี Paddle Shift
เพื่อให้ตัวรถสามารถตอบสนองในด้านความประหยัดน้ำมันอย่างเต็มที่ฮอนด้านำแนวคิดในการพัฒนาระบบช่วยเหลือคนขับที่ใช้อยู่ในอินไซท์ใหม่มาใช้กับ CR-Z ซึ่งระบบนี้ประกอบไปด้วย Eco Assist™ System ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนผู้ขับถึงรูปแบบการขับ ณ วินาทีที่ส่งผลความประหยัดน้ำมันของรถยนต์

และ 3-Mode Drive System (Sport/Normal/ECON) ซึ่งสามารถเลือกกดผ่านทางปุ่มที่อยู่บนพวง มาลัย และจะมีการปรับการทำงานของระบบต่างๆ เช่น การตอบสนองของลิ้นปีกผีเสื้อ ระบบเพาเวอร์ไฟฟ้าของพวงมาลัย เครื่องปรับอากาศ และการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับรูปแบบของโหมดการขับที่เลือกเอาไว้ แถมยังมีโหมดการให้คะแนนความประหยัดในการขับ ซึ่งจะบันทึกเอาไว้เพื่อท้าทายให้ผู้ขับพัฒนาฝีมือในด้านการขับประหยัดไปเรื่อยๆ

ตัวเลขของความประหยัดน้ำมันจากการทดสอบของฮอนด้าในรุ่นเกียร์ธรรมดามีตัวเลขความประหยัดในเมือง/นอกเมือง/ผสมอยู่ที่ 12.5/14.9/13.3 กิโลเมตร/ลิตร และ 14.6/15.4/14.9 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับรุ่นเกียร์ CVT และได้รับการจัดให้เป็นรถยนต์ที่มีระดับการปล่อยมลพิษอยู่ในกลุ่ม AT-PZEV หรือ Advanced Technology Partial Zero Emissions Vehicle จากการทดสอบของ CARB หรือ California Air Resource Board

ญี่ปุ่นจะเป็นตลาดกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสกับ CR-Z เพราะฮอนด้าวางคิวไว้ว่าจะเริ่มขายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก่อนที่จะนำไปเปิดตัวอีกครั้งที่ยุโรปในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 เดือนมีนาคมนี้ และหลังจากนั้นก็จะเริ่มขายในตลาดตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของรถยนต์ไฮบริด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ที่มา http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000010816

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น